จ๊ะ-เอิน ควงคู่เปิดใจเส้นทางรักนักแสดง-ผู้จัด เคยเจอความผิดหวังถึงขั้นต้องปรึกษาจิตแพทย์!

อดีตนางเอกช่องน้อยสี จ๊ะ จิตตาภา ที่วันนี้ขอควงสามี เอิน นิธิภัทร์ ผู้จัดละครหัวแก้วหัวแหวนของแม่ก้อย ทาริกา มาเปิดใจที่แรกถึงเส้นทางความรักเกือบ 10 ปี ที่กว่าจะมีวันนี้จ๊ะถึงขั้นเอ่ยปากยังไงก็ไม่รักผู้ชายคนนี้เด็ดขาด หวั่นกลัวเป็นเกย์ พร้อมย้อนเล่าเหตุการณ์สุดช็อกชีวิตคู่เกือบพังต้องพึงจิตแพทย์

ทำไมถึงไม่ค่อยออกรายการคู่กัน?
จ๊ะ : จริงๆ ไม่ใช่จะไม่ออกนะคะ แต่พี่เอินเขาอาจจะไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ ไม่ถนัดคุยเยอะ ด้วยงานเขาด้วยเขาอยู่เบื้องหลัง
เอิน : ปกติอยู่แต่เบื้องหลัง เราทำงาหลังฉากตลอดไม่ค่อยได้ออกมาข้างหน้า มาเจอผู้คน มาเจอไมค์มาเจอกล้องแบบนี้จะไม่ค่อยถนัดครับ

เห็นว่าก่อนจะรักกันมันมีอุปสรรคเยอะ เห็นบอกว่าน้องเอินแอบชอบน้องจ๊ะก่อน?
เอิน : ครับ จริงๆ เรารู้จักกันตั้งแต่เราทำงานด้วยกัน เอินทำละครจ๊ะเล่นเป็นนางเอก เรารู้สึกว่าเราประทับใจผู้หญิงคนนี้ที่ทัศนคติการทำงาน เขาทำงานเก่ง มีความเป็นผู้ใหญ่ เป็นที่รักของคนรอบข้าง เรารู้สึกว่าแอบปลื้มผู้หญิงคนนี้เขาเป็นคนเก่งนะ อาจจะด้วยอะไรหลายๆ อย่าง ด้วยการทำงานเราเจอคนมาแทบจะไม่ได้มองใคร แต่คนนี้มีความสามารถบางอย่าง มีทัศนคติบางอย่างที่เรารู้ว่าใช่เลย ผู้หญิงที่เป็นสเปคบางอย่างสำหรับเรา

ตั้งเป้าเลยไหมว่าจะจีบ?
เอิน : ตอนนั้นยังครับ ตอนนั้นเราก็มีแฟน แล้วคนนี้ทำงานเป็นเพื่อนร่วมงานกัน

แล้วไปยังไงถึงไปจีบเขา?
เอิน : ตอนนั้นเป็นจังหวะที่เอินเลิกกับแฟนพอดี แล้วเรารู้จักกัน ทำงานเสร็จมีโอกาสไปกินข้าวกับเพื่อนของเพื่อน ตอนนั้นเป็นกลุ่มเพื่อนเดียวกัน แล้วพอเรารู้ว่าเขาโสด เราก็เอ๊ะ...ผู้หญิงคนนี้มีบางอย่างที่เราชอบ

เห็นบอกว่าชอบตอนที่น้องอกหัก?
เอิน : คือเราไม่เคยเห็นเขาในมุมนั้น ปกติเราจะเห็นในพาร์ทที่ทำงานอย่างเดียวเลยก็รู้สึกว่าผูหญิงคนนี้เก่ง แต่พอเห็นอีกมุมนึงที่เป็นอีกด้านนึงของเขาเลย เรารู้สึกว่า โห...มีมุมนี้ของเขาด้วยเหรอที่เขาสามารถพูด หลุด รั่ว
จ๊ะ : วันนั้นมีไปดริ้ง โดยปกติจ๊ะเป็นคนไม่ดื่มเลย แต่ว่าวันนั้นหลายคนก็ยื่นมาหลายแก้วมากเลย แล้วก็เริ่มมึน เริ่มรั่ว พูดเยอะ ซึ่งเขาไม่เคยเห็นเลย

คุณจ๊ะรู้สึกว่าเขาไม่แมน?
จ๊ะ : เอินเขาจะเป็นผู้ชายแบบสุภาพมากๆ เรียบร้อย นุ่มนวล จ๊ะก็แบบผู้ชายหรือเปล่า เราก็ชอบไปแซวเขา เหมือนแบบเป็นป่ะเนี่ย

เห็นว่าเชียร์ชายหนุ่มให้คุณเอินด้วย?
จ๊ะ : คือเขาจะมีเพื่อนที่สนิทกันอยู่ในกอง แล้วเขาจะอยู่ด้วยกันบ่อยมากๆ บ่อยจนจ๊ะคิดว่าคู่นี้ต้องมีซัมติงแล้ว

คือเชียร์ให้เขา?
จ๊ะ : ไม่ใช่แค่จ๊ะ คือนักแสดงทั้งเรื่องทุกคนจะชอบแบบว่าใช่แล้วแหละ

พี่เอินจะเคลียร์ยังไง มีบางคนคิดว่าพี่เอินเป็นแบบนี้?
เอิน : เราก็แค่พิสูจน์ให้เขาเห็น

สมัยนั้นก็มีข่าวว่าพี่เอินคบซ้อนหรือเปล่า?
เอิน : ตอนนั้นคือเลิกกับคนเก่ามาสักพักแล้ว แล้วพอเราเลิกปุ๊บแล้วเราเพิ่งมารู้ว่าเขาโสด เราก็เลยโอเคค่อยเดินหน้าจีบเขา ค่อยๆ เนียนเข้าไป ปกติเรามีการแลกแชทกันอยู่แล้ว เราก็มีการแชทเข้าไปมากขึ้น

จ๊ะรู้ไหมว่าเขาจะจีบ?
จ๊ะ : ตอนแรกไม่รู้เลย เราเริ่มจากการเป็นเพื่อนร่วมงานนี่แหละ แต่เราก็รู้สึกว่ามีเพื่อนผู้ชายแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เขาเป็นเพื่อนผู้ชายที่เราสามารถปรึกษานู่น นี่นั่นได้ แล้วก็ไม่ได้มาในแนวที่จะจีบ แต่ก็จะมีช่วงนึงที่เขาส่งมาถามว่าตื่นแล้ว กินอะไรหรือยังคะ เริ่มแบบเยอะขึ้น เราก็รู้สึกว่าปกติไม่เห็นเคยถามอะไรแบบนี้เลย ก็รู้สึกแปลกๆ

พอรู้สึกแปลกๆ ใจก็รู้สึกไม่โอเคด้วย?
จ๊ะ : ใช่ จ๊ะรู้สึกว่าความสัมพันธ์ในรูปแบบเพื่อนมันยาวนานกว่า กลัวว่าถ้าวันนึงไปเปลี่ยนรูปแบบมัน แล้วถ้ามันไม่โอเคขึ้นมามันจะทำงานด้วยกันไม่ได้หรือเปล่า มันจะเจอหน้าหรือพูดคุยกันไม่ได้เหมือนเดิมไหม ก็เลยไม่อยากก้าวไป

แล้วอะไรที่ทำให้เราเปลี่ยนสถานะจากเพื่อนเป็นแฟน?
จ๊ะ : เอินตามจีบอยู่ประมาณปีครึ่ง คือนานมาก แล้วเขาก็สม่ำเสมอมาตลอด แต่จ๊ะก็ยังรู้สึกไม่แน่ใจว่าจะคบดีไหม จนเขาขอไปรับที่กองถ่ายละครเรื่องนึงซึ่งอยู่พัทยา ตอนนั้นเราก็ตัดรำคาญแล้วอยากจะมาก็มา เขาก็มาด้วยสภาพที่เป็นไข้สูง จ๊ะก็ไม่รู้ เพราะเขาไม่ได้บอกว่าเขาเป็นไข้ พอมาเจอว่าเขาเป็นไข้ก็ตกใจ ตัวร้อนมาก

