เมียหลวงหน้าแหก ฉะสาวถูกขืนใจอยากให้ท่า คลิปมัดผัวซุ่มฉุดเหยื่อลากปล้ำ (คลิป)

กรณีพล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ต.พัฒษพงศ์ เสณีแสนเสนา สว.กก.1 บก.ป. ร่วมกันจับกุม นายวิคิด น้อยทองสี อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ.180/2565 ลงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 65 ซึ่งต้องหาว่า กระทำความผิดฐาน “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น ทำร้ายร่างกายผู้อื่น และบุกรุกเคหสถาน” โดยสามารถจับกุมได้ที่อะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ซอยเสรีไทย 50 แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กรุงเทพฯ

ล่าสุดวันที่ 6 ก.พ.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับนางสาวกุ๊ก (สงวนชื่อ-สกุลจริง) ผู้เสียหาย เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ในวันเกิดเหตุ (17 มกราคม 65) เวลาประมาณ 07.30 น. ตนกลับจากทำงานจึงเข้ามาที่อะพาร์ตเมนต์ที่เกิดเหตุ ซึ่งขณะที่ตนกำลังเดินเข้าห้องนั้น นายวิคิด อดีตแฟนหนุ่มได้ดักซุ่มรอที่บันไดหนีไฟข้างห้อง แต่เมื่อสบโอกาสช่วงที่ตนเปิดประตูห้อง นายวิคิดรีบปรี่เข้ามา จากนั้นผลักตนเข้าไปในห้อง และพยายามข่มขืนแต่ตนขัดขืน

ต่อมานายวิคิด ได้ขอดูโทรศัพท์มือถือของตน ด้วยความกลัวตนจึงให้ดู แล้วใช้โอกาสตอนที่นายวิคิด ดูโทรศัพท์มือถือ สวมกางเกง แล้วพยายามหนีออกจากห้อง แต่ไม่ทัน นายวิคิดได้ดึงตนแล้วแบกร่างตัวเองกลับมาที่ห้อง จากนั้นนายวิคิด จึงได้ลงมือทำร้ายร่างกายตัวเองด้วยการต่อยเข้าที่ใบหน้า 1 ครั้ง และยังตบ พร้อมกับใช้เท้ากระทืบตน ก่อนที่นายวิคิด จะพูดขึ้นมาว่า "จะยอมคืนดีกันไหม ถ้าไม่ยอมคืนดี จะฆ่าหมกห้อง"

จากนั้นตนจึงตอบกลับไปว่า จะยอมกลับไปคืนดี แล้วพยายามกล่อมจนนายวิคิด อารมณ์สงบลง กระทั่งตนและนายวิคิด พากันลงมาจากห้อง จังหวะนั้นตนมองไปเห็นเจ้าของอะพาร์ตเมนต์ จึงใช้โอกาสวิ่งเข้าไปแจ้งเจ้าของ
ทำให้นายวิคิดฯ วิ่งหนีออกจากอะพาร์ตเมนต์ไปทันที

ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุ ตนจึงได้ไปแจ้งความให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่ สน.โชคชัย และพบว่าหลังวันที่เกิดเหตุ นายวิคิด ก็ได้มาดักรอที่หน้าหอพัก พร้อมกับขู่ว่าห้ามตนไปคบหากับชายอื่น ถ้ามีผู้ชายคนใหม่เขาจะตามไปฆ่าชายคนนั้น รวมถึงพ่อแม่และญาติพี่น้องของตนด้วย

ทีมข่าวยังได้รับภาพจากกล้องวงจรปิดในวันเกิดเหตุ (17 ม.ค.65) จะเห็นภาพนางสาวกุ๊ก กำลังเดินเข้ามาเปิดประตูห้องพัก จากนั้นนายวิคิด ผู้ก่อเหตุ ที่ดักรออยู่บันไดหนีไฟก็สบจังหวะเดินเข้าไปในห้องตามหลังนางสาวกุ๊ก และผลักนางสาวกุ๊กเข้าไปในห้อง ก่อนเข้าไปขืนใจและทำร้ายร่างกายฝ่ายหญิงในห้องดังกล่าว 

นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้คลิปเสียง หลังจากก่อเหตุนายวิคิด ได้โทรมาข่มขู่นางสาวกุ๊ก ว่า ตนอยู่ในที่มืด สามารถเอามีดไปไล่ฟันใครตอนไหนก็ได้ "ถ่าผมไม่ได้กุ๊ก ใครก็ต้องไม่ได้ ผมนอมตายดีกว่าติดคุก กุ๊กจะต้องตาย ผู้ชายที่ยุ่งกับกุ๊กจะต้องพิการไปตลอดชีวิต จะตัดแขนผู้ชายคนนั้นใฟ้ขาดเป็นท่อน ๆ" และนายวิคิด ก็ยังข่มขู่ว่าจะปล่อยคลิปตอนมีสัมพันธ์กับนางสาวกุ๊กให้อับอายอีกด้วย

ทีมข่าวได้พบกับนางสาวเขียว (นามสมมติ) ภรรยาหลวงของผู้ก่อเหตุ เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ในวันที่ 4 ก.พ.65 ตนกำลังนั่งทานข้าวอยู่กับสามีและลูกชายอีก 2 คน จู่ ๆ ตำรวจก็บุกเข้ามาจับกุมสามี โดยตอนนั้นตนก็ตกใจว่า ตำรวจมาจับสามีข้อหาอะไร เพราะที่ผ่านมาตนไม่เคยรู้มาก่อนว่า สามีไปคบหากับนางสาวกุ๊ก ภรรยาคนที่สองตนเพิ่งมาทราบเมื่อช่วงเดือนมกราคม 65 ว่าสามีไปแอบมีอะไรกับผู้หญิงอีกคน

กรณีที่นางสาวกุ๊ก ไปแจ้งความสามีในข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น ทำร้ายร่างกายผู้อื่น และบุกรุกเคหสถาน” ตนก็คิดว่าถ้าจะใช้คำว่าข่มขืนคงไม่ใช่เรื่องจริง คิดว่าต่างฝ่ายต่างสมยอมกันมากกว่า เพราะนางสาวกุ๊ก เขาก็เป็นภรรยาของสามีอีกคน และตนก็ไม่รู้ว่าสามีไปทำร้ายร่างกายและขู่ฆ่านางสาวกุ๊กจริงหรือไม่ เนื่องจากในวันที่ 17 ม.ค.65 ตนเห็นสามีมีบาดแผล และรอยเล็บตามร่างกาย จึงสอบถามสามีว่าไปโดนอะไรมา เขาก็ตอบว่า "โดนรถเฉี่ยว" ตอนนี้ตนถึงมารู้ว่า สามีและนางสาวกุ๊ก น่าจะต่างฝ่ายต่างทำร้ายร่างกายกัน

"ฉันคบหากับสามีได้ 12 ปี ที่ผ่านมาสามีเป็นคนดี ทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัวมาตลอด ไม่เคยทำร้าย ไม่เคยขู่ฆ่ามาก่อน หลังถูกตำรวจจับกุมตัวก็ได้ไปเยี่ยมสามีที่ สน.โชคชัย เขาก็บอกว่าเขาไม่ได้ก็เหตุ ไม่ได้ขืนใจนางสาวกุ๊ก และไม่ได้ทำร้ายร่างกายนางสาวกุ๊ก ตอนนี้สามีถูกส่งฝากขังที่ศาลอาญารัชดาแล้ว ศาลให้ประกันตัววงเงิน 120,000 บาท แต่ฉันก็ไม่มีเงิน จึงให้สามีถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป"