สาวไส้ “ตูน ชวนสยิว” อ้างถูกโทรม 3 หนขอเงินแสน เจอพิรุธขายไอซ์แต่อ้างถูกมอม (คลิป)

29 ม.ค. 65

กรณีพล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. สั่งการให้ ผบก.สอท.2 พร้อมด้วยผกก.1 บก.สอท.2 และสว.กก.1 บก.สอท.2 เข้าจับกุมตัว นางสาวณัฏฐ์ชญาภา หรือ ตูน อายุ 32 ปี อดีตพริตตี้สาว ตามหมายจับศาล จ.นนทบุรี ที่ 1/2565 ลงวันที่ 2 ม.ค.65 ในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ มีลักษณะอันลามก, ประกอบการค้าหรือมีส่วนเข้าเกี่ยวข้องในการค้าเกี่ยวกับวัตถุหรือสิ่งของลามก

182528

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากนางสาวส้ม (นามสมมติ) น้องสาวของหนึ่งในจำเลยซึ่งเป็นตำรวจตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีข่มขืนหญิงสาว เพราะถูกนางสาวตูนแจ้งจับ กระทั่งผ่านไปเกือบ 10 ปี นางสาวส้ม พยายามรวมพยานหลักฐานเอาผิดนางสาวตูน ในข้อหาลามกอนาจาร ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันที่ 29 ม.ค.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปพบกับ นายพิภพ (นามสมมติ) รุ่นน้องของนายฮัท อดีตตำรวจที่ตกเป็นผู้ต้องหา และนายเบิ้ม ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันกระทำอนาจาร ที่ถูกนางสาวตูนดำเนินคดีเมื่อปี 2555

872737

นายพิภพ เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุเมื่อปี 2555 กลุ่มของตนก็พากันไปเล่นฟุตบอล จากนั้นก็ได้แยกย้ายกัน แต่กลุ่มของนายฮัท ได้นัดหมายไปนั่งดื่มสังสรรค์กันต่อที่บ้าน ซึ่งขณะนั้นนายเบิ้มก็กำลังคบหากับนางสาวตูน ฝ่ายหญิงจึงขอติดตามไปด้วย แต่หลังจากทุกคนเมาสุรา ก็ถูกนางสาวตูนอ้างว่าผู้ชายในวงเหล้ารุมโทรม ตนมองว่าบริเวณวงเหล้าไม่ใช่สถานที่ปิด เพราะเป็นบ้านส่วนตัวของนายฮัท และมีแม่รวมถึงน้อง ๆ ของนายฮัทอาศัยอยู่ร่วมกันหลายคน

849750

กระทั่งนายฮัท และนายเบิ้ม กลายเป็นผู้ต้องหา ทำให้เพื่อนและรุ่นน้องหลายคนตกใจ จึงร่วมกันหาคำตอบเพื่อหาความจริงให้ปรากฏว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ โดยตนได้ไปปรึกษากับทีมทนายความ และเข้าไปดูสำนวนคดีหรือการแจ้งความเกี่ยวกับคดีอนาจารที่เกิดขึ้น ปรากฏว่าไปเจอคดีอยู่ที่ สน.อุดมสุข ก่อนปี 2555 มีการแจ้งข้อกล่าวหาในคดีอนาจารกับนายแจ็ค ว่าถูกกระทำอนาจาร ข่มขืนซึ่งไม่ใช่ภรรยาของตัวเอง แต่บันทึกที่โรงพักไม่ได้มีการดำเนินคดีต่อ เพราะสิ้นสุดสามารถเจรจากันได้ด้วยวงเงินหลักแสน

