กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก @Kevin Phol หรือ นายเฆวินทร์ พล ลูกชายของดร.สุนิล พล หรือ หมอสุนิล เจ้าของคลินิกชื่อดัง โพสต์คลิปวิดีโอขณะปะทะคารมกับแท็กซี่ภูเก็ต หลังจากโทรเรียก GRAB & Bolt ให้มารับที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งพบว่าราคาค่าโดยสารเพียง 168 บาท แต่ทว่าคนขับไม่กล้าเข้ามารับ เพราะไม่อยากมีปัญหากับแท็กซี่ที่คุมคิวอยู่หน้าร้านอาหารดังกล่าว ลูกชายของหมอสุนิล จึงตัดสินใจสอบถามราคาแท็กซี่บริเวณนั้น ปรากฏว่าคิดราคาสูงถึง 800 บาท ก่อนจะต่อรองจนเหลือ 600 บาท ทั้งนี้ ในคลิปยังปรากฏตำรวจเข้ามาเคลียร์ แต่เหมือนจะจบลงไม่สวย
ล่าสุดวันที่ 31 ม.ค.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับ “เฆวินทร์” ลูกชายของหมอสุนิล เล่าให้ฟังว่า จริง ๆ แล้วตนตั้งใจที่จะเรียกแกร็บคาร์ เข้ามารับที่ร้านอาหาร แต่เนื่องจากคนขับไม่สามารถเดินทางเข้ามารับที่จุดหน้าร้านอาหารได้ เนื่องจากกลัวแท็กซี่เจ้าถิ่น ตนจึงได้เดินไปถามราคาแท็กซี่เจ้าถิ่นว่าจุดที่ตนจะเดินทางไปคิดราคาเท่าไร ซึ่งแท็กซี่ก็เรียกราคาแพงกว่าในแอปฯ มากถึง 3 เท่า เป็นราคาเหมา 600 บาท
ทั้งนี้ ตนจึงแจ้งกลับแท็กซี่ว่าถ้าราคาแบบนี้โกง หลังจากนั้นตนจึงเดินออกไปจากจุดของแท็กซี่ได้ประมาณ 200 เมตร ก็จะเห็นว่ากลุ่มแท็กซี่เริ่มโวยวาย และตะโกนด่าทอเป็นภาษาใต้ ซึ่งจังหวะนั้นแฟนสาวของตน จึงได้หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายคลิป เนื่องจากมีความรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย ต่อจากนั้นไม่นานแท็กซี่ ก็เดินเข้ามาชี้หน้า ทำให้ตนรู้สึกไม่พอใจ เพราะรู้สึกว่าทำแบบนี้ไม่มีมารยาท จากนั้นตนจึงโทรเรียก 191 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเดินทางเข้ามาในจุดเกิดเหตุ
"ราคาที่ภูเก็ตประกาศบอก ปกติคือ 400 บาท แต่เราก็ไม่รู้ว่าราคา 400 บาทมายังไง ถ้าเปิดจาก Grab คำนวณระยะทางมันแค่ 168 บาท คำนวณตามระยะทาง เราก็ไม่เข้าใจว่ามันเป็นหน้าที่ของเราเหรอที่ต้องมาต่อรอง เราเองอยากได้ราคามาตรฐาน และความปลอดภัย เราเองเคยของหายขณะเรียก Grab เรายังได้คืน มีทุกอย่างให้เราได้เช็กหมด ป้ายทะเบียน ชื่อ เบอร์โทรศัพท์ชัดเจน ยุคนี้ใครขึ้นแท็กซี่แล้วต้องถ่ายป้ายทะเยียนบ้าง มันแทบจะไม่มีแล้ว เราอยากได้ความปลอดภัย สะดวกสบาย และราคาที่มาตรฐาน" เฆวินทร์ กล่าวทิ้งท้าย
นายเจษฎา คหาปนะ คนขับแท็กซี่คันดังกล่าว เดินทางมายัง สภ.กมลา เพื่อเข้าพบตำรวจ พร้อมกับชี้แจงเรื่องทั้งหมด โดยนายเจษฎา กล่าวว่า ตนเรียกราคาดังกล่าวจริง เพราะจุดหมายอยู่ไกล และเข้าไปในซอยที่ห่างจากป่าตอง สาเหตุที่โมโห เนื่องจากผู้โพสต์คลิปมาต่อว่าตนโกง หากไม่พอใจราคาจริง ๆ ก็สามารถต่อรองได้ เพราะราคาไม่ได้ตายตัว ส่วนที่ตนทำไปเพราะโมโหและถูกอีกฝั่งยั่วยุ แต่ยืนยันว่าจะไม่มีการแจ้งความกลับ และอยากให้ปัญหานี้จบลงโดยเร็ว
