จากกรณีเสี่ยถูกรางวัลที่ 1 ควงนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ร้องกองปราบ หลังถูกใส่ร้ายกลายเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่าคนตาย เชื่อว่าเป็นขบวนการเรียกเงินเยียวยา พร้อมนำหลักฐานยื่นนั้น
วันที่ 2 ก.พ. 65 ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ นายประสาท แรงทอง อายุ 53 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เหตุเริ่มจากวันที่ 15 ธ.ค. 64 ตนได้เดินทางไปร่วมงานศพญาติที่หมู่บ้านพูนทราย ต.บ้านขบ อ.สังขะ หลังเสร็จธุระก็เดินทางกลับบ้านที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.64 ช่วง 12.30 น.
หลังจากนั้น ตนกลับได้รับหมายเรียกจาก สภ.สังขะ จ.สุรินทร์ ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาฐาน ทำร้ายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ด้วยความร้อนใจตนจึงเดินทางเข้าสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่กลับได้รับคำตอบว่าก่อนหน้านี้มีญาติผู้ตายแจ้งความว่าตนไปทำร้ายวัยรุ่นชายคนหนึ่งบาดเจ็บสาหัส
โดยบอกอีกว่าเหตุเกิดในพื้นที่ อ.สังขะ ก่อนเจ้าตัวจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา ขณะรักษาตัวอยู่ รพ. ตนเลยจะถูกตั้งข้อกล่าวหาเป็น ทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ทั้งที่ตนไม่เคยรู้จักกับผู้ตายเป็นการส่วนตัว อีกทั้งตนมีหลักฐานสามารถยืนยันได้ว่าไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิดดังกล่าวแน่นอน
ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าการที่ตนถูกบุคคลดังกล่าวแจ้งความคงเนื่องมาจากกลุ่มบุคคลดังกล่าวคงทราบข่าวว่า ตนเคยถูกหวยรางวัลที่ 1 ได้เงิน 6 ล้านบาท งวด 17 ม.ค. 63 จึงกุเรื่องกลั่นแกล้งเพื่อหวังเรียกเงิน แลกกับการไม่ต้องถูกดำเนินคดี หลังเกิดเรื่องตนจึงเดินทางเข้าขอความช่วยเหลือจาก นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ที่ตนเคยติดตามผลงานให้ช่วยพายืนเรื่องเข้าร้องกองปราบปรามช่วยรับโอนคดี เพราะเกรงว่าตนจะไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังจากถูกกลุ่มคนดังกล่าว กล่าวหาว่าตนไปทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย โดยที่ตนเป็นผู้บริสุทธิ์
เบื้องต้น มีหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอของผู้เสียชีวิต ขณะกำลังรักษาตัว มีอาการเพ้อว่า "จะไปฆ่าวัว พูดเป็นภาษาเขมร โดยไม่มีการกล่าวถึงว่านายประสาทเป็นผู้ทำร้ายแต่อย่างใด อีกทั้งมีผลชันสูตรของแพทย์ ยืนยันระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่าเกิดจาก "ปอดติดเชื้อและตับอักเสบอย่างรุนแรงของผู้ตายเอง"
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม กล่าวว่า สำหรับกรณีที่เกิดขึ้น ทางตนได้รับการร้องเรียนจาก นายประสาท แรงทอง อายุ 53 ปี ผู้เสียหาย บุคคลที่เคยถูกหวยลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 งวด 17 ม.ค.63 จำนวนเงิน 6 ล้านบาท เหตุเริ่มจากวันที่ 15 ธ.ค. 64 นายประสาทได้เดินทางไปร่วมงานศพญาติ ภายในพื้นที่ อ.สังขะ จ.สุรินทร์ พร้อมกับลูกชาย 1 คน ด้วยรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีดำ ทะเบียนฌถ 7934 กรุงเทพฯ และเดินทางกลับบ้านในวันที่ 19 ธ.ค. 64 เวลา 12.30 น.
หลังจากนั้น ช่วงประมาณ 14.00 น. ขณะเดินทางกลับ นายประสาทได้รับหมายเรียกจาก สภ.สังขะ จ.สุรินทร์ ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาเหตุ กรณีทำร้ายผู้อื่น ด้วยความร้อนใจเจ้าตัวจึงเดินทางเข้าพบกับพนักงานสอบสวน กลับได้รับคำตอบว่า มีครอบครัวของผู้เสียชีวิตและพยานจำนวน 3 คน คือ นายอุตะมา วงสมัน หรือ ยัน, นายสิริชัย จันทร์ดาเพ็ง หรือ เอ็ม, นายจักรพล ประเสริฐพงษ์ หรือ กี้ ยืนยันว่านายประสาทเป็นบุคคลที่ทำร้ายร่างกาย นายพลวัฒน์ วงธานี จนได้รับบาดเจ็บสาหัส
โดยคำให้การของ น.ส.เพียงเพ็ญ น้องสาวผู้เสียชีวิต และพยานทั้ง 3 ราย อ้างว่านายประสาทเป็นคนใช้ให้นายสิริชัยพา นายพลวัฒน์ ผู้ตายมาพบที่บ้าน โดยมีนายจักรพลเป็นผู้ที่มาเห็นว่านายประสาทเป็นบุคคลที่ทำร้ายนายพลวัฒน์ หลังเกิดเรื่องนายจักรพลจึงแบกร่างของนายพลวัฒน์ที่ถูกนายประสาททำร้าย กลับบ้านของผู้ตายไป ในส่วนนี้จากการลงพื้นติดตามความจริง ทางตน-ผู้เสียหายได้มีการไปสอบถามนายอุตะมา 1 ใน 3 พยานในภายหลังถึงปมเหตุที่เกิดขึ้น กลับได้รับคำตอบว่า ในวันที่ 19 ธ.ค.64 ที่นายพลวัฒน์ ผู้ตายมีร่องรอยถูกทำร้ายร่างกาย ไม่ได้เกิดขึ้นจากฝีมือของคน แต่เกิดขึ้นจากนายพลวัฒน์ถูกวัวชน
อีกทั้งรู้อีกว่าในวันที่ 21 ธ.ค.64 นายอุตะมาและนายจักรพล ได้พานายพลวัฒน์ไปส่งที่ รพ.สังขะ จ.สุรินทร์ โดยที่ไม่ได้แจ้งกับทางเจ้าหน้าที่พยาบาลว่าอาการบาดเจ็บ เกิดจากการถูกคนทำร้ายร่างกาย ซึ่งในส่วนนี้ตนมองว่าหากมีการแจ้งว่ามีผู้บาดเจ็บถูกทำร้ายร่างกาย ทาง รพ. ก็จะต้องแจ้งตำรวจให้มาสอบสวนในกรณีคดีดีอาญา และเดินทางไปดูสถานที่เกิดเหตุหรือสอบถามหาข้อมูลว่าใครเป็นคนก่อเหตุของคดีนี้
ต่อมาวันที่ 24 ธ.ค.64 ทาง รพ.สังขะ ได้ส่งตัวของนายพลวัฒน์ ผู้ตาย ไปรักษาตัวต่อที่ รพ.สุรินทร์ ก่อนนายพลวัฒน์เสียชีวิตลง เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 65 โดยแพทย์รับรองยืนยันว่า สาเหตุการตายเกิดจากตับอักเสบรุนแรง ในกรณีนี้ น.ส.เพียงเพ็ญ น้องสาวผู้ตาย กลับไปแจ้งความกับตำรวจว่า การเสียชีวิตเกิดจากนายประสาทเป็นผู้ทำร้ายร่างกาย โดยที่ไม่รู้เลยว่า ช่วงบ่ายของวันที่ 19 ธ.ค.64 นั้น นายประสาท ผู้เสียหายที่ถูกกล่าวหา ไม่ได้อยู่ในทึ่เกิดเหตุ และเดินทางกลับบ้านไปถึง อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ จึงมองว่ากรณีที่เกิดขึ้น นายปราสาทเป็นผู้ที่กล่าวหา โดนยัดเยียดความในเวลาต่อมา ฐานความผิดทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ทั้งที่ไม่รู้จักกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต หรือพยานที่กล่าวมาข้างต้นเลย
ล่าสุด วันที่ 2 ก.พ.65 ตนจึงพานายประสาท แรงทอง อายุ 53 ปี เข้าพบ พ.ต.ต.เอกรัตน์ ขวัญฤกษ์ สารวัตร(สอบสวน) กก.3.บก.ป. ที่กองบังคับการปราบปราม เพื่อร้องขอความเป็นธรรม ภายหลังถูกกลุ่มบุคคลดังกล่าวกุเรื่องแจ้งความเท็จ และร่วมกันเป็นพยานเท็จปรักปรำ จนทำให้นายประสาทกลายเป็นผู้ต้องหา นำพยานหลักฐานต่าง ๆ มามอบให้ เพื่อยืนยันแสดงความบริสุทธิ์ใจ
นอกจากนี้ พยานของฝ่ายผู้แจ้งความก็ไม่น่าเชื่อถือ ให้การไม่ตรงกัน ส่วนตัวจึงเชื่อว่าขบวนการฝั่งพยานน่าจะมีผู้อยู่เบื้องหลัง เพื่อหวังให้นายประสาทนำเงินที่ถูกรางวัลมาเยียวยาให้กับครอบครัวผู้ตาย ทั้งนี้ ตนจึงอยากให้กองปราบปรามช่วยรับโอนคดี เพราะเกรงว่านายประสาทจะไม่ได้รับความเป็นธรรม พร้อมทั้งให้พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้ร้องไว้เป็นหลักฐาน ก่อนเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง จากนั้นเสนอเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการตามความเหมาะสมต่อไป
นางสาวขนิษฐา วงธานี อายุ 33 ปี พี่สาวของนายพลวัฒน์ วงธานี อายุ 29 ปี ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ปกติน้องชายเป็นคนเเข็งเเรง ไม่มีโรคประจำตัว เเต่มักจะดื่มเหล้าเป็นประจำ ส่วนที่นายประสาทอ้างว่าไม่รู้จักกับพวกตน ก็ไม่เป็นความจริง เพราะนายประสาทมีบ้านอยู่ข้างบ้านตน เเละจะกลับมาที่บ้านนี้ทุกเทศกาล
โดยวันที่ 15 ธ.ค. 64 นายประสาทกลับมาบ้านเพื่อมางานศพญาติ วันที่ 19 ธ.ค.64 เป็นการตักบาตรงานศพวันสุดท้าย ช่วงเวลาประมาณ 08.00-09.00 น. ก็มีการรื้อเต็นท์ น้องชายของตนก็ได้ไปช่วยริ้อ พอเสร็จน้องชายก็ไปกินเหล้าหน้าบ้านตนเอง กับเพื่อนอีก 2 คน
ซึ่งเท่าที่ตนได้ยินมา นายประสาท ได้ให้คนคนหนึ่งมาเรียกน้องชายตนไปหาเขาที่บ้าน พอน้องชายไปถึง ก็ถูกรุมกระทืบรุมทำร้ายร่างกาย มีคนทำร้ายมากกว่า 1 คน จนน้องชายสลบ กระทั่งมีคนเดินไปบอกเพื่อนของน้องชายที่รออยู่ให้มาช่วยหามน้องไปที่บ้าน พออีกวันหนึ่ง น้องชายก็บอกคนอื่นว่าถูกนายประสาททำร้ายร่างกาย จนกระทั่งถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล วันที่ 24 ธ.ค.64 ถูกส่งไปยังรพ.สุรินทร์ จนกระทั่งวันที่ 3 ม.ค.65 น้องชายเสียชีวิต
ซึ่งก่อนหน้านี้น้องชายของตนและนายประสาทไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน ตนจึงไม่เข้าใจว่าทำไมนายประสาทจะต้องเรียกน้องตนไปกระทืบด้วย ส่วนเรื่องที่ครอบครัวตนอยากจะได้เงินจากนายประสาทก็ไม่เป็นความจริง
