จากกรณี วันที่ 5 ม.ค. 62 นายวิบูลย์ อินอ่ำ อายุ 29 ปี ถูกนายธันธวัฒน์ ผามัง อายุ 27 ปี ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงเสียชีวิตที่หน้าบ้านของผู้ต้องหา ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านนาซ่าว อ.เชียงคาน จ.เลย ขณะกำลังนั่งอยู่บนรถจักรยานยนต์ ซึ่งหลังเกิดเหตุ นายธันธวัฒน์ได้หลบหนีไปกระทั่งญาติได้เกลี้ยกล่อมให้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชียงคาน ไปแล้วนั้น
วันที่ 6 ม.ค. 62 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชียงคาน ควบคุมตัวผู้ต้องหาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยผู้ต้องหาให้การว่า เป็นเพื่อนกันกับนายวิบูลย์ แต่เกิดความไม่พอใจที่นายวิบูลย์เล่นไลน์จีบแฟนสาว และด่าแม่ด้วยถ้อยคำหยาบคาย จึงก่อเหตุด้วยความโมโห อีกทั้งก่อนก่อเหตุยังได้ดื่มสุราจนมึนเมาเล็กน้อย ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติ พบว่านายธันธวัฒน์ ผู้ต้องหา เคยถูกจำคุกคดียาเสพติดมาแล้ว และเพิ่งพ้นโทษออกมา
ด้านงานศพของนายวิบูลย์ ที่จัดขึ้นที่บ้านของผู้เสียชีวิต บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า
นางสมหมาย อินอ่ำ อายุ 55 ปี แม่ของนายวิบูลย์ หรือเต้ ผู้ตาย เปิดเผยว่า ตนเป็นคนยากจนและมีลูกชายเพียงคนเดียว ส่วนสามีหนีไปมีครอบครัวใหม่ ทำให้ต้องอาศัยอยู่กับลูกสองคน ลูกตนเป็นคนดี ขยันทำมาหากิน รวมถึงดูแลตนมาตลอด อีกทั้งระหว่างที่ลูกชายเป็นทหารเกณฑ์ที่ค่ายศรีสองรัก ก็ได้โอกาสได้ไปสอบเป็นนักเรียนนายสิบ แต่เขากลับทิ้งโอกาสนั้น เพราะเป็นห่วงตน
นางสมหมาย เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ นายธันธวัฒน์โทรศัพท์เรียกให้ลูกชายไปเอารำข้าวมาให้ไก่ จากนั้นเมื่อลูกชายได้รำข้าวใส่ถุงปุ๋ย 2 ถุง แต่ระหว่างที่นำรำข้าวขึ้นวางบนรถ นายธันธวัฒน์ก็ชักปืนจ่อยิงลูกชายของตนทันที ตนก็ไม่ทราบว่าเหตุใดจึงต้องทำรุนแรงกับลูกชายตนถึงขนาดนี้ ส่วนค่าทำศพคู่กรณีก็จ่ายมาแค่ 40,000 บาท ซึ่งไม่สามารถทดแทนได้กับชีวิตของลูกชายที่สูญเสียไปได้ หลังจากนี้ ตนไม่รู้ว่าจะอยู่คนเดียวได้อย่างไร ทั้งที่เตรียมปลูกต้นยางไว้ให้ลูกชาย 500 ต้น แต่ตนก็คงไม่มีเรี่ยวแรงไปกรีด
นอกจากนี้
นางสมหมาย กล่าวอีกว่า ตนรักลูกมาก ทุกคืนหากลูกไม่กลับบ้าน ตนก็จะนอนไม่หลับ ต้องเปิดไฟรอลูก ส่วนเรื่อนคนดังกล่าว ลูกชายตนรักเพื่อนคนนี้มาก มีอะไรก็มักจะเอาไปให้เพื่อนกินด้วยกัน ทั้งนี้ ถ้าหากคนก่อเหตุตายแทนลูกตนได้ ก็อยากให้ตายแทน เพราะชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต เพราะแม้ผู้ต้องหาอยู่ในคุก เมื่อพ้นโทษก็ออกมา ก็มาหาญาติได้ แต่ลูกชายตนไม่กลับมาอีกแล้ว