พล.ต.ต.เสริมพันธ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต เปิดเผยว่า สภ.กมลา ได้รับคำร้องทุกข์ไว้สอบสวนดำเนินคดีแล้ว ซึ่งแจ้งข้อหาว่ากระทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวโดยการขู่เข็ญ ตาม ป.อาญา ม.392 นายเจษฎา ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยจะสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินการตามกฏหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม สำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต ได้เรียกตัวผู้ขับรถที่ปรากฏในคลิปมารายงานตัวเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง และให้การยอมรับว่ากระทำการใช้ถ้อยคำและแสดงกริยาวาจาที่ไม่สุภาพจริง จึงได้เปรียบเทียบปรับจำนวน 2,000 บาท ตัดแต้ม 10 คะแนน และส่งเข้ารับการรอบรมมารยาทการให้บริการ 3 ชั่วโมง โดยสำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบรายละเอียดและประชุมร่วมกับร้านอาหาร และผู้ให้บริการ Taxi เพื่อกำหนดมาตรการในการป้องกันมิให้เกิดปัญหาดังกล่าวซ้ำอีก
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี จึงได้ทดลองเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางมาท่องเที่ยวภูเก็ตเป็นครั้งแรก โดยพยายามตามหาแท็กซี่เพื่อที่จะเดินทางไปส่งยังโรงแรมแห่งหนึ่ง ในพื้นที่เขตป่าตอง ทีมข่าวเดินทางมายัง บริเวณคิวรถแท็กซี่หน้าร้านอาหารดังกล่าว ทดลองเดินตามหาแท็กซี่ โดยก่อนขึ้นรถแท็กซี่ ได้สอบถามราคาค่าโดยสาร
นายเสก (นามสมมติ) อายุ 37 ปี คนขับแท็กซี่ ระบุ ราคา 500 บาท ทีมข่าวพยายามต่อรองเหลือ 300-400 บาท โดยนายเสกบอกว่าหากราคา 400 บาท ก็สามารถขับไปส่งที่โรงแรมได้ ระยะประมาณ 12 กิโลเมตร และใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที
ในระหว่างทางทีมข่าว พยายามพูดคุยกับนายเสก คนขับแท็กซี่ ระบุว่า การเดินทางจากร้านอาหารดังกล่าว ไปยังเขตพื้นที่ป่าตอง ค่าโดยสารจะเริ่มต้น 200-300 บาท แต่หากเดินทางไปยังหาดป่าตอง ราคามาฐานจะอยู่ที่ 500 บาท แต่ถ้าจะลดราคาก็จะลดให้ได้ 400 บาท
"300 นั่นไม่ได้อย่างแน่นอน ถ้าอยากได้ราคาถูกต้องรถตุ๊กตุ๊ก ราคาเดินทางไปยังพื้นที่หาดป่าตอง 300 บาท จะไม่มีประกันภัย แต่หากแท็กซี่ราคาจะสูงหน่อยมีประกันภัยรถยนต์และประกันอุบัติเหตุของผู้โดยสารให้ด้วย" คนขับแท็กซี่ กล่าวแนะนำ
เมื่อทีมข่าวถามว่า "ถ้าเป็นนักท่องเที่ยว เดินทางในภูเก็ตแบบไหนดีที่สุด" นายเสก จึงแนะนำว่า "นั่งรถแท็กซี่สะดวกที่สุด เพราะว่ารถที่ขับในภูเก็ต ถนนต้องขึ้นเขาลงเขา ไม่เหมือนที่กรุงเทพฯ ดังนั้นภูเก็ตจะสิ้นเปลืองน้ำมันรถมากกว่า จึงมีราคาสูง และหากร่วมกับแอปฯ ราคาจะถูกเกินไป ประมาณ 30 % โดยบริษัทจะหักเงินคนขับ จึงไม่นิยมใช้ เนื่องจากรอรับผู้โดยสารปกติจะคุ้มกว่า"
อย่างไรก็ตาม นายเสก ยังกล่าวอีกว่า ตนเกิดและโตที่ภูเก็ต ขับรถแท็กซี่มานานประมาณ 7 ปีแล้ว แต่ช่วงที่มีโรคระบาดโควิด-19 เศรษฐกิจซบเซา ไม่มีนักท่องเที่ยว ขาดรายได้ ทุกอย่างหยุดแทบทุกอย่าง แต่ตอนนี้ดีขึ้นตามลำดับแล้ว เพราะเริ่มมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยว