สยอง หนุ่มคลั่งทะเลาะเมียถีบห้องกรรไกรเสียบปอด หอแจงไล่ออกแล้วแต่ไม่ไป (คลิป)

จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก “อีซ้อขยี้ข่าว 2” โพสต์ข้อความระบุว่า “เหตุการณ์เมื่อคืนวันที่ 1 ม.ค. ที่ตึกมีคนเมาอาละวาค วิ่งถือมีดมาหาเรืองและทุบประตูห้อง ซึ่งมีลูกวัย 10 เดือนอยู่ด้วย จึงโทรแจ้งตำรวจให้มาระงับเหตุ ก่อนที่สามีจะเข้าไปแย่งมีตและพลาดถูกแทงเข้าตรงกระบังลมปอดทะลุ ตอนนี้กลัวเรื่องความปลอดภัยเพราะเจ้าของหอยังให้ผู้ก่อเหตุอาศัยอยู่ ตอนขอดูวงจรปิดก็บอกกล้องเสียสั่งให้ยอมความทั้งที่มีคนเมาเข้ามาหาเรืองก่อน ขอความเป็นธรรมให้ผู้ที่โดนกระทำด้วยค่ะ แชร์ 1 ครั้ง” พร้อมกับคลิปวิดีโอขณะที่มีปากเสียงกัน

วันนที่ 12 ม.ค. 65 นายสุรศักดิ์ สุวรรณสนธิ์ อายุ 35 ปี ผู้บาดเจ็บ เล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2565 เวลา 01.30 น. ขณะนั้นตน ภรรยา และลูกชายวัย 10 เดือนกำลังนอนหลับพักผ่อน ก่อนได้ยินเสียงดังโวยวาย พร้อมกับได้ยินเสียงถีบประตูห้องพัก ทำให้ลูกชายวัย 10 เดือนของตนตกใจตื่นพร้อมกับร้องไห้

ขณะนั้นตนและภรรยาพยายามปลอบให้หยุดร้อง แต่ทางผู้ก่อเหตุไม่หยุด ได้ถีบประตูห้องชั้นสองของผู้เช่าคนอื่นอีก พร้อมโวยวายตนจึงทนไม่ไหว เพราะมันดึกมากแล้ว จึงออกไปตะโกนสอบถามว่าพี่มาหาใครครับ ซึ่งทางผู้ก่อเหตุได้พูดจาหยาบคายตอบกับมา พร้อมแจกกล้วยอยู่หลายครั้ง ต่อมาตนได้ตัดสินใจที่จะโทรแจ้งตำรวจ 191 คาดว่าผู้ก่อเหตุน่าจะรู้ตัวจึงไม่พอใจ ถือมีดยาวไม่ทราบว่าเป็นมีดชนิดไหนหรือเป็นดาบ แต่มีความยาว 1 เมตร ตนจึงรีบเข้าห้อง ก่อนที่จะแจ้งตำรวจอีกครั้ง

จากนั้น ผู้ก่อเหตุได้ยินจึงนำมีดไปเก็บ หลังจากนั้นได้มาถีบประตูห้อง ตนทนไม่ไหวจึงออกไปขับไล่ ผู้ก่อเหตุได้ปรี่เข้ามาใช้กรรไกรจะแทงตน ตนได้ป้องกันไว้ กรรไกรได้หลุดมือผู้ก่อเหตุ ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะคว้ากรรไกรที่พกใส่กระเป๋าหลังกางเกงออกมา แทงตรงบริเวณกระบังลมด้านซ้าย แผลมีความลึก 5-7 ซม. ก่อนที่ภรรยาของตนจะรีบเข้ามาช่วยเหลือ พร้อมกับตะโกนร้อง จากนั้นชาวบ้านจึงพากันออกมาดู ผู้ก่อเหตุได้เดินหลบหนีไป จากนั้นตนได้รีบเดินทางไปรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลทันที ภายหลังตนได้ทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บุกเข้าค้นห้องของผู้ก่อเหตุ ซึ่งพบมีดที่นำไปข่มขู่ตน พร้อมทั้งอุปกรณ์เสพกัญชา

ขณะเดียวกันเมื่อรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลได้วันที่ 2 ม.ค. ทางภรรยาของผู้ก่อเหตุได้โทรมาข่มขู่ ให้ตนนั้นไม่ไปแจ้งความ ซึ่งตนยอมรับว่าหวาดกลัว แต่ต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพราะถือว่าการกระทำของผู้ก่อเหตุนั้นอุกอาจและรุนแรง พอตนได้ออกจากโรงพยาบาล ในวันที่ 5 ม.ค. ได้เดินทางไปลงบันทึกประจำวันเอาไว้ ขณะเดียวกันภายหลังจากเกิดเหตุตนยังไม่ได้พูดคุยกับผู้ก่อเหตุ

โดยผู้ก่อเหตุเองยังคงพักอาศัยอยู่ที่ห้องเช่าดังกล่าว ไม่ได้เข้ามาขอโทษ และยังทำตัวตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งผู้ก่อเหตุมาพักอาศัยได้ยังไม่นานถึงเดือน แต่ก็มีพฤติกรรมที่ชอบโวยวาย อย่างไรก็ตามแล้ว ตนต้องการให้ผู้ก่อเหตุนั้นออกจากห้องเช่าดังกล่าว เพราะทุกวันนี้อยู่ด้วยความหวาดกลัว

ทีมข่าวเดินทางมายังหอพักที่เกิดเหตุ บริเวณซอยเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ซอย 59 ลักษณะเป็นหอพัก 2 ชั้น พบว่าผู้ก่อเหตุยังไม่ได้เดินทางกลับมาที่ห้องพัก นางสางชนาพร ภู่ภลับ อายุ 28 ปี หลานเจ้าของหอพัก เผยว่า วันที่เกิดเหตุวันที่ 1 มกราคม 2565 ส่วนตัวแล้วไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เนื่องจากไปเคาต์ดาวน์ มาทราบภายหลังโดยผู้ก่อเหตุได้มาขอเช่าอาศัยอยู่ที่หอพัก เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2564 ซึ่งคุณย่าของตนก็ยินยอม เพราะเห็นว่าเป็นคู่สามีภรรยา และทำงานใกล้กับหอพัก

จากนั้นพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุยังปกติดี มีเพียงวันแรกที่เขาได้ทะเลาะกับภรรยาเรื่องขนของ ซึ่งตนก็คุยว่าจะอยู่รอดหรือไม่ ต่อมาวันที่ 1 มกราคม 2565 ก็เกิดเหตุ ซึ่งหลังจากที่มีเรื่องตนได้ขอให้ผู้ก่อเหตุย้ายออกไปจากหอพัก แต่ทางผู้ก่อเหตุได้ขอเวลา และจะรีบดำเนินการย้ายของออกไป

นอกจากนี้ ผู้ก่อเหตุได้เริ่มมีปากเสียงกับภรรยาของเขาในช่วงกลางคืน พร้อมกับดื่มสุรา ซึ่งทะเลาะกันเกือบทุกอาทิตย์ ตนได้ไปว่ากล่าวตักเตือน ผู้ก่อเหตุได้แต่ขอโทษ อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ตนอยู่ด้วยความหวาดกลัวว่าผู้ก่อเหตุจะมาทำร้ายร่างกายคนอื่นอีก