เมื่อวันที่ 12 ม.ค.65 แฟนเพจเฟซบุ๊ก "ไวพจน์ เพชรสุพรรณ" โพสต์ข้อความแจ้งข่าวการเสียชีวิตของ พ่อไวพจน์ เพชรสุพรรณ ระบุข้อความว่า "คุณพ่อไวพจน์ เพชรสุพรรณ จากไปอย่างสงบที่รพ. เวลาโดยประมาณ 15.24 น. คุณพ่อเริ่มป่วยเข้ารพ. ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ย.64 ที่ผ่านมา ท่านอดทนและสู้มาก ๆ ตอนนี้จากพวกเราไปแล้ว แต่จะยังคงอยู่ในใจพวกเราตลอดไป"
ส่วนสาเหตุของการจากไปในครั้งนี้ เนื่องจากพ่อไวพจน์ ปอดติดเชื้อในกระแสเลือด และได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลตากสิน ตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 64 ที่ผ่านมา เป็นระยะเวลารับการรักษากว่า 2 เดือน โดยพ่อไวพจน์ เพชรสุพรรณ สิริอายุรวม 79 ปี
ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางไปพูดคุยกับ น.ส.รมิตา สกุลนี อายุ 46 ปี ลูกสาว และนายวรพล สกุลนี อายุ 24 ปี ลูกชาย เปิดเผยว่า อาการเริ่มแรกเกิดจากการอักเสบของกระดูกไขสันหลัง เมื่อหลายปีก่อนพ่อจึงต้องเปลี่ยนกระดูกสันหลัง และเมื่อไม่นานมานี้พ่อได้ไปออกงาน แล้วเกิดอาการปวดหลังขึ้นอีกครั้ง และมีอาการไข้ขึ้นสูง เมื่อถึงโรงบาล คุณหมอได้ตรวจด้วยการเพาะเชื้อ ซึ่งต้องรอผลหลายวันมาก ๆ คุณหมอก็ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดที่ทำให้พ่อปวดกระดูกสันหลังกะทันหัน จากนั้นครอบครัวจึงได้ย้ายพ่อมารักษาโรงพยาบาลอีกแห่ง
หลังจากนั้น 1 เดือนให้หลัง คุณพ่อไวพจน์ก็ได้เข้าไอซียู เนื่องจากมีอาการหายใจแล้วเจ็บหน้าอก ซึ่งคุณหมอก็ได้แจ้งว่าคุณพ่อมีปัญหาเรื่องหัวใจ ที่ทำให้เกิดอาการแน่นหน้าอก ตนจึงได้ตกลงกับญาติ ๆ และยอมให้หมอรักษาโดยการฉีดสี หลังจากฉีดสีดูแล้วพบว่าหัวใจมีเส้นตีบ โดยสาเหตุไม่ได้เกิดขึ้นจากโรคหัวใจแต่เกิดขึ้นจากปอด เนื่องจากคุณพ่อได้รับการรักษามานาน จึงทำให้ปอดติดเชื้อในกระแสเลือด อาการจะมีไข้ขึ้นสูง และทำให้เกิดอาการปวดหลังตามมา
น.ส.รมิตา กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาของการรักษานั้น คุณพ่อสู้มาโดยตลอด วันนี้ท่านก็เหนื่อยมามากแล้ว อาการของคุณพ่ออยู่ในระดับพูดคุยรู้เรื่อง แต่อาการทรุดหลังจากปีใหม่ 65 ที่ผ่านมา เนื่องจากออกซิเจนในเลือดเริ่มต่ำลงเรื่อย ๆ ร่างกายเริ่มไม่ตอบสนองยา ลูก ๆ ก็เข้าใจว่าคุณหมอก็ทำเต็มที่ที่สุดแล้ว สำหรับระยะเวลาในการรักษา คุณพ่อนั้น รักษามาประมาณ 2 เดือนกว่า ๆ
"ก่อนที่ท่านจะเสียคำพูดเดียวที่ท่านพูดก็คือ อยากกลับบ้าน เพราะปกติพ่อเป็นคนที่ทำงานตลอด เขาคงรู้สึกว่าการที่ออกมานอนที่โรงพยาบาล มันก็คงเหมือนตอนที่เขาไปทำงาน ความรู้สึกเขาจึงมีแต่ความอยากกลับบ้าน ซึ่งคุณพ่อก็พูดประโยคนี้วันที่ 2 มกราคม 65 ที่ผ่านมา ตอนนั้นคุณพ่อก็ยังพูดคุยได้ แต่อาจจะมีอาการเหนื่อย" น.ส.รมิตา กล่าว