เราใจอ่อนสักนิดไหม?
จ๊ะ : ก็ใจอ่อนนะคะ วันนั้นรู้สึกว่าหรือเราโหดกับเขาเยอะไป

กว่าจะถึงซีนที่พัทยาระหว่างนั้นคุณจ๊ะเหวี่ยงใส่ตลอด เพราะอยากให้ตัดใจ ไม่อยากให้จีบ?
จ๊ะ : ใช่ค่ะพอเขายืนยันว่ายังไงเขาก็รู้สึกชอบ จะจีบ คือก่อนหน้านี้เรามีการพูดคุยกัน จ๊ะบอกว่าไม่เป็นแบบนี้ได้ไหม รู้สึกไม่สบายใจ เราเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมไม่ได้เหรอ แต่เขายืนยันว่าเขาชอบ เขาจะจีบ เรารก็มีการปรึกษาเพื่อนว่าจะมีวิธีไหน ไล่ผู้ชายได้บ้าง เพื่อนก็เลยบอกว่าลองเหวี่ยงดูไหม ผู้ชายไม่ชอบผู้หญิงเหวี่ยวไม่มีเหตุผล

ตอนนั้นคุณเอินรู้สึกยังไง อยู่ดีๆ คุณจ๊ะเขาเหวี่ยงใส่เรา?
เอิน : ตอนนั้นก็งงๆ เช้ายังดีอยู่เลย ตอนบ่ายเป็นอะไร ทำงานหรือเปล่า เหนื่อยเปล่า

เราคิดจะถอยเหมือนที่เขาคิดไว้ไหม?
เอิน : ตอนนั้นอยู่ในช่วงมึนๆ เรารู้สึกว่าเขาอาจจะอารมณ์ไม่ดีมั้ง เดี๋ยวก็ดี

วันที่เขามารับที่พัทยาใจอ่อนถึงขั้นเปิดใจยอมรับเขาเลยไหม?
จ๊ะ : ใช่ๆ จ๊ะรู้สึกว่าเขาเต็มที่มาก แล้วเขาก็ทุ่มเทมากมาปีกว่าแล้วไม่เคยลดลงเลย จนเพื่อนๆ ก็แบบพอแล้ว เพราะเขาทำให้เพื่อนเรารู้สึกว่าผู้ชายคนนี้คือจริงใจมากๆ มันคงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องวิ่งหนีไปตลอดแล้วแหละ

หลังจากพัทยาเดือนนึงตัดสินใจเป็นแฟนเลย เพื่อนๆ ยังงงเลยว่ามันเร็วไปหรือเปล่า?
จ๊ะ : จริงๆ เพื่อนเชียร์นะคะ จากตอนแรกเขาเข้าข้างเรา แต่หลังๆ ไปเข้าข้างเขา เพื่อนก็เชียร์บอกว่าเขาจริงใจแล้วเขาจริงจังมาก

สมัยก่อนโดนภาพปาปารัซซี่คู่อื่นเลิกกันทุกราย แต่คู่นี้ประกาศเลยว่าเป็นแฟนกัน ช็อกไปทั้งวงการบันเทิง ทุกคนรู้พร้อมกันหมดเลย ทำไมเราถึงบอกเลยว่าคบกัน มันเกิดอะไรขึ้นจากภาพหลุดภาพนั้น?
จ๊ะ : มันเป็นภาพทั่วไปเลย เรากำลังเดินอยู่ในห้าง แล้ววันนั้นจ๊ะมีงานเดินแบบพี่ๆ นักข่าวเขาก็ถามว่ามีภาพนี้มาสถานะคืออะไร จ๊ะก็พูดเลยว่าเป็นแฟนกัน

พอเขาบอกแบบนั้นเราหัวใจฟูไหม?
เอิน : เรารู้สึกว่าหัวใจหัวเหมือนกัน รู้สึกว่าเขาให้เกียรติเรา ตรงๆ ชัดเจน สถานะชัดเจน ครั้งนี้เราคุยกันแล้วว่าเราพร้อมที่จะบอกทุกคน

แล้วทุกคนที่รู้เรื่องพร้อมกัน บรรดาแม่ๆ ของเราตกใจไหม?
เอิน : ตอนแรกแม่ก็คงงงๆ นิดนึง เพราะว่าปกติคุยกับใครเราไม่เคยชัดเจนขนาดนี้ เราก็บอกตรงๆ แล้วโชคดีผู้ใหญ่ที่เขาทำงานกับจ๊ะทุกคน เขาจะพูดเสียงเดียวกันว่าคนนี้น่ารัก ทำงานเก่ง

คุณแม่ปลื้ม คนนี้ผ่านเลย?
เอิน : ครับ

ทางฝั่งบ้านของจ๊ะที่ไม่เคยเจอคุณเอินเลย เห็นว่าต้องฝ่าฟันเหมือนกัน เพราะห่วงลูกสาวมาก ที่เขาพาดหัวว่าพ่อตาขาโหด จริงเหรอ?
เอิน : จริงๆ คุณพ่อเป็นคนนิ่งๆ แต่นิ่งๆ มันทำให้เราเกร็งที่สุดเลย คทอเราไปที่บ้านคุณพ่อก็สวัสดี รับไหว้ แล้วก็เดินไปเลย เหมือนถามคำตอบคำ เรารู้สึกว่าไม่รู้จะเข้าหายังไง แต่เราก็ไป คุณพ่อไม่ได้ไล่เราออกจากบ้านก็ยังได้ไปอยู่ แต่ก็แอบมาดูบ้างว่าทำอะไรกัน แต่หลังจากนั้นคุณพ่อก็ค่อยๆ คุย ถามมากขึ้น

คบกัน 3 ปี คุณเอินคุกเข่าขอแต่งงาน?
จ๊ะ : คือจ๊ะตกใจ เขาไปเซอร์ไพรส์ที่อเมริกา เป็นอะไรที่จ๊ะไม่ได้คิดเลย สำหรับจ๊ะ 3 ปีมันไม่ได้เยอะมาก จริงๆ จ๊ะเป็นคนไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องจะต้องจัดงาน ต้องมีพิธีรีตอง จ๊ะแค่คิดว่าถ้ามันรักกันมันก็แค่นั้น แต่พอเขาขอ จ๊ะก็โอเค ตกลงอยู่แล้วแหละ แต่จ๊ะแค่ตกใจในโมเมนต์ที่มันช็อก เพราะอันนี้คือการเซอร์ไพรส์แบบไม่ได้มีการรู้อะไรเลย เราตกใจมากกว่า เป็นอะไรแบบไม่ทันตั้งตัว

วันนั้นเห็นว่าเพื่อนที่ไปด้วยห้ามใครลงโซเชียลเด็ดขาด?
จ๊ะ : จ๊ะคุยกับเพื่อนว่าจริงๆ จ๊ะยังไม่พร้อม จ๊ะอยากขอเวลาอีกนิดที่จะให้คนรู้หรือแบบจะจัดงาน เพราะว่ามันมีเรื่องที่ยังต้องคุยกันว่าเขาคิดยังไงในเรื่องของการแต่งงาน แล้วเราเป็นยังไง จ๊ะไม่ใช่ผู้หญิงแบบมีภาพในหัวว่าเราจะใส่ชุดเจ้าสาว คือชอบอะไรที่เรียบง่ายที่สุด

ก็เลยผลัดการแต่งงานจากที่น้องเอินขอมาถึง 2 ปี?
จ๊ะ : ใช่ค่ะ
เอิน : รอมาตั้งนานแล้ว รออีกนิดนึงจะเป็นไรไป เขาเซย์เยสกับเราแล้ว แค่นั้นเราก็แฮปปี้แล้ว

เรามีขอตกลง 1 ขอที่ขอให้น้องเอินทำให้ ข้อตกลงนั้นคืออะไร?
จ๊ะ : คุยกันเรื่องสเต็ปต่อไป คือจ๊ะไม่อยากมีลูก ณ ตอนนั้น แต่คุณเอินเขาอยากมีลูกมาก เราก็เลยมาทำการตกลงกัน จ๊ะไม่อยากมีลูกจริงๆ แล้วเราจะยังไง คือจ๊ะไม่อยากมีหวง เราสองคนเป็นคนที่ไลฟ์สไตล์เหมือนกันมาก ชอบเที่ยว ลุยๆ อยากทำอะไรก็ทำ จ๊ะรู้สึกว่ามันสบายดีอยู่ก็ไม่อยากมีหวงใหญ่ๆ

แล้วเกิดอะไรขึ้น สุดท้ายมีให้ก็ได้?
จ๊ะ : ไปเยี่ยมพี่หนูเล็กเพิ่งคลอดลูกที่บ้าน วันนั้นพี่หนูเล็กยังไม่ได้กินข้าวเลย พี่หนูเล็กเลยฝากดูน้องวินแป๊บนึงขอไปตักข้าวก่อน พี่เอินเขาก็ดูจริงๆ คือเขาจ้องแบบเป็นสายตาที่จ๊ะไม่เคยเคยเห็น เขามองน้องวินแบบละมุน ละไมมาก มันก็เลยทำให้จ๊ะรู้สึกผิด ก็เลยตัดสินใจคุยกันว่าถ้าเขาอยากมีขนาดนี้คงมีแค่เราคนเดียวที่ทำหน้าที่นี้ได้ ก็เลยเจอกันตรงกลาง โอเคได้ไปหาคุณหมอเพื่อที่จะตรวจลึกๆ ว่าเรามีโรคเลือดกันไหม เรามีอะไรที่จะต้องเตรียมความพร้อมก่อนที่จะมีหรือเปล่า

พอตัดสินใจจะมีลูกรอบแรกน้ำยาคุณดีมากติดเป็นแฝดเลย?
จ๊ะ : คือตอนนั้นมันมีแบบการแตกตัวเองก็เลยมาเป็นคู่

เห็นว่ารอบแรกน้องอยู่ไม่ไหวน้องหลุดไป ตอนนั้นกี่เดือน?
จ๊ะ : 2 กว่าๆ

ทำให้ทั้งคู่เศร้ามากๆ จนบอกว่าไม่มีแล้วก็ได้?
จ๊ะ : จ๊ะนะคะ จ๊ะรู้สึกว่ามันไม่โอเค มันเป็นฟิลลิ่งที่รู้สึกแบบดาวน์ แล้วก็กลัวที่จะเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก ก็เลยตัดใจไม่มีได้ไหม แต่พี่เอินก็ยังยืนยันว่าจะมี

เอิน : ตอนนั้นเป็นช่วงที่เราพยายามเชียร์เขา บิ๊วเขา แต่ก็ยอมรับว่าบางปัญหาเราสองคนไม่สามารถเคลียร์กันได้ทุกอย่าง ถ้าเราเคลียร์กันไม่ได้ เราไปคุยกับจิตแพทย์ไหม เพราะว่าเราเห็นเขาดาวน์ เราเห็นเขาเสียใจ แต่เราไม่สามารถทำอะไรได้ไม่ว่าจะเป็นการเชียร์อัพ พูดให้เขามีกำลังใจ ให้เขาตั้งสติขึ้นมาได้ เราทำไม่ได้ เราก็เลยตัดสินใจไปคุยกับจิตแพทย์ไหม เผื่อมันจะช่วยได้

เห็นบอกว่าไปคุยสักระยะนึงเลย คุยคู่ก็มี คุยแยกเดี่ยวก็มี ตอนนั้นน้องจ๊ะดาวน์ลงไปขนาดไหน?
เอิน : มันเป็นเรื่องของความเครียดด้วย พอท้องความเครียดมีผล พอไม่ประสบความสำเร็จบางอย่าง มันกก็จะต้องมีความคาดหวังว่าครั้งต่อไปมันจะประสบความสำเร็จไหม เราเลยรู้สึกว่าทำยังไงก็ได้ให้เราสละความเครียดนี้ได้ก่อน ก็เลยลองออกไปปรึกษาคนอื่นดู

