กรณีเหตุการณ์เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 65 เวลา 22.00 น. มีกลุ่มแท็กชี่ 3 คน คือนายแป๊ะ นายโป้ง และนายปู (นามสมมติ) บุกมาที่หน้าหอพัก ซอยลาดพร้าว 101 แยก 45 ใช้อาวุธเป็นสนับมือ มาก่อเหตุทำร้ายร่างกาย นายกิติพงษ์ พานตะสี อายุ 44 ปี มีแผลถูกทำร้ายบริเวณร่องตาซ้ายบริเวณสันจมูก และคิ้วซ้ายแตก รวมเย็บ 12 เข็ม แผลที่นิ้วโป้งซ้าย ภายหลังก่อเหตุกลุ่มแท็กซี่กร่างได้ขับรถหลบหนี ส่วนผู้เสียหายเดินทางไปแจ้งความ แต่คดีไม่มีความคืบหน้า และไม่มีการเรียบสอบกลุ่มคนก่อเหตุ
วันที่ 28 ม.ค. 65 ทีมข่าวเดินทางไปที่อะพาร์ตเมนต์ที่เกิดเหตุ ในซอยลาดพร้าว 101 แยก 45 เจอกับนายกิติพงษ์ พานตะสี คนเจ็บ มีแผลที่ใบหน้า มีการปิดแผลด้วยผ้าก๊อซสีขาว ภายในดวงตาช้ายมีเลือดคั่งในตาขาว ตามตัวมีแผลถลอกเล็กน้อย ส่วนหัวนิ้วโป้งซ้ายยังมีผ้าก๊อซขาวปิดแผลเอาไว้เช่นกัน
กล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่ บันทึกพฤติกรรมการก่อเหตุกร่างของกลุ่มแท็กซี่ได้ จะเห็นว่า มีรถ 3 คันขับมาจอดหน้าตึก โดยมี 2 คนลงรถไปทำร้ายร่างกายนายกิติพงษ์ อีกคนลักษณะยืนคุมเชิง หลังทำร้ายเสร็จ ได้ขับรถหนีออกซอยทันที
นายกิติพงษ์ ผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ช่วงเกิดเหตุตนเองขับรถอยู่บนถนนลาดพร้าว เป็นเส้นทางกลับบ้าน ระยะก่อนถึงประมาณ 750 เมตร มีรถแท็กซี่สีชมพูขับอยู่ข้างหน้า ไม่มีการเปิดไฟเลี้ยว ขับกักเลน ตัวเองก็ไม่รู้ว่าจะเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา จึงตัดสินใจแซง จังหวะนั้นได้มีการลดกระจก เพื่อบอกให้แท็กซี่รับรู้ว่า "จะเลี้ยวก็เปิดไฟเลี้ยวด้วยนะครับ" ตนเองก็ขับแซงขึ้นหน้าเพื่อกลับบ้าน ซึ่งก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุรุนแรงอะไรขึ้น เพราะเป็นการบอกกล่าวในฐานะเพื่อนร่วมทางกันเท่านั้น
ตัวเองขับรถมาจอดหน้าอะพาร์ตเมนต์ ยังไม่ทันได้ขึ้นตึก มัวยืนคุยเล่นทักทายกับคนข้างล่าง สังเกตเห็นว่ามีรถแท็กซี่ 3 คัน หนึ่งในนั้นคือคันของนายแป๊ะ สีชมพู คันที่ตนเองขับแซง และเตือนให้เปิดไฟเลี้ยว ขับมาจอดในซอยก่อน และมีแท็กซี่คาดว่าเป็นเพื่อนของนายแป๊ะ คือนายโป้ง คนสีชมพูเหมือนกัน, นายปู คนสีเหลือง ตามมาติด ๆ โดยมีนายแป๊ะและนายโป้งลงมาก่อเหตุทำร้ายตนเองด้วยสนับมือ ส่วนนายปูยืนคุมเชิง หลังจากที่มีการก่อเหตุแล้วก็ได้รีบหลบหนีออกจากซอยทันที ตนเองจึงได้ประสานกู้ภัยเข้ามาทำแผลและนำส่งโรงพยาบาล หลังเกิดเหตุก็ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาในพื้นที่แต่อย่างใด
ตนเองจึงได้เดินทางไปแจ้งความด้วยตนเองที่โรงพัก แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับบอกว่า "ไม่มีการแจ้งเหตุคนถูกทำร้าย" ซึ่งตนเองก็งงว่าในเมื่อตนเองมีสภาพที่มีบาดแผล และเดินทางไปแจ้งความ แต่ตำรวจก็เหมือนไม่ได้สนใจอะไร จึงได้ขอลงบันทึกประจำวัน เพื่อจะนำมาหาหลักฐาน โดยเฉพาะกล้องวงจรปิดด้วยตัวเอง
เมื่อคืนที่ผ่านมา ตนเองกับลูกชาย ก็ได้แอบขับรถตระเวนหากลุ่มแท็กซี่ที่ก่อเหตุด้วยตนเอง ตนเองก็ไม่รู้ว่าตำรวจรับแจ้งแล้วแต่ทำไมถึงไม่มีการเรียกกลุ่มคนก่อเหตุมาสอบปากคำหรือแจ้งข้อกล่าวหา ตนเองจึงพยายามขับรถตามหาด้วยตนเอง สังเกตว่ากลุ่มคนเหล่านั้นยังใช้ชีวิตตามปกติ ยังขับรถอยู่ในพื้นที่นวมินทร์และลาดพร้าว ดังนั้นตนเองจึงอยากเรียกร้องขอความเป็นธรรม และอยากจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกบุคคลที่ก่อเหตุเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาตามกระบวนการของกฎหมาย สำหรับเหตุการที่เกิดขึ้น ตนเองยืนยันว่าไม่รู้จักกับกลุ่มแท็กซี่ทั้ง 3 คน และไม่เคยมีชนวนเหตุหรือประเด็นความขัดแย้งอื่น