จากกรณีเหตุยิงกันที่ หมู่ 3 ต.ชัยมงคล อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โดยสาเหตุของปัญหาเกิดจากเรื่องที่ นายเต้ย ขี่รถจักรยานยนต์เสียงดัง ทำให้นายถาวร ปรีงาม ผู้ที่ออกจากบ้านมาตักเตือน จึงถูกยิงเสียชีวิต ก่อนที่นายเต้ยจะหลบหนีไป โดยเหตุเกิดขึ้นวันที่ 21 ธ.ค. 61
วันที่ 23 ธ.ค. 61 ที่ สภ.บางโทรัด พล.ต.ต.สามารถศรี สิริวิบูลย์ชัย ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร พร้อม พ.ต.อ.ปัญจพล ชำนาญหมอ ผกก.สภ.บางโทรัด ร่วมแถลงข่าวการจับกุมตัว นายสุกฤษดิ์ สีดำ หรือ เต้ย อายุ 28 ปี ซึ่งสาเหตุมาจากนายถาวร ผู้ตาย ไม่พอใจนายสุกฤษดิ์ ที่ขับรถจักรยานยนต์เสียงดัง จึงเกิดปากเสียงวิวาทกัน และนายถาวร ถูกนายสุกฤษดิ์ใช้อาวุธปืนยิงได้รับบาดเจ็บ และถึงแก่ความตาย
จากการสอบสวนเบื้องต้น นายสุกฤษดิ์ ให้การว่า ตนได้ใช้อาวุธปืนยิงนายถาวร ผู้ตาย สาเหตุมาจากนายถาวร ใช้ไม้ตีศีรษะตน และใช้อาวุธปืนจ่อยิงศีรษะตนก่อน แต่อาวุธปืนไม่ลั่น จึงได้ชักอาวุธปืนของตนที่พกมายิงนายถาวร จนถึงแก่ความตาย แล้วหลบหนีไปที่บ้านพี่ชายที่อำเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์ โดยได้นำอาวุธปืนขนาด 9 มม. ของผู้ตายติดตัวมาด้วย หลังจากนั้น ก็จะกลับมาบ้านที่จังหวัดสมุทรสาคร แต่มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ที่บริเวณขนส่งหมอชิต ส่วนอาวุธปืนพกของตน เป็นอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ขนาด .38 หลังก่อเหตุได้โยนทิ้งคลอง ที่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุ
ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวหาเบื้องต้น ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ก่อนจะนำตัวส่งร้อยเวรสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้น หมู่ 3 ต.ชัยมงคล อ.เมือง จ.สมุทรสาคร บ้านของนายถาวร ปรีงาม ผู้เสียชีวิต ซึ่งญาติของผู้ตายอยู่ในอาการโศกเศร้า ขณะเดียวกันมีกลุ่มญาติของผู้ก่อเหตุ 6-7 คน ได้เข้ามายืนประชันหน้า และเจรจาจนมีปากเสียงกัน โดยญาติของผู้ก่อเหตุ พยายามถามญาติของผู้ตายว่า ทำไมถึงต้องให้ข่าวที่รุนแรง พร้อมให้เหตุผลว่า ถ้าหากผู้ตายไม่มีเหตุทะเลาะ ก็คงไม่มีการยิงกัน อีกทั้งเป็นเพื่อนบ้านกันอควรจะตักเตือนกัน หรือแจ้งตำรวจให้มาจับ ไม่ควรมาทะเลาะกันจนเป็นเหตุบานปลายเช่นนี้
แต่ด้านญาติของผู้ตาย พยายามโต้เถียง ซึ่งลูกสาวคนโตของผู้ตาย โต้เถียงว่า "พ่อตาย จะมีใครตายแทนได้ไหม" และพูดทั้งน้ำตาว่า "จะให้พอได้ยังไง หนูสูญเสียพ่อ มันทำกับพ่อหนูขนาดนั้นจะพอได้ยังไง" และญาติพูดเสริมว่า "พยายามเตือนมาหลายรอบแล้ว" และบางครั้งก็ได้ยินเสียงปืนมาจากบ้านของนายเต้ย ซึ่งเหตุการชุลมุนประมาณ 5 นาที ก่อนจะมีเพื่อนบ้านเข้ามาห้ามปราม และทั้ง 2 ฝ่ายได้แยกย้ายกันไป
น.ส.วัลลยา ปรีงาม อายุ 29 ปี ลูกสาวของผู้ตาย เปิดเผยว่า นายเต้ยยิงพ่อตนจนตาย แต่ทำไมญาติของนายเต้ยยังต้องมาโวยวาย ทั้งที่ฝั่งตนก็เสียความรู้สึกอยู่แล้ว ทำไมญาติของนายเต้ยถึงไม่ให้เกียรติความรู้สึกของครอบครัวตนบ้าง อย่างน้อยควรมาแสดงความเสียใจ ไม่ใช่มาพูดโวยวายเช่นนี้ และอยากฝากให้ฝั่งผู้ก่อเหตุเห็นใจตนบ้าง เพราะฝั่งผู้ก่อเหตุได้กล่าวหาว่าพวกตนให้ข่าวเกินความเป็นจริง ตนก็อยากถามกลับว่า ฝั่งตนเป็นผู้เสียหาย จะไปพูดโกหกให้เขาเสื่อมเสียทำไม เพราะโกหกไป พ่อของตนก็ไม่ฟื้นขึ้นมา
น.ส.วัลลยา พูดทั้งน้ำตาว่า ค่อนข้างช็อกที่พ่อจากไป เพราะตนมีพ่อคนเดียวในชีวิต เมื่อทราบว่าพ่อตาย รู้สึกเหมือนหัวใจหลุดออกไปจากร่าง อยากให้เหตุการณ์ทั้งหมดเป็นเพียงความฝัน เพราะตนไม่มีโอกาสพูดร่ำลากับพ่อเลย อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่ารถของนายเต้ยเสียงดังจริง สภาพเหมือนเรือแล่นบนถนน รวมถึงบ้านตนมีเด็กเล็ก จึงทำให้ได้รับความรบกวนอย่างมาก แม้ว่าจะแจ้งตำรวจก็คงไม่มีหลักฐานตอนเบิ้ลรถ แต่เห็นว่าเป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียงกัน ตนคิดว่าจะสามารถเตือนกันได้ พ่อของตนจึงเข้าไปเตือนจนเป็นเหตุเช่นนี้ ทั้งนี้ ตนเป็นลูกคนละแม่กับน้องคนเล็กที่อายุ 5 เดือน ซึ่งตอนนี้ค่อนข้างเห็นใจน้องเล็ก และแม่ของเขา เพราะแม่ต้องหาเลี้ยงชีพเพียงคนเดียว เพราะขาดพ่อผู้เป็นเสาหลักของบ้านไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ยอมรับว่าโกรธนายเต้ย แต่ไม่แค้น จนกระทั่งมาเจอเหตุการณ์ปะทะในวันนี้ ก็เหมือนการสุมไฟให้ตนยิงโกรธแค้น และยิ่งเสียความรู้สึกยิ่งขึ้น
นางกิ่งกาญ หารจำปา ภรรยาของผู้เสียชีวิต อยู่ในอาการโศกเศร้า และมีอาการตกใจ หลังจากที่เกิดการโต้เถียงกับญาติของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า หลังสามีเสียชีวิต ตนก็กลัวอยู่แล้วว่าจะมีคนมาทำอันตรายอีก อีกทั้งวันนี้ญาติของผู้ก่อเหตุได้เข้ามาพูดคุย และมีอาการไม่พอใจ ก็ยิ่งทำให้ตนกลัว เนื่องจากสามีตนเสียชีวิต ตนก็ต้องอยู่บ้านกับลูกน้อยวัย 5 เดือน เพียง 2 คน และไม่มีผู้ชายคอยดูแล และไม่รู้ว่าพรรคพวกของผู้ก่อเหตุจะมาทำร้ายตนเมื่อไร ตนเสียใจและหดหู่มาก ทั้งที่ตนเป็นฝ่ายสูญเสีย แต่กลับต้องมาถูกญาติของผู้ก่อเหตุต่อว่า แทนที่เขาจะมาขอโทษ ทั้งที่วันเกิดเหตุตนพยายามยกมือไหว้ขอชีวิตให้สามี แต่หลังจากสามีตนตาย จนถึงตอนนี้ ญาติของผู้ก่อเหตุไม่เคยเข้ามาไหว้ขอโทษต่อตนเลย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าญาติผู้ก่อเหตุจะไม่พอใจที่ตนให้ข่าว แต่ตนยืนยันว่า ให้ข่าวตามความจริง เพราะตนอยู่ในเหตุการณ์ แต่ญาติของผู้ก่อเหตุไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ และอยากถามว่าถ้าคนที่ถูกยิงเป็นนายเต้ยแทน ญาติของนายเต้ยก็คงต้องให้ข่าวว่าร้ายตน ซึ่งตนมองว่าอีกฝ่ายไม่ควรมาโกรธแค้นตน ควรจะเห็นใจตนมากกว่า เพราะตนเป็นผู้สูญเสีย ซึ่งสามีตนตายไปก็เอาชีวิตกลับคืนมาไม่ได้ นอกจากนี้ หากอีกฝ่ายเขาเข้ามาขอโทษ ตนก็ไม่ให้อภัยแล้ว เนื่องจากยังโกรธนายเต้ย เพราะการกระทำของเขาโหดเหี้ยม ใจดำมาก เหมือนเดนมนุษย์
