เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2565 เมื่อเวลา 00.15 น. สถานีตำรวจภูธรบ้านเขว้า พ.ต.อ.อานุภาพ ผิวอ่อน ผกก.สภ.บ้านเขว้า, พ.ต.ท.ศรศักดิ์ พากระโทก สว.(สอบสวน) สภ.บ้านเขว้า ได้รับแจ้งจากทางโรงพยาบาลบ้านเขว้าจังหวัดชัยภูมิว่า นายพิชัย วิเศษศักดิ์ อายุ 48 ปี ชาว จ.ชัยภูมิ อยู่ในอาการมึนงง เข้ามาขอการรักษา เนื่องจากอาการนอนไม่หลับ และบอกต่อหน้าเจ้าหน้าที่พยาบาลว่าได้ฆ่าผู้หญิงตาย 1 คน อยู่ภายในรถที่จอดอยู่ภายในโรงพยาบาล
เจ้าหน้าที่จึงรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่สายตรวจ และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ในโรงพยาบาลบริเวณลานจอดรถ ตรวจสอบพบรถยนต์ยี่ที่คนร้ายขับเข้ามาจอดอยู่ ตรวจสอบภายในรถพบร่างผู้เสียชีวิตคือ นางสิริปภา จำบัวขาว อายุ 49 ปี
ล่าสุด ช่วงเช้าวันที่ 3 มกราคม 2565 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังบ้านของผู้เสียชีวิต บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า โดยครอบครัวได้ตั้งโลงศพของผู้เสียชีวิตไว้ในบ้าน
นายสถาพร จำบัวขาว อายุ 35 ปี น้องชายของนางสิริปภา ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า หลังจากที่ตัวเองและครอบครัว ได้ดูบทสัมภาษณ์ของผู้ต้องหาที่เปิดใจกับทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ก็มีในหลายประเด็นที่ทางครอบครัวติดใจกับคำให้การผู้ต้องหา ประเด็นแรกคือที่ผู้ต้องหาบอกว่ามีการคบหากับพี่สาวตัวเองได้ 1 เดือนนั้น ตัวเองขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง เพราะพี่สาวแค่มีการพูดคุยกับผู้ต้องหาเท่านั้น ยังไม่ได้คบหากัน
ประเด็นที่ 2 คือประเด็นที่ผู้ต้องหาอ้างว่าพี่สาวตัวเองมีชู้ จึงเกิดอารมณ์โมโห และทำร้ายพี่สาวจนเสียชีวิต ตัวเองขอยืนยันว่าพี่สาวตัวเองไม่ได้มีชู้ พี่สาวเคยมีสามีจริง แต่ได้เลิกรากันไปนานแล้ว ปัจจุบันพี่สาวก็ยังโสดอยู่
ประเด็นที่ 3 ตัวเองคิดว่าการก่อเหตุครั้งนี้ ผู้ต้องหามีการเตรียมการมาก่อน เพราะเขาได้โทรมาหาพี่สาว นัดให้พี่สาวเอาของไปให้เขา
ประเด็นที่ 4 ที่ผู้ต้องหาให้การว่าก่อนเกิดเหตุ ได้มีเพศสัมพันธ์กับพี่สาวตัวเองแบบสมยอมนั้น ทางครอบครัวก็คิดว่าไม่เป็นความจริง เพราะว่าจากการชันสูตรศพพี่สาว แพทย์ได้บอกว่าไม่พบคราบอสุจิ หรือร่องรอยการมีเพศสัมพันธ์ และผลชันสูตรเบื้องต้นยังพบว่าพี่สาวตับฉีกขาด และกระดูกซี่โครงหัก ทางครอบครัวจึงคิดว่าผู้ต้องหาน่าจะทำร้ายร่างกายพี่สาวอย่างหนักเพื่อขืนใจพี่สาว แต่พี่สาวไม่สมยอม จนกระดูกซี่โครงหัก
ตั้งแต่เกิดเหตุ ครอบครัวของผู้ก่อเหตุ ก็ยังไม่ติดต่อมาแสดงความเสียใจ หรือขอโทษครอบครัวตัวเองแต่อย่างใด ยืนยันว่าอยากให้นายพิชัยได้รับโทษประหารชีวิต ถ้าเขาพ้นโทษออกมา เขาก็คงไปก่อเหตุกับคนอื่นอีก ขนาดเขาพ้นโทษเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เขาก็ยังมาก่อเหตุกับพี่สาวตัวเองได้ การติดคุกของเขาไม่ได้ทำให้เขาสำนึกผิดเลย พี่สาวตัวเองเป็นคนน่ารัก ไม่มีพิษมีภัยกับใคร จนลืมมองว่าคนใกล้ตัวอาจคิดไม่ดีกับตัวเอง ตัวเองอยากฝากถึงผู้กำกับการ สภ.บ้านเขว้า และร้อยเวรเจ้าของคดี ให้ช่วยให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวตัวเองด้วย
ส่วนทางด้านแม่ของผู้เสียชีวิต วันนี้เจ้าตัวก็ยังไม่พร้อมให้สัมภาษณ์ ยังทำใจไม่ได้ มีอาการเหม่อลอย และร้องไห้อยู่ตลอดเวลา
เสลา 13.00 น. ครอบครัวผู้เสียชีวิตนำศพนางสิริปภา ผู้เสียชีวิต มาประกอบพิธีฌาปนกิจที่วัดหัวหนอง อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ขณะที่น้องน้องชาย และน้องสาวของผู้เสียชีวิตก็กอดคอกันร้องไห้
ครอบครัวของผู้เสียชีวิต ได้นำกล้องหน้ารถของนางสิริปภา ผู้เสียชีวิต มาให้ทีมข่าวตรวจสอบ โดยพบว่ากล้องหน้ารถของผู้ตายมีไฟล์ภาพปรากฏอยู่ แต่เป็นไฟล์เมื่อปี 2017 คาดว่าผู้เสียชีวิตน่าจะไม่ได้เชื่อมต่อกล้องเอาไว้
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้กล้องวงจรปิดในโรงพยาบาลมาเพิ่มเติม หลังจากคุณหมอหญิง ได้เข้าไปพูดคุยสอบถามอาการกับนายพิชัยแล้ว ในกล้องจะเห็นนายพิชัยนั่งบนเตียงผู้ป่วย มีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลพาตำรวจเข้ามายังห้องฉุกเฉิน เพื่อทำการสอบปากคำนายพิชัย และคุมตัวนายพิชัย ไปสอบสวนที่โรงพัก
ด้านนายทองลี มีสิทธิ์ ผู้ใหญ่บ้าน เล่าเกี่ยวกับพฤติกรรมของนายพิชัยตั้งแต่ก่อนที่จะถูกดำเนินคดีในคดียาเสพติด และหลังจากที่พ้นโทษออกมาก่อนที่จะมาก่อเหตุในครั้งนี้อีกครั้งว่า นายพิชัยในช่วงก่อนที่จะถูกดำเนินคดี ครั้งก่อนเคยมีครอบครัวมาแล้ว และมีผู้หญิงมาติดพันหลายคน เพราะเป็นคนพูดจาดีกับคนในหมู่บ้าน คนในครอบครัวก็พูดจาดี
ยอมรับว่านายพิชัย ถ้าเกิดว่ามีการดื่มกินหรือเมาก็จะมีเสียงดังโวยวาย แต่ก็ไม่ถึงขนาดรุนแรง จนกระทั่งมีเรื่องของยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง จนทำให้ถูกดำเนินคดี แต่หลังจากพ้นโทษมาได้เมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2564 ที่ผ่านมาก็กลับมาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ ทางผู้ใหญ่บ้านก็ยังได้เข้าไปเพื่อทำเอกสารตามขั้นตอนการกลับเข้าสู่พื้นที่
กระทั่งตัวพี่สาวของนายพิชัยแวะเวียนมาพูดคุยบอกกล่าวว่าจะนำน้องชายเข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านเดียวกัน ให้อยู่ในบ้านหลังเดียวกัน เพราะบ้านของนายพิชัยผุพังไปนานแล้ว โดยตัวนายพิชัยเองหลังจากพ้นโทษออกมา ใช้ชีวิตประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป โดยส่วนใหญ่ก็จะรับจ้างขับรถไถนาให้กับญาติพี่น้องภายในหมู่บ้าน ส่วนเรื่องของการมีหญิงสาวเข้ามาเกี่ยวพัน จนทำให้เกิดคดีดังกล่าว ตนไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน