กรณีกระเเสดราม่าจากเวทีการประกวดวงโปงลาง ในงานโหวตเมืองร้อยเอ็ด ในระหว่างที่คณะกรรมการอย่าง "ครูเทียม" กำลังให้คอมเมนต์วงตักสิลานครด้วยถ้อยคำรุนแรง ก่อนจะวิจารณ์รูปร่างของนางไหคนหนึ่งว่า "อ้วน" ไม่รู้ว่าจะเป็น "นางไห" หรือ "นางโอ่ง" โดยคอมเมนต์ดังกล่าวสร้างความไม่พอใจ และกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก มีการติดแฮชแท็ก #เซฟนางไหตักสิลานคร พร้อมทั้งหยิบยกประเด็นการวิจารณ์เรื่องอ้วนผอมควรจะหมดไปได้แล้วในปี 2021
ล่าสุดวันที่ 31 ธ.ค.64 น.ส.พิมลพร ศรีสวัสดิ์ อายุ 26 ปี นางไหวงตักสิลานคร กล่าวว่า ตนเป็นนางไหมา 4-5 ปี หลังจากที่เรียนจบได้ไปทำงานที่โรงละครสยามนิรมิต แล้วได้ออกจากงานมาทำธุรกิจส่วนตัว แล้วได้ไปช่วยงานครูตามโอกาสต่าง ๆ ในวันที่ 29 ธ.ค.64 ตนได้ร่วมวงตักสิลาจังหวัดมหาสารคาม เข้าแข่งขันที่จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งในวันนั้นหลังจากการแสดงเสร็จก็จะมีการคอมเมนต์จากครูเพลงที่มาเป็นคณะกรรมการ และครูเทียมได้คอมเมนต์หลายอย่าง ทั้งการแสดง การร้อง รวมทั้งนางไหและบักกั๊บแก๊บของทีม โดยเน้นมาที่ตนว่า "นี่คือนางไหหรือนางโอ่ง" การคัดเลือกตัวแสดงไม่เข้ากัน ในวันนั้นตนมีความรู้สึกที่อยากจะร้องไห้ แต่อยากจะให้งานเดินต่อไปได้สมบูรณ์แบบ ก็ฝืนยิ้ม แต่ในความในใจลึก ๆ เจ็บมาก ๆ
"การคอมเมนต์ของครูเทียมทำให้หนูเสียใจมาก ๆ ยิ่งมาอ่านทุกครั้งก็นอนร้องไห้ทุกคืน หนูอยากให้ครูเทียมมองเห็นในเรื่องของความสามารถ การรำ การแสดงออกมากกว่าในเรื่องหุ่นที่จะอ้วนหรือผอม เพราะว่าเราไม่ได้ไปประกวดนางงาม ไม่ต้องใช้สัดส่วนมากขนาดนั้น" น.ส.พิมลพร กล่าว
อย่างไรก็ตาม ตนขอขอบคุณทุก ๆ คนที่ส่งกำลังใจมาให้ แต่ความรู้สึกของตนก็ยังมีความเสียใจ การแสดงความคิดเห็นเชิงลบไม่สามารถที่จะหยุดยั้งในการเป็นนางไหได้ ตนยังยืนยันจะเป็นนางไหและก็จะเป็นต่อไป ตามสิ่งที่ตนได้เรียนมา แต่ก็อยากจะให้ครูเพลงคนดังกล่าวเปลี่ยนมุมมอง และมุ่งเน้นในเรื่องของความสามารถมากกว่า
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับนายอธิวัฒน์ เพิ่มขึ้น อายุ 32 ปี ครูผู้ฝึกซ้อมการเเสดง เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้รับคอมเมนต์จากคณะกรรมการ ตนรู้สึกเสียใจมาก ๆ เพราะกรรมการไม่ได้พูดถึงความสามารถ เเต่กลับพูดถึงรูปร่างของนักเเสดง เป็นเหมือนการบูลลี่อย่างชัดเจน น้องนางไหคนดังกล่าวได้เข้ามากอดตนเเล้วร้องไห้ ทำให้ตนยิ่งรู้สึกสงสารมาก ๆ
นอกจากการบูลลี่รูปร่างเเล้ว ยังมีอีกคำพูดที่ตนรู้สึกคาใจ คือ กรรมการคนดังกล่าวพูดถึงการรำของน้องว่า "เหมือนรำไปมั่ว ๆ ให้จบเพลง" คำพูดดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะการเเสดงโปงลางเป็นศาสตร์ที่มีวิวัฒนาการมาอย่างยาวนาน เเละการเเสดงนางไหก็เป็นองค์ประกอบที่สำคัญ ที่จะมีการร่ายรำอย่างอิสระ ไม่ตายตัว ดังนั้น ตนจึงอยากให้กรรมการคนดังกล่าวไปศึกษาการเเสดงพื้นบ้านให้ถ่องเเท้ค่อยมาวิจารณ์ เพราะนี่คือการเเข่งขันโปงลาง เเตกต่างจากการเเข่งขันวงดนตรีลูกทุ่งชัดเจน
นายดนุพนธ์ เขตคาม ผู้จัดการวงตักสิลานคร เปิดเผยว่า ส่วนตัวก็รู้สึกไม่พอใจที่กรรมการพูดดูถูกน้องนางไห เพราะการพูดผ่านไมค์ต่อหน้าสาธารณชน เป็นการทำร้ายจิตใจของผู้ที่ถูกวิจารณ์เป็นอย่างมาก ๆ ตนจึงอยากให้กรรมการทบทวนคำพูด เเละควรให้ความสำคัญเรื่องความสามารถเป็นหลัก เพราะตนมั่นใจว่าเรื่องความสามารถของน้องคนดังกล่าวมีไม่น้อยกว่าคนอื่นอย่างเเน่นอน
ที่ผ่านมาน้องเคยตระเวนไปประกวดวงโปงลางหลายรายการ เคยได้รับรางวัลต่าง ๆ มากมาย ตั้งแต่ปี 51 ได้รับรางวัลชนะเลิศ ถ้วยรางวัลพระราชทาน สมเด็จพระพันปีหลวง ในการเเข่งขันวงโปงลาง ระดับประเทศ จากนั้นในปี 52 ได้รับรางวัลชนะเลิศ การเเข่งขันโปงลางของกรมพละศึกษา และในปี 61 ได้รับรางวัลชนะเลิศ ถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการเเข่งขันโปงลางงานกาชาติจังหวัดกาฬสินธุ์
“ครูเทียม” กล่าวชี้แจงว่า “จริง ๆ ตอนโชว์ เรื่องรำครูไม่แตะเลย เพราะรำสวยอยู่แล้ว ดูดีอยู่แล้ว ครูพูดถึงเรื่องแค่มันเข้าคู่และไม่ค่อยสวย ครูก็เลยหยอกว่า นี่นางไห หรือนางโอ่ง แค่นั้น เป็นการหยอก เจตนาของเราก็แค่หยอกนิดหยอกหน่อย อยากให้ข้อคิดกับคนสร้างงานด้วยว่าจะต้องเลือกนักแสดง เพราะการประกวดเป็นถ้วยพระราชทาน และพอเลิกงานเสร็จหมดแล้วมอบรางวัลแล้ว น้องก็มาหาครูและร้องไห้ ครูก็ว่าไม่อ้วนนะ แต่พอดูข้างหน้าตอนประกวดมันอ้วน ครูก็เลยขอโทษน้องไป แต่วันนั้นเป็นเรื่องการไลฟ์สดด้วย ครูก็เลยให้น้องถ่ายวิดีโอไลฟ์สด แล้วครูก็ขอโทษตรงนั้น”
อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าน้องไม่ได้พูดจาอะไรที่ล้ำเส้นตน ส่วนตนก็หยอกล้อน้องเล่น แต่ถ้าคำหยอกล้อของตนทำให้น้องร้องไห้ ตนก็พูดคำเดิมเหมือนตอนที่น้องเข้ามาหาหลังทำการแสดงแล้ว ตนขอโทษด้วยใจ ตนก็ไม่อยากทำให้ใครมีน้ำตา เพราะเป็นวันเกิดครูด้วย ตนก็มีความรู้สึกว่าไม่น่าหยอกน้องเลย น้องมีมารยาทมาก ๆ ไม่ได้เสียงดังใส่ตนแต่อย่างใด