สืบเนื่องจากเหตุการอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำ วันที่ 14 ม.ค. 65 ช่วงประมาณ 22.30 น. หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สอด และเจ้าหน้าที่กู้ชีพในพื้นที่ ได้รับแจ้งว่ามีรถบรรทุกพ่วง ชนกับรถพยาบาลฉุกเฉินของโรงพยาบาลอุ้มผาง เจ็บ 4 คน รวมผู้ป่วยในรถด้วย
ทั้งนี้ หลังได้รับแจ้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุซึ่งอยู่ตรงบริเวณ ถนนสาย แม่สอด-อุ้มผาง ทางหลวง1090 กม.15 บ้านห้วยผักหละ ต.แม่กุ อ.แม่สอด จ.ตาก โดยที่จุดเกิดเหตุพบรถโรงพยาบาลอุ้มผางจอดอยู่กลางถนน สภาพด้านหน้าพังยับเยิน ไฟฉุกเฉินยังเปิดทิ้งไว้ ภายในรถโรงพยาบาลมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 4 ราย โดยเป็นผู้ป่วยรีเฟอร์ที่มารถพยาบาล จำนวน 1 ราย นอกจากนั้น เป็นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ได้รับบาดเจ็บ 3 คน หญิง 2 ราย ชาย 1 ราย ในจำนวนนี้อาการสาหัส 2 คน ติดอยู่ในรถ เจ้าหน้าที่ต้องใช้อุปกรณ์ตัดถ่างจนสามารถนำออกมาได้ ปฐมพยาบาลเบื้องต้น จากนั้นจึงรีบนำส่งโรงพยาบาลแม่สอด
จากสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่า รถพยาบาลของโรงพยาบาลอุ้มผาง กำลังนำผู้ป่วยมาจากโรงพยาบาลอุ้มผางเพื่อไปส่งโรงพยาบาลแม่สอด แต่ในระหว่างทางได้เกิดอุบัติเหตุชนกับรถยนต์บรรทุกพ่วง แต่ยังไม่ทราบว่าชนกันด้วยสาเหตุใด
ล่าสุด น.ส.ปุณยวีร์ ศรีดวงแปง หรือ น้องอุ้ม พยาบาลสาวอาการยังคงอยู่ในขั้นวิกฤต ต้องเข้ารับการผ่าตัดสมอง แต่ด้วยทางโรงพยาบาลตอนนี้ยังขาดแคลนเลือด จึงไม่สามารถผ่าตัดได้ ทางครอบครัว ญาติ และคนสนิทต่างช่วยกันโพสต์เฟซบุ๊กเพื่อช่วยกันกระจายข่าวในการขอบริจาคเลือดทุกกรุ๊ปที่โรงพยาบาลแม่สอดชั้น 2 เพื่อให้น้องอุ้มได้ใช้ในการผ่าตัดสมองครั้งนี้ ด้านโซเชียลแชร์ภาพจากแชตสนทนาของพยาบาลที่คุยกับเพื่อนก่อนประสบเหตุนั้น
นายกิตติภูมิ หาพันธ์ ผู้อำนวยการศูนย์กู้ชีพมังกรแม่สอด เล่าว่า สำหรับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้นได้รับแจ้งมาจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งพอไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่าจุดดังกล่าวเป็นทางโค้งลงเขา เส้นแม่สอด-อุ้มผาง ลักษณะคือรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อบรรทุกข้าวโพด เลี้ยวออกมาจากซอยไร่ข้าวโพด ประจวบกับทางรถพยาบาลกำลังจะมุ่งหน้าไปส่งผู้ป่วยที่โรงพยาบาลแม่สอด ด้วยความที่รถพ่วงคันดังกล่าวยังกลับรถจากซอยไม่ทันพ้น ประจวบกับจุดดังกล่าวค่อนข้างมืด ทำให้รถพยาบาลไม่ทันเห็นจึงพุ่งชนเข้าบริเวณท้ายของรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ
ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 4 ราย ซึ่งเป็นคนที่อยู่ในรถพยาบาลทั้งสิ้น ขณะที่คนขับรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ขณะที่คนที่ได้รับบาดเจ็บนั้นจะเป็นในส่วนของผู้ช่วยพยาบาลที่นั่งมาด้านหน้า ได้รับบาดเจ็บบริเวณหลังมีฟกซ้ำ ขณะที่ทางด้านคนขับรถพยาบาลจะได้รับบาดเจ็บบริเวณขาทั้ง 2 ข้าง เนื่องจากโดนเเรงอัดของกันชนด้านหน้าบีบอัดมาข้างใน ต้องใช้เครื่องตัดถ่างในการช่วยเหลือออกมา ด้านผู้ป่วยที่มากับทางรถพยายาลก็ได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะแตกประมาณ 2 เซนติเมตร ส่วนรายละเอียดอาการป่วยเก่านั้น เบื้องต้นไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากใบนำส่งตัวที่ติดมากับทางผู้ป่วยเปื้อนเลือดจนไม่เห็นข้อมูล
ขณะที่ทางพยาบาลที่เดินทางมาด้วยอีก 1 ราย น.ส.ปุณยวีร์ หรือ อุ้ม อาการค่อนข้างหนัก โดยที่ตรวจพบจะมีในส่วนของขาทั้ง 2 ข้างหักผิดรูป ช่วงหน้าอกได้รับการกระแทก บริเวณศีรษะแตก และมีเลือดคั่งในสมอง ต้องรอการผ่าตัด ทั้งหมดทางกู้ชีพได้นำส่งโรงพยาบาลแม่สอด เพื่อเข้ารับการรักษาต่อไป
ในส่วนของการสอบถามทางด้านคนขับรถบรรทุก 18 ล้อ เจ้าตัวเองก็ยืนรอให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในจุดเกิดเหตุ เขาได้เล่าประมาณว่าช่วงที่เกิดเหตุเขาเองกำลังจะขับรถเลี้ยวออกมาจากซอยตามปกติ ช่วงบริเวณหัวรถพ้นปากซอยมาแล้ว เหลือในส่วนของพ่วงที่กำลังจะพ้นซอย รถโรงพยาบาลก็ขับมาพุ่งชนด้านหลัง ตอนนั้นตนเองก็ไม่เห็นว่าเขาขับมาก่อนที่จะชน
นอกจากนี้ มีโพสต์เพื่อนพยาบาลสาวที่ระบายความในใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สร้างความสะเทือนของคนในโซเชียลอย่างมาก พร้อมกับให้กำลังใจจำนวนมาก
ร.ต.ท.ไพศาล ศรีดวงแปง พ่อของน้องอุ้ม พยาบาลสาวที่อาการสาหัส บอกว่า พอทราบข่าวเมื่อคืนส่วนตัวก็เดินทางมาจากบ้านในพื้นที่อุ้มผางมายังโรงพยาบาลถึงประมาณตี 3 ตอนนี้ยังไม่ได้พักผ่อน เนื่องจากนอนไม่หลับ เป็นห่วงลูกสาวที่ยังคงนอนพักรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู ขณะที่รายละเอียดเรื่องอาการ ตนทราบเบื้องต้นว่าตอนนี้มีการผ่าตัดสมอง เนื่องจากมีเลือดคั่งภายใน
ช่วงเช้าที่ผ่านมาทางเลือดของลูกสาวที่เป็นกรุ๊ปโอ โรงพยาบาลมีไม่เพียงพอ จึงได้มีการประกาศหรือโพสต์เรื่องราวเพื่อขอความช่วยเหลือไป ทั้งนี้เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาคาดว่าเลือดที่ผู้ใจบุญมาบริจาคน่าจะเพียงพอ ทำให้ลูกสาวของตนได้รับการผ่าตัดเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว ขณะที่ผลการผ่าตัดเป็นไปในทิศทางที่ดี
ที่ผ่านมาในส่วนของลูกสาวเป็นพยาบาลได้ประมาณ 2 ปีที่โรงพยาบาลอุ้มผาง เขาเองอยากจะบรรจุที่นี่เพื่อที่จะได้อยู่กับครอบครัว เพราะตนเองก็รับราชการตำรวจอยู่ในพื้นที่ ขณะที่ในวันที่เกิดเหตุเมื่อวานเองก็ไม่ได้มีลางสังหรณ์หรือความผิดปกติแต่อย่างใด