กรณีวัยรุ่นเชียงใหม่ขี่รถจักรยานยนต์ซ้อน 3 เดินทางไปฉลองปีใหม่ที่ร้านหม่าล่า ในพื้นที่อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อร้านปิดจึงขี่รถจักรยานยนต์กลับที่พัก ระหว่างที่ขี่รถมาตามถนนเชียงใหม่-ฮอด (ขาเข้าเมือง) เยื้องกับร้านอิ่มหมีพีมันชาบูสาขาแม่เหียะ หมู่ที่ 5 ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ เกิดอุบัติเหตุแฉลบล้มชนเสาไฟฟ้า เป็นเหตุให้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 1 ราย
โดยนายกฤษณพงษ์ บำเรอสง อายุ 21 ปี นอนจมกองเลือดเสียชีวิต สภาพศีรษะมีร่องรอยการถูกกระแทก คาดว่ากระแทกเข้ากับต้นไม้อย่างจังจนใบหน้าเละ และนายอวัช สุวรรณพิทักษ์ อายุ 19 ปี เสียชีวิตคาที่ ในสภาพศีรษะกระแทกกับขอบฟุตพาท จนทำให้คอหักเสียชีวิตคาที่ หน้าอกมีร่องรอยการพกช้ำบาดจากแผลจากการครูดไปกับผิวถนน ทั้งคู่เป็นเด็กกำพร้าพักอาศัยอยู่บ้านพักเด็กกำพร้า ในพื้นที่อำเภอสันทรายจังหวัดเชียงใหม่
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บอีกคนทราบชื่อ นางสาวปิยากร อุปถัมภ์ อายุ 18 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกปั๊มหัวใจนำส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน แต่เสียชีวิตที่ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่
ล่าสุดวันที่ 2 ม.ค.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ก่อนถึงสี่แยกไหแดงแม่เหียะสมานสามัคคี เพียง 500 เมตร พบต้นไม้หนึ่งต้นมีร่องรอยการชน จนเป็นรอยถากกว้าง 2 นิ้ว และมีรอยคราบเลือดติดอยู่ ส่วนบนผิวถนนยังมีรอยคราบเลือดจำนวนมากติดอยู่เช่นกัน และพบรองเท้าหนึ่งคู่กับอีกหนึ่งข้าง คาดว่าเป็นของผู้ประสบอุบัติเหตุในครั้งนี้
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาที่ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ พบรุ่นพี่และครอบครัวของผู้เสียชีวิต โดยญาติของนายกฤษณพงษ์ รับศพไปบำเพ็ญกุศลที่จ.น่าน ส่วนญาติของนางสาวปิยากร ญาติรับศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดลัฏฐิวัน (พระนอนขอนตาล) ส่วนนายอวัช ไม่มีญาติจึงต้องรอสถานสงเคราะห์เปิดทำการและรอรับศพต่อไป
นายมนฑน หลวงจำเริญ อายุ 24 ปี หนึ่งในรุ่นพี่ที่ไปเที่ยวด้วยกันในคืนเกิดเหตุ เปิดเผยว่า ตอนนี้น้องผู้หญิงเสียชีวิตแล้ว ในวันเกิดเหตุสังสรรค์กันเสร็จแล้วขี่มาด้วยกัน 3 คัน ตนและอีกคันขี่รถนำหน้ามาก่อน แต่พอตนขี่ผ่านแยกไฟแดงมาประมาณ 6 นาที น้องอีก 3 คน ยังไม่ขี่รถตามมาตนจึงรู้สึกว่าผิดปกติ จึงจอดรถข้างทางโทรศัพท์หาแต่ไม่ติดจึงย้อนไปดู เมื่อเห็นน้อง ๆ นอนจมกองเลือดก็ช็อก ทำอะไรไม่ถูก
ทั้งนี้ นายกฤษณพงษ์ เพิ่งจะซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 64 ที่ผ่านมา เขาเป็นช่างซ่อมรถ นิสัยห้าว ๆ ตามประสาวัยรุ่น ตนพยายามสอนตักเตือนเพราะตนผ่านช่วงห้าว ๆ มาก่อน แต่น้อง ๆ ไม่ฟัง ตนจึงอยากฝากวัยรุ่นทุกคนขี่รถช้า ๆ อย่าเหิมเกริม ทุกคนมีอนาคต แต่ต้องมาหมดอนาคตเพราะอุบัติเหตุ ในวันนี้ตนอยากให้ทุกคนไปสบาย ชาติหน้าให้เกิดมามีครอบครัวที่ดีและสมบูรณ์
นางสาวจันทราพร (นามสมมติ) อายุ 23 ปี พี่สาวของนางสาวปิยากร กล่าวว่า ครอบครัวไม่พร้อมดูแลจึงส่งตนและน้องมาอยู่ที่นี่ ส่วนตนมีแฟนและครอบครัวแฟนมารับตั้งแต่อายุ 18 ปี จากนั้นก็ไม่ค่อยได้ติดต่อน้อง เพราะตนไม่พอใจน้องติดเพื่อน สอนไม่ฟัง อีกทั้งที่บ้านเด็กไม่ได้มีกฎมากมาย สามารถออกไปเที่ยวได้ แต่ต้องระบุเวลากลับที่ชัดเจน แต่ตนก็แอบเป็นห่วงน้อง แอบส่องเฟซบุ๊กตลอดว่าน้องไปไหน
กระทั่งมาทราบเรื่องก็ตกใจมาก ๆ ตนรีบมาที่โรงพยาบาล แต่น้องสาวก็เสียชีวิตแล้ว ตนรู้สึกเสียใจที่บล็อกน้อง เพราะก่อนน้องเสียชีวิตน้องบอกกับเพื่อนว่า น้องเสียใจพยายามขอโทษ ที่ทำให้ตนเสียใจ พยายามอยากจะขอโทษ แต่ไม่กล้า เหมือนน้องรู้ว่าผิด แต่ไม่กล้า วันนี้ตนก็อโหสิกรรมให้น้อง อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ศูนย์ดูแลเด็ก สอนให้เด็กรู้จักใช้ชีวิตข้างนอกแบบจริง ๆ หากเลี้ยงแบบปิด พอเด็กได้ออกก็จะไม่มีประสบการณ์
นางสาวสุภานัน มะใบ อายุ 47 พนักงานร้านแก๊ส ห่างจุดเกิดเหตุประมาณ 200 เมตร เล่าให้ฟังว่า เวลาประมาณ 03.00 น. ขณะนั้นร้านปิดและหลับกันหมด ไม่มีใครได้ยินเสียงหรือเห็นเหตุการณ์ แต่ยอมรับรถที่ใช้ถนนเส้นนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อย ไม่ต่ำกว่า 5 ครั้งแล้ว ซึ่งอุบัติเหตุส่วนใหญ่เป็นรถจักรยานยนต์ เพราะขี่ด้วยความเร็ว และมักเป็นวัยรุ่นเที่ยวกลางคืนแฉลบล้มเองบ้าง เฉี่ยวชนคนอื่นล้มบ้าง แต่ก็แค่เจ็บเล็กน้อย ๆ
ทั้งนี้ ตนมองว่าอุบัติเหตุส่วนใหญ่ในปีนี้ จะเมาและขับ ตนจึงอยากให้ทุกคนคำนึงถึงเรื่องการดื่มสุราและการขับขี่รถให้มาก ๆ เพราะเวลาเกิดอุบัติเหตุไม่ใช่เราที่สูญเสีย แต่จะทำคนอื่นเดือดร้อนไปด้วย ดังนั้นในปีนี้อย่างจ. เชียงใหม่ มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวกันเยอะมาก ๆ ตนจึงอยากให้ทุกคนขับขี่ระมัดระวัง
