เมื่อเวลา 22.30 น. ของวันที่ 30 ม.ค. 2565 ที่ สน.สำเหร่ นายศิริวัฒน์ พัฒนพงษ์ อายุ 20 ปี นักศึกษาปวส. เดินทางมาด้วยร่างโชกเลือด มีบาดแผลถูกแทงบริเวณหน้าท้อง
เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.ปณิธาน ห่วงถึง รอง สว.(สอบสวน) โดบระบุถูกเพื่อนเก่าสมัยเรียนมัธยมใช้มีดทำร้าย ภายในห้องพักแฟลตตำรวจ จากนั้นเจ้าหน้าที่รีบประสานหน่วยกู้ชีพมาปฐมพยาบาลก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลบางมด
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้ภาพกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าลิฟต์ จับภาพนายศิริวัฒน์ ผู้บาดเจ็บ กับนางสาวสาวินี แฟนสาวผู้บาดเจ็บเดินมาขึ้นลิฟต์ เพื่อขึ้นห้องด้วยกัน ช่วงเวลาประมาณ 21.10 น.จากนั้นนายศิริวัฒน์ ผู้บาดเจ็บ ลงมาจากห้องพัก แล้วกลับมาขึ้นลิฟต์อีกครั้ง ต่อมานายปรมินทร์ ผู้ก่อเหตุถือหมวกกันน็อก ยืนกดลิฟต์ เวลา 22.12 น. นางสาวสาวินี แฟนสาว พยุงนายศิริวัฒน์ ผู้บาดเจ็บ ออกจากลิฟต์
วัทนี่ 31 ม.ค. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ แฟลตตำรวจ สน.บางสำเหร่ จุดเกิดเหตุ บริเวณชั้น 10 สภาพมีร่องรอยกระจกบานเกล็ดแตก 2 บาน
นางสาวสาวินี แก้วสายนอก อายุ 22 ปี แฟนสาวผู้บาดเจ็บ บอกว่า ปกตินายศิริวัฒน์ ผู้บาดเจ็บ เป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ส่วนใหญ่เลิกเรียนก็จะมาหาตน หรือตนทำงานเสร็จก็จะมาเจอกัน ตัวติดกันตลอด ซึ่งยืนยันได้ว่าไม่ใช่คนเกเร หรือชอบหาเรื่องใคร
ช่วงเวลาเกิดเหตุ ตนกำลังนั่งทำการบ้านอยู่ จู่ ๆ นายปรมินทร์ ผู้ก่อเหตุ มาเคาะประตูแล้วเรียกชื่อ "โบ๊ท" แฟนหนุ่มของตน หลังจากที่นายศิริวัฒน์เดินไปเปิดประตู ก็ถูกนายปรมินทร์ชกต่อยที่บริเวณใบหน้า แล้วก็มีการต่อสู้กันจนทำให้กระจกบานเกร็ดแตก
ซึ่งตนไม่ทราบว่านายศิริวัฒน์ ผู้บาดเจ็บ ถูกแทงตอนไหน แต่ได้ยินแฟนตัวเองพูดว่า "มึงเล่นเน็ตเลยหรอ" ตนจึงรีบไปพลักนายปรมินทร์ ผู้ก่อเหตุ ออก แล้วปิดประตูหนี หลังจากนั้น ตนก็รีบพยายามพยุงนายศิริวัฒน์ลงไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาล ส่วนตัวมองว่าทำเกินกว่าเหตุ ซึ่งตนก็เป็นห่วงนายศิริวัฒน์ กลัวจะได้รับอันตรายหลังจากนี้ อยากให้เคลียร์ใจมากกว่า แต่เรื่องการทำร้ายร่างกายกันก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของกฎหมาย
ด้านนายศิริวัฒน์ พัฒนพงษ์ อายุ 20 ปี ผู้บาดเจ็บ บอกว่า ตนรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยก่อนหน้านี้ก็เป็นเพื่อนกับนายปรมินทร์ ผู้ก่อเหตุ แต่ภายหลังที่นายปรมินทร์ถูกดำเนินคดีเรื่องยาเสพติด ก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกัน กระทั่งทราบข่าวว่าพ้นโทษแล้ว กระทั่งวันจันทร์ที่ 24 ม.ค.65 ตนได้รับจดหมายแปะบริเวณหน้ารถจักรยานยนต์ โดยข้อความระบุว่า “ไม่ตอบข้อความก็ไม่ต้องตอบ เดี๋ยววิ่งงานเมื่อไหร่ เราเจอกันแน่” ซึ่งตนก็ไม่ได้เอะใจ เนื่องจากที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหากันมาก่อน จากนั้นก็มีแชตเฟซบุ๊กของนายปรมินทร์ทักมาท้าทายตน โดยพยายามจะขอเจรจาเรื่องบางเรื่อง แต่เจ้าตัวไม่ยอม จะขอเจออย่างเดียว
ซึ่งวันเกิดเหตุ ตนก็ไม่ได้ทันตั้งตัว และไม่ได้ระวังตัวว่ามีคนตามหรือไม่ จนกระทั่งนายปรมินทร์บุกมาเคาะประตูหน้าห้อง พอเปิดประตู ก็ถูกนายปรมินทร์ต่อยหน้า ตนก็ต่อยกลับ จนกระทั่งถูกนายปรมินทร์ชักมีดแทง ซึ่งตนก็คาใจว่าถ้าจะมาเคลียร์ใจทำไมต้องพกมีด แต่ด้วยความที่ตนรู้จักเพื่อนคนนี้ดี ก็คิดว่านายปรมินทร์ต้องพกอาวุธอยู่แล้ว ซึ่งตนรู้สึกคาใจ ตำรวจพยายามสอบถามแต่ตนก็ไม่สามารถ ให้คำตอบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ถึงปมสาเหตุ เนื่องจากตนไม่เคยมีปัญหากับนายปรมินทร์จริง ๆ
อาการบาดเจ็บขณะนี้ ก็ยังรู้สึกเจ็บบริเวณแผล กแทงบริเวณท้อง 2 แผล แต่เข้าไม่ลึก ตนภาวนาให้นายปรมินทร์มอบตัวกับทางเจ้าที่ตำรวจ เพราะตนก็อยากรู้ถึงเหตุผลเหมือนกันว่าโกรธเคืองอะไรตน เรื่องของการทำร้ายร่างกาย ยืนยันจะต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนตัวไม่ได้มีความหวาดกลัว เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด แต่คาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะเกิดเหตุ ซึ่งคนรอบข้างก็เป็นห่วงและคอยให้กำลังใจตน โดยเฉพาะแม่ พอรู้ข่าวก็กลัวว่าแม่จะคิดมาก
ด้าน พ.ต.อ.ฉัฐกิตติ์ ผดุงจันทร์ธนัย ผกก.สน.บางสำเหร่ ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในระหว่างการสอบปากคำ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เตรียมตั้งข้อกล่าวหา ไว้ 2 ข้อคือ 1.บุกรุกสถานที่ราชการ 2.ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้อาการบาดเจ็บ