สำหรับกำหนดการในการเคลื่อนย้ายศพของพ่อไวพจน์ เพชรสุพรรณ จะมีพิธีย้ายศพไปที่บ้านเกิดจังหวัดสุพรรณบุรร วัดวังน้ำเย็น โดยพ่อไวพจน์ มีลูกทั้งหมด 10 คน ซึ่งลูก ๆ ทุกคนก็ได้ผลัดเวรกันเข้ามาเยี่ยมสอบถามอัปเดตอาการของพ่อทุกวัน เนื่องจากทางโรงพยาบาลมีมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19
ทั้งนี้ คู่หูเพลงแหล่อย่าง "ทศพล หิมพานต์" ถึงกับเสียงสั่น เมื่อต้องทราบข่าวร้าย ว่า บรมครูแห่งวงการลูกทุ่งไทย ต้องสูญเสียไปอีกราย โดยทศพล โพสต์อาลัยว่า “สิ้นแล้วพ่อของคนลูกทุ่งศิลปินแห่งชาติบรมครูคู่แผ่นดิน เป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของวงการลูกทุ่งอีกครั้งหนึ่ง สุดที่จะทำใจและสุดเสียใจในการจากไปของพ่อเหลือเกิน พ่อคือพ่อผู้ให้มาโดยตลอด พ่อจะอยู่ในใจของลูกคนนี้ตลอดไปครับพ่อ ไวพจน์ เพชรสุพรรณ ขอดวงวิญญาณพ่อสู่สัมปรายภพสถิตย์ ณ สรวงสวรรค์นิรัญเทอญฯ”
ทศพล กล่าวว่า ในวันนี้เป็นวันที่เจ็บปวดที่สุด ตนยอมรับว่าช็อกมาก ๆ เพราะตนเช็กตลอดว่าพ่อเป็นอย่างไรจากลูก ๆ ของท่าน เขาบอกว่าพ่อทำบอลลูนหัวใจ และหมอกำลังเช็กอยู่ในห้องไอซียู นอาการน่าเป็นห่วง กระทั่งเวลา 16.00 น. ตนได้ทราบว่าพ่อไวพจน์เสียชีวิตแล้ว ตอนนั้นตนเสียใจมาก ๆ ร้องไห้จนไม่มีน้ำตา เพราะการสูญเสียมันเป็นอะไรที่เร็วมาก ๆ
"เราก็คิดมาตลอดว่าน่าจะมีความหวัง คิดว่าพ่อไม่เป็นไร พ่อน่าจะยังแข็งแรง กำลังใจพ่อดี เราก็หวังไว้อย่างนั้น ตอนนี้ก็ยังถือว่าเป็นความฝัน ไม่คิดว่าจะเป็นจริง ในฐานะท่านเป็นศิลปินแห่งชาติ พอได้มีโอกาสมาร้องเพลงออกงานคู่กับแกก็ถือเป็นบุญวาสนาที่ได้ทำงานกับท่าน เป็นคนแก่ที่น่ารัก อบอุ่นใจดี ตลก ไม่ถือตัว ให้คำปรึกษาพูดคุยได้ทุกเรื่อง ผมรักพ่อและเชื่อว่าพ่อก็รักผม ต่อให้ไกลแค่ไหน พ่อจะไปจากผมก็ไป แต่ผมยังคงรักพ่อเสมอไม่เปลี่ยน" ทศพล กล่าว
ขวัญจิต ศรีประจันต์ เปิดเผยว่า ตนรู้สึกช็อกมาก ๆ เพราะเมื่อวานนี้ (11 ม.ค.65) ตนยังพูดคุยวิดีโอคอลกับเสรี รุ่งสว่างอยู่เลย เพราะตนไม่นึกว่าท่านจะมาด่วนเสียชีวิตเร็วขนาดนี้ ตนผูกพันกันมากว่า 50 ปี เพราะตนเข้ามาอยู่วงดนตรีไวพจน์ ตั้งแต่ พ.ศ.2511 เนื่องจากอยากเป็นนักร้อง พ่อไวพจน์จึงสอนให้ ไม่ว่าจะเป็นเพลงอีแซว เพลงแหล่ เพลงพื้นบ้านต่าง ๆ เปรียบเสมือนตนเป็นเครือญาติ ก่อนที่จะแยกกันทำมาหากิน พ่อไวพจน์ก็ยังไปมาหาสู่กันตลอดไม่ทอดทิ้งตนไปไหน เพราะเราต้องพึ่งพากันเสมอ ๆ
ทั้งนี้ ตนได้แรงบันดาลใจมาจากเพลงของพ่อไวพจน์ ตั้งแต่ตนยังไม่ดัง หรือยังไม่เป็นขวัญจิต ศรีประจันต์ เพราะตนจะได้ยินเพลงพ่อไวพจน์ มาตั้งแต่ในวิทยุ ตนก็จะฝึกร้องเองมาโดยตลอด เพราะคิดว่าแนวเพลงแบบนี้ตนน่าจะทำได้ สุดท้ายนี้ ตนอยากให้พ่อไปสู่สุคติ เพราะท่านสร้างคุณประโยชน์ให้กับสังคมมากมาย