จากกรณีเพจ หัวร้อน โพสต์คลิป พร้อมข้อความระบุว่า "วิ่งตัดหน้าแบบนี้ หัวร้อนเลยครับ คลิปหน้ารถ 15-12-61 เหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิด ขับรถหรือข้ามถนน ขอให้มีสติและระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยทุกคนนะครับ เหตุการณ์นี้เหตุสุดวิสัยจริงๆ ขอให้คนเจ็บปลอดภัย Cr.เฮียเกรียง บุญเมือง"
วันที่ 17 ธ.ค. 61
นายอ๊อด พิราบ ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ (15 ธ.ค.) เวลาประมาณ 13.00 น. ขณะนั้นตนนอนอยู่ในบ้าน แต่แฟนบอกว่ามีรถชน ตนจึงรีบวิ่งออกมาดู พบว่าคนเจ็บนอนอยู่ตรงถนน บริเวณศีรษะมีเลือดไหลเป็นจำนวนมาก ตนจึงเข้าช่วยเหลือด้วยการกันรถไม่เข้ามาชนคนเจ็บ และโทรแจ้งหน่วยกู้ชีพ จากนั้น เมื่อหน่วยกู้ชีพเดินทางมาถึงก็นำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล ต่อมาทราบข่าวว่าชายคนดังกล่าวเสียชีวิตในวันเดียวกัน
ส่วนชายที่เป็นคนขับรถชน หลังเกิดเหตุก็ลงมาจากรถเก๋ง และบอกกับตนว่าไม่ได้ตั้งใจชน เนื่องจากตนเห็นว่ามีสีหน้ารู้สึกผิด จึงคาดว่าไม่ใช่พวกขับชนแล้วหนีแต่อย่างใด
นายอ๊อด กล่าวอีกว่า จากคลิปตนเห็นว่าชายคนดังกล่าววิ่งออกมาจากซอยเพื่อข้ามถนน จากนั้นจึงถูกรถเก๋งพุ่งชน โดยคนแถวตึกร้างจะเรียกชายคนนี้ว่า "ไอ้ตัวเหม็น" เพราะเป็นคนจรจัด คนสติไม่ดี ไม่ค่อยอาบน้ำ และแต่งตัวมอมแมม สวมเสื้อผ้าขาด ตนไม่เคยพูดคุยอะไรกับชายคนดังกล่าว แต่เคยเห็นชายคนนี้มาที่บริเวณนี้บ่อย และมักไปเดินบนทางรถไฟข้างถนนบ้าง ก่อนหน้านี้เคยเกือบถูกรถชนมาแล้วหลายครั้ง
ด้าน
นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ มองว่า กรณีดังกล่าวเป็นการวิ่งตัดหน้ารถแบบกระชั้นชิด ในทางกฎหมายมองว่าเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่สามารถหลีกพ้นได้ คนขับอาจไม่มีความผิด หากคนขับไม่ติดกล้องหน้ารถ ก็อาจถูกตั้งข้อหาขับรถประมาท ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เนื่องจากไม่มีหลักฐาน และต้องไปพิสูจน์ตัวเองในชั้นศาล ดังนั้น กล้องหน้ารถเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นหลักฐานที่เชื่อถือได้ ซึ่งภาพจากกล้องก็บ่งชี้ว่าคนขับไม่ได้ประมาท และถูกตัดหน้าอย่างกระชั้นชิด