484719

จากการตรวจสอบ นางสาวตูน ยังไปลงบันทึกประจำวันแจ้งความเอาไว้ที่ สน.บางนา เพื่อเอาผิดกับนายวิริยะ โปรดิวเซอร์รายการ ในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์ ซึ่งคดีดังกล่าวนางสาวตูน อ้างว่าโปรดิวเซอร์ชักชวนให้ไปนั่งดื่มกินและทานข้าวที่ร้านข้าวต้ม จากนั้นนางสาวออน ซึ่งเป็นเพื่อนสาวของนางสาวตูน เข้ามาเกี่ยวข้อง หลังจากที่กินข้าวเสร็จโปรดิวเซอร์ได้ชักชวนเข้าโรงแรมม่านรูด จนถูกกระทำอนาจารและขืนใจ ทั้ง ไ ที่ข้อเท็จจริงแล้วอาจเป็นการสมยอมร่วมกัน แต่นางสาวตูน อ้างว่าจะจัดสรรและแบ่งเงินให้นางสาวอร หากพากันไปแจ้งความและให้การว่าโปรดิวเซอร์ล่อลวงเข้าม่านรูดและขืนใจ แต่เมื่อข่าวเริ่มดัง นางสาวออน จึงตัดสินใจเปลี่ยนคำให้การ ทำให้คดีโปรดิวเซอร์เดินต่อไปไม่ได้ จบลงที่ไม่มีพยาน ซึ่งคดีดังกล่าวเป็นคดีที่โด่งดัง รวมทั้งมีทนายสงกรานต์ เป็นผู้ที่เข้ามารับเรื่องในขณะนั้น

244964

ทั้งนี้ การกระทำของนางสาวตูน ก็ยังไม่ได้จบเพียงแค่นี้ ในการขึ้นศาลชั้นต้นช่วงปี 2561 ในคดีที่นางสาวตูน ฟ้องดำเนินคดีกับนายฮัท และนายเบิ้ม ร่วมกันกระทำอนาจารขืนใจ ปรากฏว่าในการขึ้นศาล นายฮัทและนายเบิ้ม ได้ไปเจอกับผู้เสียหายอีกคน โดยผู้เสียหายรายดังกล่าวมียศระดับ “พันโท” อ้างว่าถูกนางสาวตูน ตบทรัพย์และทำให้เกิดเป็นคดีความไม่ต่างจากคดีอื่น ๆ ที่นางสาวตูนเคยไปแจ้งความเอาไว้

นายพิภพ ยังกล่าวด้วยว่า คดีทั้งหมดที่เกิดขึ้นตนมองว่าเป็นการตบทรัพย์ และเป็นพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับคดีอนาจาร ที่อาจตกลงกันไม่ได้ หรือเลือกเฉพาะบุคคลที่มีหน้าที่การงานที่ดี มีตำแหน่ง หรือภูมิฐาน จึงตกเป็นเหยื่อของนางสาวตูน เพราะถ้าดูจากคดีความที่เคยมีการแจ้งดำเนินคดี บุคคลเหล่านี้เกี่ยวข้องกับผู้ที่มีตำแหน่งหน้าที่การงาน หรือเรียกได้ว่ามีเงินที่จะสามารถเรียกเป็นค่าตอบแทนได้ทั้งหมด และการที่ตนตัดสินใจออกมาให้ข้อมูลเช่นนี้ ก็เพราะต้องการจะให้เพื่อนและน้อง ๆ ที่ตกเป็นผู้ต้องหา พิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับพฤติกรรมเรียกตบทรัพย์ของนางสาวตูน

875641

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่คดีเข้าสู่กระบวนการศาล นางสาวตูนจึงถูกซักถามในประเด็นที่ว่า ทำไมไม่ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือหรือหลบหนี นางสาวตูน กลับให้การว่า “ขณะนั้นคนก่อเหตุ 5 คน พากันล้อมวงกินเหล้า คนในบ้านยังไม่ห้าม นับประสาอะไรถ้าตะโกนขอความช่วยเหลือ แล้วจะมีคนช่วย” พร้อมกับยืนยันว่าถูกบังคับให้ใช้ยากล่อมประสาท หรือยาปลุกเซ็กซ์ ซึ่งยาดังกล่าวได้มีการแบ่งกันกินคนละครึ่งเม็ดระหว่างนางสาวตูนกับนายฮัท แต่ผลปรากฏว่า “ผลการตรวจ มียาตกค้างในตัวของนางสาวตูน แต่ในตัวของนายฮัทไม่มี”

