จากกรณีวานนี้ (29 ธ.ค.) พล.ต.ต.คมศักดิ์ สุมังเกษตร ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.กฤษณ์ วาฤทธิ์ รองผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี , พ.ต.อ.สมเดช เกษมสุข ผกก.สอบสวน กลุ่มงานสอบสวน.ภ.จว.สุพรรณบุรี ร่วมกันแถลงผลการสอบสวนคดี ด.ช.ซูลุยพิว หรือน้องต้าแง อายุ 2 ขวบ สัญชาติเมียนมา พลัดหลงในไร่อ้อย กระทั่งเสียชีวิต ซึ่งนำไปสู่การออกหมายจับ นายฝน ชายสติไม่ดีที่อยู่ในหมู่บ้าน โดยนายฝนให้ปากคำว่าพาเด็กเดินไปบริเวณไร่อ้อย แล้วเด็กตกน้ำเอง ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหากับนายฝนข้อหาพรากผู้เยาว์
วันที่ 30 ธ.ค. 61 นายสมจิตร ชิมมา และนางพยูง สร้อยทอง พ่อกับแม่ของนายฝน พร้อมชาวบ้านจากตำบลสระพังลานและตำบลสระยายโสม เกือบ 100 คน เดินทางมาที่บริเวณด้านข้าง สภ.สระยายโสม โดยกลุ่มชาวบ้านเดินถือป้ายแสดงความไม่พอใจที่นายฝนถูกจับกุมในข้อหาพรากผู้เยาว์ และมีส่วนเกี่ยวข้องในคดีที่น้องต้าแงเสียชีวิต
ซึ่งแกนนำชาวบ้าน ระบุว่า ขณะนี้ทางชาวบ้านแคลงใจว่าตำรวจจับนายฝนหรือยัง และนำตัวนายฝนเข้าคุกจริงหรือไม่ นอกจากนี้ในวันเกิดเหตุ ชาวบ้านไม่เชื่อว่านายฝนจะปั่นจักรยานไปยังไร่อ้อยอีกด้วย
ขณะที่
นางมาลัย พูลกำลัง แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยว พร้อม
นายวิษณุ พูลกำลัง ลูกชาย และ
นายภาคภูมิ ศรีทองแท้ ชาวบ้าน เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ ตนพบนายฝนเดินออกมาจากวัดพร้อมกับพระวัดนันทวัน เพื่อมากินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านตนในเวลา 10.00 น. เนื่องจากวันดังกล่าวตนถูกลอตเตอรี่ จึงเลี้ยงเพลพระที่วัด จากนั้นจึงเดินทางกลับเข้าวัดในเวลา 12.00 น.
นายภาคภูมิ กล่าวต่อว่า ตลอดทั้งวันนายฝนอยู่ที่วัดตลอด สามารถยืนยันได้ว่าช่วง 10.00 - 12.00 น. มีพยานเห็นว่านายฝนกินก๋วยเตี๋ยวที่หน้าวัด และหากนายฝนจะไปยังจุดเกิดเหตุซึ่งมีระยะทางเกือบ 2 กิโลเมตร ก็อาจเป็นไปได้ยาก อีกทั้งด้วยสภาพร่างกายและลักษณะนิสัยของนายฝนนั้น ไม่มีทางที่จะไปเดินเล่นในที่ปลอดผู้คน
นายภาคภูมิ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่เด็กหญิงวัย 3 ขวบที่เล่นกับน้องต้าแง ให้ข้อมูลว่ามีชายผิวคล้ำเป็นผู้พาน้องต้าแงไปนั้น ตนตั้งข้อสังเกตว่า ในวันนั้นมีคนอยู่ในไร่อ้อยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนงานจากต่างถิ่น ทั้งคนงานต่างด้าวซึ่งมาตัดอ้อย ฉะนั้น จึงอาจมีความเป็นไปได้ว่าจะมีคนอื่นเข้ามาอยู่ใกล้ชิดกับเด็ก
นอกจากนี้ ข้อมูลที่ระบุว่านายฝนถือของเล่นเด็กหลอกล่อให้น้องต้าแงเดินไปด้วยกันนั้น ชาวบ้านระบุว่า ไม่น่าเป็นไปได้ ส่วนกรณีที่ตำรวจสอบถามนายฝนแล้ว นายฝนระบุว่า เด็กตกน้ำนั้น เนื่องจากนายฝนเป็นคนที่ชอบพูดตามคนอื่น หากใครพูดชี้นำเขาอย่างไร ก็จะต้องพูดตามแน่นอน เพราะอายุสมองเทียบเท่าเด็กอายุ 3 - 5 ขวบ
จากนั้น เวลาประมาณ 11.00 น. พล.ต.ต.คมศักดิ์ สุมังเกษตร ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี เดินทางมาถึงจุดข้างโรงพักซึ่งเป็นสถานที่ที่ชาวบ้านรวมตัวกันร้องขอความเป็นธรรม โดยผู้การฯ จังหวัดสุพรรณบุรี ได้เชิญทางครอบครัวและชาวบ้านที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เข้ารับฟังคำชี้แจงของคดีภายในห้องประชุมของโรงพัก สภ.สระยายโสม โดย
พล.ต.ต.คมศักดิ์ สุมังเกษตร ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี กล่าวว่า ขณะนี้ตนอธิบายให้แม่นายฝนฟังแล้วว่า การที่สมองเขามีอายุเท่ากับเด็ก 5 ขวบ ย่อมไม่มีใครจะมาสอนเขาไดั เขาบอกกับตำรวจอย่างไร ก็ต้องเป็นแบบนั้น ทั้งนี้ การสอบยังมีจิตแพทย์คอยดูแลอยู่ด้วย การทำงานจึงเป็นไปอย่างรอบคอบถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ทำงานกันอย่างระมัดระวัง ไม่ได้รีบปิดคดีอย่างที่ชาวบ้านเข้าใจกัน
ส่วนของเล่นที่มีการระบุว่านายฝนถือไปหลอกล่อน้องต้าแงนั้น เนื่องจากของเล่นชิ้นจมน้ำไปเป็นเวลากว่า 10 วัน จึงไม่สามารถตรวจสอบรอยนิ้วมือได้
ด้าน
นางอุษา มีสกุล น้องสาวเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยว ระบุว่า วันเกิดเหตุนายฝนออกมาจากวัดในช่วงประมาณ 10.00 น. พร้อมกับพระลูกวัด เนื่องจากตนเลี้ยงเพลพระ โดยนายฝนก็ยังนั่งทานอาหารภายในร้านจนถึง 12.00 น. แล้วจึงกลับเข้าวัดไป ซึ่งขณะที่นายฝนอยู่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวก็จะอยู่ในสายตาตนตลอด ไม่ได้เดินไปไหน
อีกทั้งในวันดังกล่าว ตนเองไม่เห็นว่านายฝนมีท่าทีผิดปกติ กังวล หรือพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับเด็กแต่อย่างใด ตนไม่เชื่อว่านายฝนจะไปที่ไร่อ้อย เพราะข่าวระบุว่าเด็กหายตอนประมาณ 11.00 น. แต่นายฝนอยู่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวตั้งแต่ 10.00 น. ฉะนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่นายฝนจะไปไหน ตนเชื่อว่านายฝนเป็นผู้บริสุทธิ์
นางอุษา กล่าวต่อว่า สำหรับนิสัยใจคอของฝน แม้ว่าจะเป็นคนสติไม่สมประกอบ แต่ก็เป็นเด็กร่าเริง ซึ่งหากจะกล่าวหาว่าเขาไปขโมยของเล่นบ้านเด็กคนอื่นมา ตนคิดว่าไม่มีทาง เพราะนายฝนมีแค่จักรยานของตัวเองเท่านั้น
เมื่อตนทราบว่านายฝนต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดี ตนก็รู้สึกประหลาดใจ เพราะตนยืนยันว่านายฝนอยู่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวตลอดทั้งวัน แล้วเขาไม่ใช่คนที่มีพิษมีภัยกับใคร ชอบบีบนวดให้คนในวัดแล้วขอเงิน
ขณะที่
นายสมจิตร ชิมมา พ่อของนายฝน ระบุว่า หลังจากพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนก็รู้สึกสบายใจขึ้น นอกจากนี้ ขณะที่สอบปากคำ ลูกชายยังมีการให้การวกวน ซึ่งการที่ลูกตนบอกว่าน้องตก หรือจมน้ำ เชื่อว่าลูกชายอาจไปได้ยินคนในหมู่บ้านพูดต่อ ๆ กันมา จึงพูดตาม
นายสมจิตร กล่าวต่อว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพานายฝนไปชี้จุดพบศพ ตนก็ตามไปด้วย พบว่า ฝนเดินเลยจุดที่พบศพไปประมาณ 40 เมตร ใกล้กับจุดที่มีศาลาตั้งอยู่ จากนั้นตำรวจจึงพาฝนเดินกลับมายืนที่จุดที่พบศพ พร้อมถามว่า “ตรงนี้ใช่ไหม” นายฝนจึงตอบว่า “เออ" ซึ่งเหตุการณ์ในลักษณะนี้ ตนมองว่าคล้ายกับเป็นการบังคับให้เขามาหยุดตรงที่พบศพ ทั้งที่ลูกชายตนไม่เคยมาจุดนั้น
ตั้งแต่ลูกชายถูกควบคุมตัวไป ภรรยาตนก็ถึงกับเป็นลมแล้วความดันขึ้น ครอบครัวตนอยู่กันแค่สามคน มาเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็พูดอะไรไม่ออก ไม่มีกำลังใจทำงาน
ด้าน
นายสมาน วงษ์กัณหา คนขับรถไถ เปิดเผยว่า หลังทราบว่านายฝนตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ตนก็รู้สึกตกใจ และไม่คาดคิดว่านายฝนจะตกเป็นผู้ต้องหา เพราะตั้งแต่เกิดมา ตนไม่เคยเห็นอีกฝ่ายเข้าไปไร่อ้อยมาก่อน
ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนดูข่าวจากโทรทัศน์ของช่องหนึ่ง ระบุว่า ตำรวจบอกว่าตนเป็นคนแจ้งว่าพบเห็นนายฝนปั่นจักรยานใกล้กับที่เกิดเหตุ ซึ่งตนไม่เคยให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่เลยว่า ตนเจอนายฝนในที่เกิดเหตุ ดังนั้นตนจึงไม่เข้าใจว่าทำไมต้องปัดความรับผิดชอบมาที่ตน
ซึ่งในวันสอบปากคำ ตำรวจสอบถามว่ามีคนลักษณะสติไม่ดีนี้อยู่ในที่ชุมชนนี้ไหม ตนเพียงตอบว่า "มี" จากนั้น เจ้าหน้าที่จึงสอบถามอีกว่า แล้วเห็นนายฝนปั่นจักรยานมาใกล้กับที่เกิดเหตุหรือไม่ ตนก็ตอบว่า ขอยืนยันว่าไม่เคยเห็นนายฝนในที่เกิดเหตุขณะที่ตนทำงานอยู่
นายสมาน กล่าวอีกว่า หลังจากเรื่องดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้ตนต้องตกเป็นจำเลยสังคมอีกครั้ง ทั้งที่ตนเพิ่งจะพ้นมลทิน แต่วันนี้กลับพบว่า ชาวบ้านมาถามตนว่า "มึงโยนคดีให้คนบ้าอีกแล้วหรือ" ทั้งที่ตนไม่เคยกล่าวถึงนายฝนเลย
นายสมาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่คนทำงานในไร่อ้อยมา ตนไม่เคยเห็นนายฝนขี่จักรยานขับผ่านไร่อ้อยเลยสักครั้ง และวันเกิดเหตุก็ไม่เห็นนายฝนเช่นกัน ส่วนเรื่องนายฝนจะพูดว่า เด็กตกน้ำ ตนเชื่อว่านายฝนจำคนอื่นมา เพราะหากใครพูดชักนำเขาแล้ว เขาจะจดจำได้แม่นยำ
โดยทีมข่าวเดินทางกลับมายังวัดนันทวัน ซึ่งเป็นสถานที่ที่นายฝนชอบเข้ามาคลุกคลีกับพระลูกวัดอยู่บ่อย ๆ ซึ่ง
พระลูกวัดรูปหนึ่ง เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุ ช่วงก่อนใกล้ฉันเพล ตนอยู่กับนายฝน กระทั่งช่วงเพล ตนยังพานายฝนไปตีกลองเพล ขณะนั้นนายฝนก็ดูอารมณ์ดี ยังพูดจาล้อกับตนอยู่ว่า “หลวงพี่ทำไม้ตก” อยู่เลย
ทั้งนี้ ตนยืนยันได้ว่านายฝนอยู่กับตนตลอดทั้งวัน อีกทั้งในวันดังกล่าว ตนไม่เห็นนายฝนหายไปเป็นเวลานาน จึงไม่คิดว่านายฝนจะออกไปไร่อ้อย ซึ่งหลังเกิดเหตุเด็กหายตัวในไร่อ้อย ตนยังพูดแซวนายฝนว่า “ฝน มึงเอาเด็กไปซ่อนเปล่า” นายฝนยังตอบตนว่า “หลวงพ่อพูดไปเรื่อย ผมไม่รู้” ซึ่งตลอดเวลาที่มีเจ้าหน้าที่เข้าไปหาตัวเด็กในไร่อ้อย เขารับรู้ว่ามีเด็กหายไป นายฝนก็จะตามไปดูที่บริเวณที่เขาหาตัวเด็ก เพราะชอบไปอยู่ในที่ที่มีคนอยู่เยอะ
พระลูกวัด กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตนไม่เชื่อว่าคำพูดว่า "เด็กตกน้ำ" จะเป็นคำพูดที่นายฝนคิดขึ้นมาเอง แต่คาดว่าอีกฝ่ายเก็บคำพูดที่ได้ยินจากคนอื่นคุยกัน แล้วจดจำมาพูด เนื่องจากหลังเกิดเหตุ ชาวบ้านต่างพูดกันว่า เดี๋ยวเจ้าหน้าที่จะงมหาเด็กในน้ำ ซึ่งเป็นไปได้ว่า นายฝนอาจจะไปได้ยินเขาพูดกันว่า "เด็กตกน้ำ"