กลายเป็นประเด็นที่สังคมจับตามองกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับ สมปอง นครไธสง หรือ อดีตพระมหาสมปอง และนางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย หรือ ติ๋ม ทีวีพูล ที่ออกมาร่อนหมายข่าวแถลงด่วนเกี่ยวกับการถอนตัวจากรายการ
ล่าสุดวันที่ 4 ก.พ.65 "ติ๋ม ทีวีพูล" ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงปมแตกหักและจบไม่สวย เปิดเยยว่า สมปองเป็นคนที่เดินเข้ามาหาตน จึงคิดว่าจะเดินไปสายธรรมะด้วยกัน มีคนถามตนว่าตนเสียอะไรให้เขาบ้าง เพราะกลัวตนจะถูกหลอก ซึ่งตนก็หมดไปเกือบล้านบาท รีโนเวตบ้านทำใหม่หมด 7 แสน เขาบอกไม่มีเสื้อผ้า ตนก็จัดหาแบรนด์ดี ๆ ให้ทั้งหมดแสนกว่าบาท
สำหรับความรู้สึกตอนนี้ตนรู้สึกเสียใจ แต่สิ่งที่คิดว่าเขาน่าจะไม่พอใจ คือ เรื่องเงิน เพราะเขาเป็นคนทะเยอทะยานอยากรวยเร็ว ๆ เขาบอกว่าเขามีหนี้ เพราะเขาไปลงทุนทำสวนยางพารากับครอบครัว กู้หนี้นอกระบบมาทั้งหมด 1.9 ล้านบาท เขาเอาไปซื้อที่ดินสปก.เกือบ 300 ไร่ หนี้เลยบานปลาย เจอดอกเบี้ยเดือนละ 3 แสน
นอกจากนี้ จุดแตกหักคือเรื่องเงิน ขณะนี้ตนอโหสิกรรมให้เขาไปหมดแล้ว เพราะเขาไปโดยไม่บอก ไม่ลา เขาเก็บของออกไปตอนเช้า เหลือไว้แต่รูปของตนในห้อง เพราะเขาอยากรวยมาก ๆ ตนพยามจะบอกว่าให้เลือกคบคนที่ดี เขาก็ไม่ฟัง เรื่องเงินเป็นใหญ่ ตนวางแผนจะใช้หนี้ให้เขา ก็เลยจะทำรายการให้เขา 3 รายการ ค่าตัวเขาแพงกว่าดาราดัง ๆ เพราะตนให้คิวละ 5 หมื่น - 1 แสนบาท ทั้งหมดได้ 250,000 บาท ระยะเวลา 2 ปี ตนวางแผนให้หมดแล้ว
อย่างไรก็ตาม ตนได้วางแผนไว้กับบริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่ ตนโทรศัพท์ไปหาค่ายรถ ค่ายมือถือที่ดังที่สุด เรื่องสัญญาคงต้องให้ฝ่ายกมฎหมายดูแล ถ้าจำเป็นก็ต้องฟ้องร้องให้เป็นกรณีศึกษา ทั้งนี้ ตนอโหสิทุกอย่างแล้ว ไม่ต้องมาเจอกันอีก ไม่ร่วมงานกันแล้ว หลังจากนี้ตนขอให้โชคดี
"ฝากเขาเรื่องแอลกฮอลล์ ผู้หญิง ที่เขาทำตัวไม่เหมาะสม เรื่องการคบคนที่ไม่ดี ไม่ต้องไปรีบรวย เดี๋ยวจะพลาด อย่าไปอยู่ในวังวนของธุรกิจสีเทา พี่เสียเงินไม่สำคัญเท่ากับเสียความรู้สึกที่เสียไป
รายการยังคงรันต่อปกติ พส.ไหนที่จะเข้ามายังตอบไม่ได้ แต่ไม่ใช่สมปองแน่นอนค่ะ" ติ๋ม ทีวีพูล กล่าว
ขณะที่ นายสมปอง นครไธสง หรือ ทิดสมปอง ไลฟ์สดผ่านเพจเฟซบุ๊กความยาว 25 นาที กล่าวชี้แจงและตอบคำถามต่าง ๆ ว่าจุดแตกหักไม่ใช่เรื่องเงิน ถ้าตนอยากรวยจริงคงไม่บวชพระ ตอนเรียนปริญญาโท อาจารย์บอกเรียนสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ไม่รวย นอกจากไม่รวย ยังติดลบ ดังนั้น อย่าเห็นว่าตนเป็นคนหิวเงิน ส่วนตัวพร้อมรับผิดชอบและใช้เงินทุกบาท
ส่วนเรื่องสัญญากับ เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล ไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือลักษณะของงาน รูปแบบของรายการ โดยช่วงที่ผ่านมา ตนถ่ายงานติดต่อกันหลายวั จนเสียงแหบ ทำงานได้ไม่เต็มที่ ไม่มีพลังทำให้ไม่สามารถทำรายการต่อไปได้ สำหรับอีกรายการคิดว่ารุ่นพี่ทำได้ดีกว่า และรายการที่ 3 ก็มีคนที่ทำได้ดีอยู่แล้ว ตนไปยืนก็ไม่ได้ทำอะไร ตนไม่ควรอยู่ตรงนั้น แต่ควรให้คนที่คล่องกว่าทำงาน
“ผมเป็นพระมาตลอดก็ไม่มีชุดสำรอง ผมไม่รู้ราคาหรอกอะไรถูก อะไรแพง พอรู้จักบางยี่ห้อ สำหรับผมอะไรก็ได้ ผมใส่อะไรก็ได้ ผมไม่รู้ราคาด้วยซ้ำว่าวันนั้นทั้งหมดเท่าไร แต่ทราบว่ามีส่วนลดให้ ผมก็ตอบแทนด้วยการไลฟ์สด ไม่ได้เป็นคนติดยี่ห้อครับ ผมใส่อะไรก็ได้ครับ ถ้าให้ผมเลือกเองผมอยากใส่ชุดฟุตบอลด้วยซ้ำ” นายสมปอง กล่าว
ในเรื่องหนี้สินนั้น ตนพูดมาโดยตลอดเพราะตนอยากให้ทุกคนรู้ว่า ตนไม่ได้เอาเงินออกมาจากพุทธศาสนา เมื่อตนเป็นหนี้ก็ต้องรับผิดชอบ เพราะตนไม่ชอบการได้เงินมาเปล่า ๆ ตนจะได้เงินก็ต่อเมื่อทำงาน ทำประโยชน์ให้นายจ้างก่อน แล้วตนมีหนี้ก้อนใหญ่ขนาดนั้น ตนก็ต้องทำงานใช้หนี้
ขณะที่สัญญาฉบับเก่า ตนได้คุยกับลูกชายของเจ๊ติ๋ม ขอเปลี่ยนแปลงสัญญา เพราะวันในการถ่ายรายการมากเกินไป ตนจึงขอลดเวลาลง แต่ตนขอยํ้าว่าลูกชายของเจ๊ติ๋มน่ารักมาก พร้อมรับฟังและช่วยกันแก้ไข ตนรู้สึกว่าอะไรที่ไม่ใช่ตัวตนก็รู้สึกไม่สบายใจ จนต่อมาสัญญามีการเปลี่ยนแปลง เพราะครั้งแรกที่ตนเซ็นไม่ได้ดูให้ดี ไปไหนไม่ได้เลย 7 วัน ซึ่งประเด็นคือตนทำงานได้ไม่คุ้มค่า ไม่เป็นตัวเอง เรื่องค่าตัวจึงไม่ใช่ปัญหา ส่วนตัวเพียงแค่ขอลดวันทำรายการลง ไม่ได้ขอเพิ่มค่าตัว
อย่างไรก็ตาม ประเด็นเรื่องคบคนสีเทา บุหรี่ยังไม่สูบเลย เรื่องตู้ไวน์ ในรายการยังถามว่าอร่อยตรงไหน มีไว้แค่นอนดู ไม่ค่อยดื่ม คอนเซปต์ส่วนตัวคือพยายามทำตามที่ลูกเพจบอก ไม่กินเหล้า ไม่เจ้าชู้ และขอยืนยันว่าไม่ได้ยุ่งกับยาเสพติดแน่นอน ตนไม่ยุ่งกับธุรกิจสีเทา ส่วนที่ดินเป็นของครอบครัวที่ต่างจังหวัด ไม่มีเป็นของตัวเอง
สุดท้ายเรื่อง 3 เดือนได้เงินร้อยล้านบาท เรื่องนี้จำพระที่รู้จักมาพูด พูดทีเล่นทีจริง เป็นการตั้งเป้าหมาย ไม่ใช่เรื่องจริง ตนคิดว่าตอนนี้อะไรไม่ใช่ตัวเราก็ไม่อยากฝืน ตั้งแต่เด็กยึดนโยบายต้องทำงานด้วยความสุข หลังจากนี้ก็ตั้งใจทำงานเต็มที่ เต็มเวลา เต็มความสามารถ ตนขอยํ้าว่าหลังจากแถลงในไลฟ์สดนี้ จะไม่มีการพูดเรื่องนี้อีก และยังรักผู้ใหญ่ทุกคน ร่วมงานกันได้ ถ้าเป็นงานที่ตนถนัด หากเรื่องนี้ทำให้ใครไม่สบายใจตนขออภัยและขอโทษจากใจด้วย
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า “ทิดพส.อ้างว่า มีหนี้ 10 กว่าล้าน จากการนำไปทำงานกุศล แต่ถูกเจ๊เปิดโปงว่า เอาไปซื้อที่ ส.ป.ก.กว่า 300 ไร่ แบบนี้อาจผิดกฎหมาย ต้องร้องให้ตรวจสอบ”
“ที่ สปก.ห้ามซื้อขายแลกเปลี่ยน เว้นแต่จะตกทอดแก่ทายาท แล้วทิดไปซื้อมาจากไหน และได้มาได้อย่างไร ?”