หนุ่มขี่เก๋งล่ากระบะโหดลากหมา ไล่จี้นับกิโล ดิ้นทุรนก่อนหลุด - สลดเห็นแต่ซากขน (คลิป)

กรณีเฟซบุ๊กเพจ Watchdog Thailand เผยแพร่เรื่องราวและคลิปวิดีโอ รถกระบะคันหนึ่งขณะขับขี่ไปบนท้องถนน แต่ท้ายกันชนหลังกลับผูกสุนัขตัวหนึ่งไว้ ผู้เห็นเหตุการณ์จึงพยายามกระพริบไฟใส่ และพยายามหยุดรถเนื่องจากเห็นชัดเจนว่าสุนัขยังมีชีวิต แต่รถคันดังกล่าวไม่หยุด กระทั่งเชือกผูกสุนัขขาด ทำให้สุนัขวิ่งหนีหลบเข้าป่าข้างทาง จากนั้นผู้พบเห็นเหตุการณ์จึงนำคลิปวิดีโอไปแจ้งความไว้ที่ สภ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี เพื่อดำเนินคดีกับคนขับรถกระบะ เนื่องจากเห็นว่าเป็นการทารุณกรรมสัตว์

วันที่ 24 ธ.ค. 61 นายณัฐวุฒิ จุ้ยเกิด หรือณัฐ อายุ 25 ปี ผู้โพสต์คลิปวิดีโอ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 ธ.ค. เวลาประมาณ 05.00 น. ตนกำลังเดินทางไปทำงานที่ จ.ระยอง โดยใช้ถนน อ.พนัสนิคม ระหว่างนั้น พบรถกระบะคันดังกล่าวขับออกมาจากซอย และปาดหน้ารถของตน ตนจึงเบรกกะทันหันด้วยความตกใจ อีกทั้งเมื่อสังเกตจึงเห็นว่ามีสุนัขถูกผูกไว้ที่กันชนด้านท้าย

ขณะนั้นตนบอกให้แฟนสาวให้ใช้โทรศัพท์มาบันทึกภาพไว้ เพราะมั่นใจว่าสุนัขยังมีชีวิต ทั้งยังเห็นว่ากำลังดิ้นเพื่อให้หลุดจากเชือกที่มัดไว้อีกด้วย ทั้งนี้ ตนขับขี่ตามหลังรถคันดังกล่าว โดยไม่กล้าขับตัดหน้า เพื่อให้เขาหยุดแล้วช่วยเหลือสุนัข เพราะตนไม่แน่ใจว่าคนขับรถคันนั้นอยู่ในอาการอย่างไร ประกอบกับขณะเกิดเหตุ เป็นช่วงเช้ามืด ฟ้ายังไม่สว่าง และถนนเปลี่ยว ต่อมา แฟนสาวของตนจึงบอกให้ตนพยายามหยุดรถคันดังกล่าว ตนตัดสินใจเปิดไฟสูง เพื่อให้อีกฝ่ายสังเกต แต่เมื่อเปิดไฟสูงได้ไม่กี่วินาที รถก็ขับมาถึงบริเวณที่ถนนเป็นลักษณะหลุม ทำให้สุนัขกระแทกกับพื้นถนน เชือกขาด ทำให้สุนัขวิ่งลงข้างทางไป จังหวะนั้นตนจึงรีบวนกลับไปดูสุนัขว่าเป็นอะไรหรือไม่ ขณะที่รถคันที่ลากสุนัขขับหลบหนีไป ทั้งนี้ ตนพยายามตามหาสุนัขแต่ไม่เจอ เมื่อพยายามฟังเสียงร้อง แต่ก็เงียบ ไม่มีเสียงสุนัขขอความช่วยเหลือ ตนจึงคิดว่าอาจวิ่งหนีไปหลบด้วยความตกใจ นายณัฐ กล่าวต่อว่า ตนเชื่อว่าคนขับรถกระบะอาจเป็นเจ้าของสุนัข แต่ตนไม่มั่นใจว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่ในความรู้สึกตน ตนคาดว่ารถคันดังกล่าวตั้งใจนำสุนัขไปผูกไว้ที่กันชนท้าย เพราะตอนเมื่อเชือกผูกสุนัขหลุดไปแล้ว ตนยังเห็นว่ามีเชือกติดท้ายรถอยู่ด้วย จึงไม่คิดว่าสุนัขตัวนี้กระโดดลงมาจากท้ายกระบะเอง เพราะหากตนเป็นผูกสุนัขให้ติดตามไปด้วย ก็คงเลือกผูกไว้บนท้ายกระบะ ไม่ใช่เอาผูกที่ท้ายกันชนรถ ดังนั้น เจ้าของรถกระบะคงไม่หวังดีกับสุนัขตัวนี้แน่นอน ด้วยเหตุนี้ ตนจึงตัดสินใจโพสต์คลิปวิดีโอลงใน กลุ่ม "ชมรมคนรักสุนัข" จากนั้นก็ได้รับการติดต่อกับเพจเฟซบุ๊ก Watchdog Thailand ซึ่งเพจแนะนำให้ตนไปแจ้งความ เพื่อดำเนินคดีกับคนกระทำผิด โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าทราบชื่อเจ้าของรถแล้ว และจะเร่งรัดติดตามให้ นายณัฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ตนจะไม่ใช่คนรักสุนัข แต่คนทำแบบนี้กับสุนัข ตนก็เห็นว่าเป็นการกระทำที่เกินไปและไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง หากเจ้าของไม่ต้องการสุนัขจริง ๆ ก็ไม่ควรทำให้สุนัขทรมานแบบนี้ เพราะก่อนหน้านี้ ตนเคยเห็นข่าวที่ชาวบ้านนำสุนัขมาลาก แต่สุนัขตัวนั้นเสียชีวิตแล้ว แต่เหตุการณ์นี้สุนัขยังไม่ตาย หลังเกิดเหตุดังกล่าว ตนต้องการให้คนขับรถกระบะชี้แจงว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งหากไม่ตั้งใจก็คงไม่มีใครว่าอะไร แต่ตนเชื่อว่า คนที่กระทำจะต้องมีเหตุผล เพราะจากในคลิปนั้นสามารถมองได้เพียงมุมเดียวว่ามีเจตนาทารุณกรรมสัตว์

ที่จุดเกิดเหตุ บริเวณถนนบ้านล่าง ซอย 7 ต.นามะตูม อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี พบว่าเป็นถนนสองเลน จุดเกิดเหตุไม่ใช่เขตชุมชน จึงมีผู้อาศัยไม่มากนัก ซึ่งเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเช้ามืด บริเวณนี้มีแสงไฟส่องสว่างไม่มากนัก

โดย นางจรินทร หอมชะมด แม่ค้าร้านขายของชำ ระบุว่า วันเกิดเหตุ ตนออกมาเปิดร้าน เวลาประมาณ 05.00 น. โดยออกมาเก็บกวาดด้านนอก จึงสังเกตเห็นซากหนังสุนัขกองรวมกันบริเวณเยื้องกับหน้าบ้าน ซึ่งตนค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นซากหนังสุนัข เพราะตนก็เลี้ยงสุนัข โดยซากมีลักษณะเป็นสีดำ ส่งกลิ่นเหม็น แต่ไม่ได้เดินเข้าไปดูว่ามีกระดูกหรือเนื้อสุนัขอยู่ด้านในหรือไม่

หลังจากนั้นตนก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะไม่คิดว่าเป็นการที่มีคนขับรถลากสุนัข จึงเปิดร้านทำงานตามปกติ และไม่มั่นใจว่ามีใครเก็บซากดังกล่าวไปทิ้งตอนไหน ส่วนร่องรอยคราบเลือด ตนเองไม่เห็นว่ามีอยู่ที่พื้นหรือไม่ ซึ่งช่วงที่เกิดเหตุ ตนไม่ได้ยินเสียงสุนัขร้องขอความช่วยเหลือ เพราะบ้านตนเป็นอาคารพาณิชย์ มีลักษณะค่อนข้างทึบ จึงไม่ได้ยินเสียง ส่วนรถกระบะคันที่ก่อเหตุ ตนก็ไม่เคยเห็นมาก่อน อย่างไรก็ตาม ตนค่อนข้างรักสัตว์ เมื่อเห็นคลิปวิดีโอ รู้สึกสงสารสุนัขตัวนั้นและรับไม่ได้ เกรงว่าหนังของสุนัขตัวนี้คงจะถลอกไปตามพื้นถนน สุนัขตัวนี้น่าจะได้รับความทรมานเป็นอย่างมาก เมื่อยิ่งมารู้ภายหลังว่าเป็นสุนัขตัวเดียวกับซากสัตว์ที่พบ ตนก็ยิ่งรู้สึกตกใจ ไม่คาดคิดว่าจะมีใครทำสุนัขแบบนี้ ตนก็ไม่รู้ใจของคนที่ทำคิดอะไร คนเราควรจะมีจิตสำนึกกันบ้าง