730149

ประเด็นสุดท้าย นางสาวตูน ให้การต่อชั้นศาลว่า “ถูกกลุ่มคนก่อเหตุรุมกระทำพร้อมกัน โดยมีการสอดใส่อวัยวะเพศที่ปาก” จึงได้ถูกซักในชั้นศาลว่า “ทำไมไม่กัดหรือเอาตัวรอด” นางสาวตูนกลับตอบว่า “ขณะนั้นกามชา ปากชา เพราะฤทธิ์ของยาที่ถูกบังคับให้กิน” ดังนั้นจากคำให้การที่ค่อนข้างย้อนแย้งหลายอย่าง จึงทำให้เพื่อนและคนในครอบครัวของทุกคนช่วยกันหาคำตอบ กระทั่งรู้ว่าอาจเป็นพฤติกรรมเดิม ๆ หรือการตบทรัพย์หลังจากมีเซ็กซ์กับเหยื่อ

738711

นางสาวส้ม (นามสมมติ) น้องสาวของอดีตตำรวจ ซึ่งตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาคดีรุมโทรมนางสาวตูน เปิดเผยว่า หลังจากที่พี่ชายถูกกล่าวหาร่วมกันรุมโทรม และมีการใช้ยากล่อมประสาทจนไม่รู้สึกตัว ตนจึงติดใจในประเด็นนี้เพราะไม่คิดว่าจะมีการบังคับหรือใช้ยากล่อมประสาท จนทำให้นางสาวตูน ร้องขอความช่วยเหลือไม่ได้ ตนจึงได้ไปหาข้อมูล ปรากฏว่าไปเห็นนางสาวตูน โพสต์ใช้ยาบางอย่างรักษาโรคเครียด ตนจึงอยากรู้ว่าตัวยาดังกล่าวเกี่ยวข้องอะไรกับคดีของพี่ชายหรือไม่ จึงตัดสินใจปลอมตัวทั้งชื่อ LINE และภาพโพรไฟล์ ตีสนิทสนมนางสาวตูน

ทั้งนี้ เมื่อตนหลอกนางสาวตูน ว่าเป็นเด็กที่รับงาน แต่ไม่กล้าที่จะไปเจอผู้คน และไม่กล้าที่จะมีเซ็กซ์ จึงขอคำแนะนำจากนางสาวตูน และตีเนียนว่าจะขอแบ่งซื้อยานอนหลับหรือยาคลายเครียดบ้าง เพราะเห็นว่านางสาวตูนโพสต์ลงเฟซบุ๊กบ่อย ๆ ครั้ง เพื่อที่จะไม่ให้การมีเซ็กซ์กับคนอื่นเกิดความอับอาย หรือมีอาการเขิน

935566

แต่ในการพูดคุยครั้งนั้น นางสาวตูนได้เสนอเป็นยาเสพติด คือ ยาไอช์ อ้างว่าสามารถจัดหาให้ได้ และหากใช้แล้วการมีเซ็กซ์ก็จะทำให้สนุกมากขึ้น ตนจึงตัดสินใจที่จะลองสั่งซื้อและโอนเงิน 3 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 และ 2 ออกอุบายว่าฝากของไว้ก่อนเพราะติดธุระ และจะนัดหมายรับของอีกครั้ง กระทั่งครั้งที่ 3 ตนได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ สน.ประเวศ เพื่อให้ติดตามไปด้วย หลังจากที่นัดหมายเจอกันก็ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมนางสาวตูนทันที

167611

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สังคมตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับพฤติกรรมของนางสาวตูน ว่าเกี่ยวข้องกับการตบทรัพย์ หรือเลือกเฉพาะบุคคลที่มีฐานะและการเงินดี ตนจึงมองว่าไม่ต่างจากการที่มีการแจ้งความดำเนินคดีกับพี่ชายของตน ซึ่งในขณะนั้นมีตำแหน่งเป็นตำรวจ และยังมีอีกหลายคน โดยเฉพาะนายแจ็ค ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการ ฉะนั้นการเลือกเหยื่อของนางสาวตูน จึงเลือกบุคคลที่มีเงินสามารถเรียกเป็นค่าตอบแทนได้ แล้วตนก็เชื่อว่ามีอีกหลายคดีหรือหลายคนที่อาจไม่ได้ปรากฏเป็นข่าว เพราะกลัวเสื่อมเสียชื่อเสียง จึงเลือกจ่ายเงินเพื่อให้ทุกอย่างจบ

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส