กรณีพ.ต.ต.พิบูลย์พันธ์ สุขุมานนท์ สารวัตร สส.สภ. ฝาง เป็นหัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติดนำกำลังชุดสืบสวน ออกสืบสวนก่อนไล่ล่าพ่อค้ายาเสพติด แต่ถูกพ่อค้ายาใข้ปืน M16 ถล่มยิงใส่รถ ขณะขับประกบอยู่ในถนนบ้านสันปอธง จ.เชียงใหม่ อาการสาหัสแพทย์รพ.ฝาก พยายามช่วยชีวิตอย่างสุดความสามารถ แต่ พ.ต.ต.พิบูลพันธ์ ก็ได้เสียชีวิตลง จากบาดแผลกระสุนปืนทำลายเส้นเลือดแดงใหญ่บริเวณหัวใจและปอดฉีกขาด ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 30 ธ.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาที่บ้านของพ.ต.ต.พิบูลย์พันธ์ ทีมข่าวพบกับนางสนองศรี สุขุมานนท์ อายุ 71 ปี ผู้เป็นแม่ แต่งชุดดำรอเจ้าหน้าที่ตำรวจมารับไปร่วมพิธีรดน้ำหลวงอาบศพของลูกชาย ที่วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ต.พระสิงห์ จ.เชียงใหม่ สำหรับศพของพ.ต.ต.พิบูลพันธ์ จะมีการตั้งสวดอภิธรรมที่วัดจำนวน 1 คืน จากนั้นในวันพรุ่งนี้ (31 ธ.ค.64) ญาติ ๆ จะขอรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่บ้านเกิดอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ต่อไป
เมื่อมาถึงที่อาคารบุญทวีประสงค์ วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ต.พระสิงห์ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีรดน้ำหลวงอาบศพ และสวดอภิธรรมศพของพ.ต.ต.พิบูลพันธ์ โดยมีพล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 5 กว่า 200 นาย เดินทางมาร่วมพิธีบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า เมื่อเสร็จพิธีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ได้มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวของพ.ต.ต.พิบูลพันธ์
พล.ต.ต.สุวัฒน์ เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ในลักษณะแบบนี้ ตนได้พูดคุยกับผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ในส่วนของการเข้าจับกุมแก๊งค้ายาเสพติดที่ก่อเหตุแล้ว โดยให้สนธิกำลังร่วมกันหลายฝ่าย พร้อมทั้งหลักยุทธวิธีที่ใช้ในการติดตามตัวผู้ต้องหา และที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของความปลอดภัย จะเกิดการสูญเสียในลักษณะแบบนี้ขึ้นมาอีกไม่ได้
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นสภ.แม่อาย ขออำนาจศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหา 4 ราย ได้แก่ นายจะเย จะเดอ อายุ 43 ปี, นายจตุพล ยะจู่ อายุ 26 ปี, นายจะยี จะอื่อ อายุ 46 ปี และนายอนุชิต จะโต๊ะ อายุ 34 ปี ในข้อหา ร่วมกันฆ่าเจ้าพนักงานและพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่, ร่วมกันมียาเสพติดชนิดร้ายแรงประเภทที่ 1 ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีนไว้ในความครอบครองเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต, มีอาวุธหรือใช้อาวุธ, มีอาวุธปืนและเครื่องงกระสุนปืน ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต สำหรับทั้ง 4 คน เชื่อว่ายังหลบหนีอยู่ในพื้นที่อำเภอแม่อาย และยังอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลผู้ร่วมกระบวนการในครั้งนี้
ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ หลังพบว่ามีชาวบ้าน 2 คน เห็นคนร้ายขับรถหนีตำรวจ โดยทีมข่าวได้รับวงจรปิดเวลา 21.30 น. ชาวบ้านวิ่งไปดูเหตุการณ์ก่อนยืนดูอยู่ห่าง ๆ จากนั้นประมาณ 5 นาที จึงมีรถตำรวจตามมาอีกคัน
นางสาวพิมลพร (นามสมมุติ) อายุ 22 ปี ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เล่าให้ฟังว่า นาทีที่ตนได้ยินเสียงดังจึงได้วิ่งมาดูหน้าบ้าน เพราะตอนนั้นคิดว่าชาวบ้านจุดพุลฉลองปีใหม่ แต่ก็ไม่ใช่อย่างที่คิด ก่อนจะเห็นชาย 2 คนรูปร่างเล็กผมสั้นรองทรง วิ่งผ่านหน้าบ้านไปด้วยความเร็ว และมีการถือปืนหันกลับยิงไปทางจุดที่ตำรวจนอนเสียชีวิต จากนั้นรถยนต์สีดำใส่คอกเหล็กจึงจะขับตามไปติด ๆ แต่ไม่เห็นว่ามีการจอดให้ชาย 2 คนขึ้นรถไปด้วยหรือไม่ ทั้งนี้ ตนยอมรับว่าค่อนข้างตกใจ นาทีที่เห็นเจ้าหน้าที่ช่วยกันปั๊มหัวใจตำรวจก็ใจหาย ตนยอมรับว่าแถวนี้จับยาบ่อย แต่ไม่เห็นว่าจะยิงกันแรงขนาดนี้
นางสนองศรี สุขุมานนท์ อายุ 71 ปี ผู้เป็นแม่ ได้พาทีมข่าวไปดูผลงานเมื่อปี 63 ของลูกชาย ที่สามารถปราบยาเสพติด จำนวน 14 ล้านเม็ด จึงได้รับใบประกาศนียบัตร ยกให้เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความวิริยะ อุตสาหะ จากการสังเกตภายในบ้านจะจัดโชว์ผลงานของลูกชายไว้กลางบ้าน ทั้งประกาศนียบัตร เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่าง ๆ ตั้งแต่ปี 55, 58 และ 60 รวมทั้งผลการปฏิบัติงานดีเด่นมากมาย ส่วนเวลาที่เว้นว่างงานราชการก็จะชอบเตะบอล จนได้เหรียญและถ้วยรางวัลมากมาย จึงเป็นที่มาจากรุ่นพ่อที่ชอบเตะบอลได้แชมป์ เมื่อมีลูกจึงตั้งชื่อว่า “บอล”
นางสนองศรี เปิดเผยว่า ลูกชายของตนมีความุ่งมั่นตั้งใจ แม้จะเป็นคนเรียนในระดับปานกลาง แต่เมื่อพ่อให้ลูกไปสอบตำรวจ เขาก็สอบติดทันที เป็นจุดเริ่มต้นให้ลูกชายมุ่งมั่นมาถึงทุกวันนี้ โดยเฉพาะการเรียน ตนส่งเสียแค่ช่วงต้นเพราะที่บ้านฐานะปานกลาง แต่ลูกชายมีความมานะ หาเงินส่งตัวเองเรียนจนมาเป็นสารวัตร
ทั้งนี้ ตนไม่เคยคิดว่าครอบครัวจะต้องสูญเสียซ้ำรอยแบบนี้ เพราะคุณตาของเขาก็เป็นตำรวจและถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตในปี 2460 ตนจึงไม่คิดว่าจะมาซ้ำรอย แต่ตนภูมิใจที่ลูกตายอย่างสมเกียรติได้เลื่อนยศ ทว่าความรู้สึกก็ไม่คุ้มกับชีวิต ต่อให้มีเงินมากองตรงหน้า 10 ล้านก็ไม่คุ้ม ตนเสียใจกินไม่ได้นอนไม่หลับ
"ตอนนี้แม่รู้สึกเจ็บแค้นกับการกระทำที่โหดร้าย เมื่อคืนนาทีที่ดูข่าวมีช่วงเสียงปืนที่ยิงลูกชาย แม่ได้ยินเสียงร้องของลูก รู้สึกถึงความโหดร้าย กินไม่ได้นอนไม่หลับ เช้ามาก็รีบใส่บาตรให้เขา ได้แต่ยืนมองรูปและผลงานของลูกเท่านั้น แม่อยากจะเห็นหน้าคนร้าย ถ้าไม่โดนวิสามัญเสียก่อน วันนี้จึงขอให้ตำรวจรุ่นหลังมุ่งมั่นตั้งใจทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เป็นแบบอย่างตำรวจฝีมือดี" นางสนองศรี กล่าว