ปรึกษาคุณหมอ คุณหมอว่ายังไงบ้าง?
เอิน : คุณหมอขุดอดีตเลยครับ ทำไมถึงอยากมี ทำไมถึงไม่อยากมี คุณหมอก็เข้าใจในมุมมองของเรา ในมุมมองของเขา แล้วมานั่งคุยกันว่าเรามีโอกาสที่จะมีหรือไม่มีก็ได้ ใช้เวลาปรึกษาประมาณ 3 เดือน มีการทำคอร์สเกือบทุกอาทิตย์

สิ่งที่ได้กลับมาคืออะไรบ้าง?
เอิน : คือเรื่องของสภาพจิตใจเลยครับ จากตอนแรกที่เราดิ่งไม่รู้จะทำยังไง ไม่รู้จะพูดยังไงให้จ๊ะดีขึ้นพอเราไป เรารู้สึกว่าเราคุยกันมากขึ้น เราเห็นทางที่เราจะเดินไปต่อ มันเห็นภาพข้างหน้าชัดเจนขึ้น

แล้วจุดไหนที่เรามาจับมือกันแล้วมีลูกอีกครั้ง?
เอิน : มันมาเอง เรารู้สึกว่าเราพร้อม แล้วรับกับผลลัพธ์กับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ว่าเราจะประสบความสำเร็จหรือไม่

ต่อมาเราใช้วิธีธรรมชาติเหมือนเดิม หรือไปปรึกษาแพทย์?
จ๊ะ : ไม่ค่ะ เป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์หมดเลย

ตอนแรกตั้งใจจะมีคนเดียวเหรอ แต่ดันติดแฝด?
เอิน : เอาคนเดียวให้ได้ก่อนก็แฮปปี้แล้วครับ
จ๊ะ : คุณหมอตัดสินใจใส่คู่ค่ะ เพราะว่าจ๊ะมีแผลที่มดลูกแล้วก็อาจจะยากหน่อย ก็เป็นการเผื่อไว้ คาดการว่าน่าจะติด 1 แต่พอติดคู่ก็หลอนๆ นิดนึง แต่ก็ดูแลให้ดีที่สุด จ๊ะแพ้ท้อง 4 เดือน ถามว่ามีเหวี่ยงเขาไหม คือมีเรื่องเดียว จ๊ะเหม็นเขา พอเขาเข้ามาใกล้ๆ จ๊ะจะรู้สึกหงุดหงิด เราเหนื่อยเราไม่อยากอาเจียนแล้ว ก็จะแบบว่าไม่ต้องมาได้ไหม

เอิน : เราทำอะไรไม่ได้เลย ได้แต่อยู่ห่างๆ แล้วต้องระมัดระวังเรื่องการกินมากขึ้น บางทีเรากินอะไรที่เหม็นมันก็จะทวีคูณมากขึ้น

ทำไมตั้งชื่อลูกว่า โอบ-อารี?
จ๊ะ : ตั้งจากความหมายที่เราอยากให้เขาเป็น โอบก็มาจากโอบอ้อมนี่แหละ แต่เราตัดอ้อมออก

หลงลูกเลเวลไหน?
เอิน : ตอนนี้ก็ไม่ได้ไปไหนเลย

หมดสัญญาแล้ว เห็นว่าไม่ต่อสัญญาด้วย?
จ๊ะ : ด้วยความที่จ๊ะอยู่มา 10 กว่าปี มันเป็นเวลาที่ค่อนข้างยาว เรารู้สึกว่าเราอยากเปลี่ยน อยากเจออะไรใหม่ๆ ก็เลยขออนุญาตไม่ได้ต่อ

แบบนี้ยังอยากเล่นละครอยู่ไหม?
จ๊ะ : อยากเล่นค่ะ ยังไงมันก็หนีไม่พ้น มันเป็นชีวิตเรา เราไม่ได้หมดแพชชั่นในการเล่นละคร แต่ด้วยความที่ระยะหลังๆ เราเล่นอะไรที่มันซ้ำเดิมไปเรื่อยๆ มันก็เลยรู้สึกว่ามันนิ่ง