กรณีนายสรายุทธิ์ ทวีเกิด อายุ 50 ปี ไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระนครศรีอยุธยา ว่าลูกสาวอายุ 11 ปี หรือ น้องส้ม (นามสมมติ) ถูกสามีใหม่ของอดีตภรรยาลวงไปข่มขืน ซึ่งขณะนี้ทั้งคู่กำลังพาเด็กหลบหนี และไม่สามารถติดต่อได้ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 64
กระทั่งวันที่ 28 ธ.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังบ้านของเด็กคนดังกล่าว ตำบลวัดตูม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงได้พบกับนายณศร ลูกพี่ลูกน้องของน้องส้ม เล่าให้ฟังว่า วันที่ 26 ธันวาคม 64 ที่ผ่านมา ช่วงเวลาประมาณ 13.00 น. พ่อเลี้ยงของน้อง ออกอุบายว่าจะขับรถมารับพาไปซื้อขนม แต่ครั้งนี้ที่แปลกไปจากเดิมคือ ปกติจะมากับแม่ของเด็ก แต่ครั้งนี้ขับรถเก๋งมาคนเดียว แล้วน้องก็ได้ขึ้นรถเก๋งไปตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 13.00 น. ตอนนั้นคนที่บ้านก็คิดว่าน้องออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อน ก่อนจะมาทราบทีหลังว่า พ่อเลี้ยงพาน้องมาส่ง ช่วงเวลาประมาณ 16.00 น.
เมื่อกลับมาถึงบ้าน น้องก็เข้าห้องน้ำหลายรอบ เห็นว่าน้องมีเลือดไหลออกจากอวัยวะเพศ ตนก็สอบถามแต่น้องไม่ได้บอกอะไร จึงคิดว่าน้องเป็นประจําเดือน จนช่วงเวลา 02.00 น. น้องล้มอยู่ข้างเตียงนอน ตอนนั้นย่าจึงปลุกให้ตนพาน้องส้มไปโรงพยาบาล สภาพน้องอิดโรย แต่ระหว่างทางเลือดหยุดไหลจึงพากลับมาบ้าน แล้วย่าโทรไปด่าแม่แท้ ๆ ของน้องว่า "แฟนใหม่มึงทำอะไรลูกสาว"
หลังจากนั้น แม่น้องส้ม จึงมารับลูกสาวด้วยตัวเอง อ้างว่าจะพาไปหาหมอเองเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าสามีใหม่ไม่ได้กระทำชำเราเด็ก จึงเข้ามารับเด็กออกไปเวลา 08.00 น. ของวันที่ 27 ธันวาคม 64 หลังจากนั้นญาติ ๆ ก็พยายามติดต่อแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย ญาติจึงได้ไปสอบถามโรงพยาบาล ปรากฏว่าไม่มีชื่อน้องไปตรวจร่างกาย จึงได้แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้เป็นหลักฐาน
ล่าสุดวันที่ 29 ธ.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังบ้านของน้องส้ม ในพื้นที่หมู่ที่ 2 ต.วัดตูม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา พบเป็นบ้าน 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ ทีมข่าวได้เข้าพูดคุยกับ นางบุญช่วย ทวีเกิด อายุ 76 ปี ย่าน้องส้ม เล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่เกิดเหตุในวันที่ 27 ธ.ค.64 นายหนึ่ง พ่อเลี้ยง ได้ขับรถมารับน้องส้มที่บ้าน โดยมารับไปตอนไหนตนก็ไม่ทราบ แล้วในวันดังกล่าว ตนก็พยายามโทรศัพท์ไปพูดคุยกับ นางสาวอารีย์ แม่น้องส้ม ลูกสะใภ้ก็ตอบกลับว่า "ตอนนี้รอใบตรวจผลอยู่ที่โรงพยาบาล"ตนได้ยินเช่นนั้นก็รอ แต่เวลาผ่านไปประมาณ 2-3 ชั่วโมง ตนจึงโทรศัพท์กลับไปอีกครั้ง นางสาวอารีย์ บอกว่า "กำลังขับรถอยู่ เดี๋ยวค่อยคุยกัน" และในช่วงเย็น ตนก็โทรศัพท์ไปหานางสาวอารีย์อีกครั้ง แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย กระทั่งวันนี้ก็ไม่สามารถติดต่อได้
ทั้งนี้ นายหนึ่ง เคยแวะเวียนมาที่บ้านพร้อม น.ส.อารีย์ บ่อย ๆ ครั้ง โดยจะมาพร้อมกันเสมอ แต่ตนไม่เคยพูดคุยกับนางหนึ่ง เพียงยกมือไหว้ตอนมาบ้านและกลับบ้านตนก็รับไหว้เท่านั้น ไม่เคยพูดคุยกัน ส่วนน.ส.อารีย์ เลิกกับลูกชายตนไปได้ประมาณ 2 ปีกว่า ๆ หลังจากเลิกรากันระยะเวลา 4-5 เดือน ก็ไปคบหากับนายหนึ่ง
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งดำเนินการตามหาตัวนายหนึ่ง และกำลังไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ตนเป็นห่วงหลานสาวมาก ๆ อยากให้ได้หลานสาวกลับมา ส่วนนายหนึ่งและน.ส.อารีย์ จะไปที่ไหนก็ได้ ตนอยากรับหลานกลับมาดูแลรักษาตัว และอยากรู้ว่าหลานได้รับการรักษาแล้วหรือยัง ถ้ายังตนจะได้ดูแลด้วยตัวเอง เพราะหลานสาวเป็นเด็กไม่ค่อยสมบูรณ์ เคยผ่าตัดที่ท้องตั้งแต่เด็ก ๆสุขภาพไม่แข็งแรง หากนายหนึ่งหรือ น.ส.อารีย์ ฟังอยู่ ขอให้นำหลานสาวกลับมาส่งคืน
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังบริเวณป่าหญ้าข้างทาง ใกล้ตลาดกระต่ายทอง ต.สวนพริก อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ชาวบ้านคาดว่าอาจจะเป็นพื้นที่ที่พ่อเลี้ยงนำตัวน้องส้ม มากระทำชำเราในจุดบริเวณนี้ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของน้องส้ม ประมาณ 2 กิโลเมตร
โดยจะเห็นว่าเป็นพื้นที่โล่งกว้าง ใกล้กันมีป่าหญ้ารกทึบสูงลับตาผู้คน ซึ่งรถยนต์สามารถขับเข้ามาจอดได้ และอาจจะไม่มีผู้ใดสงสัย เนื่องจากบ้านใกล้เคียงก็ไร้ซึ่งผู้คนอยู่ภายในบ้าน ทีมข่าวพยายามตะโกนเรียกว่ามีใครอยู่หรือไม่ แต่ก็ไม่มีการตอบกลับ และบ้านถูกปิดเงียบสนิท
ทีมข่าวเดินทางมายังร้านค้าแห่งหนึ่ง จึงได้พูดคุยกับ น.ส.ธิตินันท์ ประสิทธิ์วัชรากร อายุ 30 ปี ชาวบ้าน เล่าให้ฟังว่า ตนไม่เคยเห็นรถเก๋งและชายคนดังกล่าว ปกติแล้วในพื้นที่แห่งนี้ช่วงกลางคืนมักจะเห็นรถยนต์มาจอดบริเวณป่าหญ้าข้างตลาดกระต่ายทอง มักจะมีคนนัดพบกันบริเวณแห่งนี้ในช่วงกลางคืน ตนเคยเห็นกับตาว่าแอบนัดเจอกัน แต่จะทำอะไรกันตนไม่ทราบ
ทีมข่าวโทรศัพท์สอบถามข้อมูล พ.ต.อ.ประเวศ ศรีนาค ผกก.สภ.พระนครศรีอยุธยา ระบุว่า การกระทำของนางสาวอารีย์ แม่น้องส้ม และนายหนึ่ง พ่อเลี้ยง ที่พาเด็กหลบหนีไป ตนยืนยันว่าความผิดนั้นได้เกิดขึ้นแล้ว ส่วนในเรื่องของกระทำอนาจารเด็กต้องอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนเพิ่มเติม เบื้องต้นได้ออกหมายจับตั้งข้อหาพรากผู้เยาว์ เพื่อการอนาจาร
ส่วนเรื่องของเลือดที่ติดอยู่ในกางเกงถือว่าเป็นพยานหลักฐาน ขณะนี้ยังไม่ได้เก็บมาตรวจสอบ ต้องได้ตัวเด็กกลับมาก่อน และแพทย์จะตรวจสอบกางเกง หากพบว่ามีการกระทำชำเราหรือข่มขืน และตรวจสอบจากพยานหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ตรงกัน ตำรวจก็จะได้ออกหมายจับและตั้งข้อหาเพิ่มเติมทันที