จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก "อีซ้อขยี้ข่าว" โพสต์ภาพของชายคนหนึ่งสภาพมีตุ่มพุพองเต็มแผ่นหลัง ระบุข้อความว่า "ทางญาติผู้ป่วยส่งข้อความมาเล่าเผื่อมีใครที่มีอาการแบบนี้แล้วหายเป็นปกติ ซึ่งลักษณะแผลมีน้ำเลือด น้ำหนองออกตามผิวหนังและตกสะเก็ดทั่วทั้งตัว ซึ่งทางญาติเล่าว่าหลังจากที่คนไข้ไปฉีดวัคซีนเข็มแรกมาก็เริ่มมีอาการแต่มารุนแรงหลังไปฉีดเข็มที่สอง ซึ่งเวลานี้เชื้อกำลังลามขึ้นไปที่ตาแล้ว เลยมาสอบถามเผื่อใครที่มีอาการแบบนี้แล้วหายจะได้ช่วยให้คำแนะนำ เพราะตอนนี้ทางครอบครัวลำบากมากแถมต้องหาเงินมารักษาและอยากมีหมอเฉพาะทางมาช่วยเผื่ออาการจะทุเลาหรือดีขึ้น ปล.กรณีนี้ยังไม่ชี้ชัดและยังไม่แน่ใจว่าอาการที่ปรากฎเกิดจากผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีนหรือไม่ ต้องรอการตรวจสอบ"
วันที่ 15 ม.ค. 65 ทีมข่าวลงพื้นที่บ้านของผู้ป่วยในจังหวัดสมุทรปราการ พบภรรยาของผู้ป่วย แต่ไม่พบผู้ป่วย เนื่องจากอยู่ระหว่างการรักษาตัวที่โรงพยาบาล
นางอุมาพึ่ง ทิพรส ภรรยาของผู้ป่วย นำภาพและข้อมูลหลักฐานทั้งหมดมาให้ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ดูว่าสามีชื่อ นายจันทร์เพ็ง วรเชษฐ์อายุ 44 ปี ได้เริ่มฉีดวัคซีน astrazeneca เข็มแรกเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2564 ฉีดได้เพียง 3 วันตุ่มน้ำใส ๆ สีเหลือง ๆ เริ่มขึ้นที่ศีรษะ แล้วก็เริ่มมีอาการคัน
วันที่ 20 สิงหาคม จึงไปพบแพทย์ แพทย์บอกว่าเป็นโรคภูมิแพ้ ให้ยาเม็ดสีเหลืองรักษาภูมิแพ้มากิน จากนั้นตุ่มพุพองก็เริ่มลามจากหัวลงไปที่ตัว เป็นตุ่มลักษณะที่ห่างกันอยู่ ไม่เป็นแผลติดกัน วันที่ 25 ตุลาคมก็ไปฉีดวัคซีน astrazeneca เข็มที่ 2 ถามแพทย์ที่จุดฉีดว่ามีลักษณะอาการแบบนี้สามารถฉีดได้หรือไม่ แพทย์ก็บอกว่าฉีดได้ จึงรับวัคซีน astrazeneca เข็มที่ 2 หลังจากนั้นแผลพุพองก็เริ่มลามมากขึ้น จนเป็นตุ่มน้ำใส ๆ ติดกันกลายเป็นแผลทั้งตัว ไปที่โรงพยาบาลในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ แพทย์ก็บอกว่าเป็นโรคตุ่มน้ำพอง ก็รักษาตามอาการ ทั้งกินยา ยาทาแผล
จนล่าสุดวันที่ 13 มกราคม อาการยังไม่ดีขึ้น แพทย์ได้ส่งตัวผู้ป่วยไปรักษาที่โรงพยาบาลราชวิถีใน กรุงเทพฯ ตอนนี้แผลพุพองได้ลามไปทั้งตัว ทั้งใบหน้าลำตัวแขนขา รวมถึงตอนนี้ลามไปถึงที่ดวงตาทั้ง 2 ข้าง และในลิ้น กินอาหารไม่ได้ นอนแทบไม่ได้ เพราะเจ็บปวดทรมาน
ตนเห็นภาพสามีล่าสุดที่ส่งมาให้ทางไลน์ ถึงกับร้องไห้ด้วยความสงสารสามี รู้สึกเจ็บปวดแทน เพราะรักษาตัวมานานกว่า 6 เดือนแล้วยังไม่หาย ตอนนี้สามีก็ไม่ได้ทำงาน ต้องรักษาตัว ส่วนตนเองไม่มีจิตใจจะทำงาน ต้องไปดูแลสามีที่โรงพยาบาล คอยอัปเดตอาการตลอด
ที่ผ่านมาสามีไม่เคยมีโรคประจำตัว ไม่เคยแพ้อะไร หรือเป็นโรคผิวหนังมาก่อน ยืนยันว่าเป็นหลังจากฉีดวัคซีนได้ 3 วัน และเป็นหนักหลังจากได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 ปักใจเชื่อว่าที่สามีป่วยแบบนี้เป็นเพราะผลข้างเคียงจากวัคซีนอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยดูแล อย่างน้อยรักษาอาการของสามีให้หาย เพราะล่วงเลยมาหลายเดือนแล้ว ยังหาทางรักษาไม่ได้และรักษาอาการไม่หายสักที ยังไม่ชัดเจนว่าสามีป่วยด้วยโรคอะไร
ทีมข่าวได้พูดคุยทางวิดีโอคอลกับ นายจันทร์เพ็ง วรเชษฐ ผู้ป่วย ที่กำลังรักษาตัวที่โรงพยาบาล สภาพมีตุ้มขึ้นที่ดวงตาทั้งสองข้างและใบหน้า ผิวหนังลอกไปแล้วบางส่วน ในลิ้นก็เป็นแผลพุพอง กินน้ำ กินข้าวไม่ได้ เจ็บปวดและทรมานมาก นายจันทร์เพ็งบอกว่าตอนนี้หมอให้น้ำเกลือ ได้รับยาฆ่าเชื้อ และรักษาแผลตามลำตัว อยู่ระหว่างยำชิ้นเนื้อไปตรวจหาสาเหตุ และรักษาต่อไป สำหรับดวงตา ยังมองเห็นปกติแต่จะแสบตา อย่างไรก็ตาม ขอให้ทีมข่าวช่วยด้วย ตนอยากหายป่วย อยากออกไปทำงานหาเงิน เพราะภาระก็มีมากมาย
แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ์ ผอ.สถาบันโรคผิวหนังกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า จากการดูภาพของผู้ป่วย เป็นอาการของผู้ป่วยโรคตุ่มน้ำพองใส เกิดจากภาวะภูมิคุ้มกันสู้กับร่างกาย แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นเชื้อชนิดไหน ซึ่งโรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้จากปัจจัยภายในร่างกายของผู้ป่วยเอง และมีความเป็นไปได้ว่าเกิดจากผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีน เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่าผู้ป่วยที่ฉีดวัคซีนแล้วได้รับผลข้างเคียงบางคนก็มีอาการผื่นแดงมีจุดเลือดมีตุ่มอีสุกอีใส และมีบางคนที่ป่วยเป็นตุ่มน้ำพองใส ไปหาแพทย์นำชิ้นเนื้อ ไปตรวจหาเชื้อแล้วให้ยารักษาที่ตรงกับตัวเชื้อก็จะรักษาได้เร็วจะเริ่มเห็นผลตั้งแต่ 2 สัปดาห์ และจะหายใน 2 เดือน
โรคนี้สามารถกลายเป็นโรคเรื้อรัง หมายความว่าพอหายแล้วก็สามารถกลับมาป่วยใหม่ได้ เกิดจากภาวะภูมิต้านทานในร่างกายของผู้ป่วยนั้น ๆ แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีในการรักษา โรคนี้ในบ้านเรามีความพร้อมสามารถรักษาผู้ป่วยกลับมาหายดีได้รวดเร็ว และควบคุมค่ารักษาในระบบสาธารณสุขทั้งประกันสังคมและ 30 บาทรักษาทุกโรค