นางกิ่งกาญ พูดทั้งน้ำตาว่า เขายิงสามีต่อหน้าตน 2 นัด และยิงซ้ำถึง 2 นัด ซึ่งภาพนั้นก็ยังติดตาตน ไม่มีวันลืม ลบเลือนไม่ได้ และตนไม่อนุญาตให้นายเต้ยมาขอขมาศพของสามีเด็ดขาด เพราะตนมั่นใจเลยว่าสามีตนก็คงไม่อโหสิกรรมให้เขา เพราะตนรู้นิสัยของสามีตนดี
ด้าน
ชาวบ้านในซอย เปิดเผยว่า ยืนยันว่านายเต้ยขับรถเสียงดังมาก เวลานอนตอนกลางวัน ถึงกับต้องสะดุ้งตื่น และเป็นแบบนี้มานานร่วมปี แม้ว่าจะไม่ขับทุกวันแต่ก็ขับบ่อยมาก อีกทั้งทุกวันอาทิตย์ จะมีเพื่อนกลุ่มแว้นหลายคนเข้ามาหานายเต้ยภายในซอย ซึ่งรถทุกคันมีท่อดังทุกคัน เสียงก็ยิ่งรบกวนคนภายในซอย และมีการเบิ้ลรถทั้งวันทั้งคืน และขับรถไปมาภายในซอย
อีกทั้งเพื่อน ๆ เขายังชอบสบถคำหยาบเสียงดัง อีกทั้งมีการถ่มน้ำลายลงถนนหน้าบ้านตน แต่ตนก็ไม่กล้าพูดเตือน เพราะพวกเขาเป็นชายฉกรรจ์เกือบทั้งหมด กลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่พอใจ และจะทำอันตราย อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ในช่วงกลางคืน ตอนที่ตนปีนต้นตาล แล้วไฟฉายหันไปหากลุ่มของนายเต้ย พวกเขาก็มักจะหันมามอง ซึ่งตนก็ค่อนข้างกลัว จึงไม่กล้าเตือนเรื่องเสียงดัง
จากนั้น
คุณจู น้าสาวของนายเต้ย เปิดเผยว่า เหตุการณ์วันนี้ ตนและกลุ่มญาติ ไม่ได้มีเจตนาไปรุกราน หรือต่อว่าคู่กรณี เพียงแต่ตนต้องการจะไปปรึกษาผู้ใหญ่บ้าน เรื่องที่นายเต้ยถูกตำรวจควบคุมตัวเท่านั้น อีกทั้งตนอยากไปอธิบายให้แม่ของผู้ตายฟังว่า ตลอดเวลาที่ตนเข้าไปทำสวนตาลในบริเวณใกล้เคียงบ้าน ตนได้ยินเสียงเต้ยเบิ้ลรถเพียงบางครั้งเท่านั้น ไม่ได้เบิ้ลรถทั้งวันทั้งคืนจนรบวนใครมากมาย และไม่เข้าใจว่าทำไมญาติของผู้เสียชีวิตจึงให้ข่าวว่านายเต้ยเบิ้ลรถทั้งวันทั้งคืน ซึ่งตนตั้งข้อสังเกตว่าใครที่ไหนจะเบิ้ลรถตลอด 24 ชั่วโมง
คุณจู เปิดเผยว่า รู้ว่าญาติผู้ตายอาจจะเสียใจ แต่ก่อนหน้านี้นายเต้ยก็เคยปรับปรุงตัว โดยการยอมดับเครื่องรถแล้วเข็นผ่านหน้าบ้านเขา อีกทั้งเคยเปลี่ยนเป็นท่อที่เสียงไม่ดังมาใส่ แต่สุดท้ายก็ถูกอีกฝั่งตำหนิ ซึ่งตนมองว่าเขาน่าจะมีอคติ และการที่นายเต้ยยิงอีกฝ่าย คงเป็นการป้องกันตัว เพราะคนปกติคงไม่ชักปืนออกมายิงโดยไม่มีสาเหตุ หรือไม่มีเหตุรุนแรง
อย่างไรก็ตาม ตนก็ไม่กล้าพาตัวเต้ยไปขอขมาศพผู้ตาย เนื่องจากกลัวว่าเขาจะยังโกรธแค้นและทำร้ายนายเต้ย เพราะลูก ๆ ของผู้ตายคงยังโกรธแค้น ซึ่งก่อนหน้านี้ ตนและญาติก็ได้ทำใจแล้วว่านายเต้ยเป็นคนผิด ก็จะยอมทุกอย่าง แต่ตอนนี้ก็เริ่มไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะยอมจบหรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้านที่มาเล่าว่าใ นจุดเกิดเหตุมีไม้หน้าสามวางอยู่ 1 ท่อน ซึ่งตนก็คาดเดาว่าทั้ง 2 ฝ่ายอาจจะมีการต่อยตีกันก่อน จนเกิดบันดาลโทสะ
นอกจากนี้ ตนคิดว่าเป็นเรื่องไม่ยุติธรรมที่อีกฝ่ายให้ข่าวออกไป เพราะเต้ยก็เป็นคนนิสัยเงียบ ๆ ไม่ยุ่งกับใคร แต่ยอมรับว่า เขาชอบเบิ้ลรถภายในบ้านเขาเท่านั้น แต่ตนก็เข้าใจว่าเสียงคงไปกระทบบ้านข้างเคียงจนเป็นเหตุเช่นนี้ แต่ตนก็ยังยืนยันว่า เบิ้ลรถแค่บางเวลา ไม่ใช่ทั้งวันทั้งคืน