จากกรณี เมื่อช่วงเวลา 03.30 น. วันที่ 11 ก.พ.65 เกิดเหตุยิงกันในพื้นที่หมู่บ้านตาแหลว หมู่ 11 ตำบลนาใหญ่ อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด
ทราบข้อมูลเบื้องต้น คือนายมงคล อ่อนแหน หรือ เเมน อายุ 31 ปี ผู้เสียชีวิต ได้เข้ามาหาภรรยาเพื่อตามกลับบ้าน ทราบชื่อคือ นางสาวอริสา พัฒโท หรือ อัน อายุ 26 ปี ที่บ้านเกิดเหตุ
จนกระทั่งมีปากเสียงกับนายสาคร อาริยะ อายุ 33 ปี ผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นญาติของนางสาวอริสา สุดท้ายนายสาครคว้าปืนแก๊ปยาว ยิงใส่หน้าอกนายมงคล 1 นัด จนกระทั่งเสียชีวิต
ความคืบหน้าทางคดี ร.ต.อ.บุญเรือง เชิงหอม รอง สว.(สอบสวน) สภ.สุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า ในวันนี้ช่วง 12.00 น. มีการส่งตัวผู้ต้องหาฝากขัง เรือนจำจังหวัดร้อยเอ็ด โดยผู้ต้องหาถูกเเจ้งข้อหา 1.ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา 2.มีอาวุธปืน ยิงปืนในเมืองหมู่บ้าน ทางสาธารณะ 3.เสพยาเสพติด (ยาบ้า)
ในขณะเดียวกันท่าทีของนายสาคร ตอนที่ทีมข่าวพยายามถาม ก็มีอาการหายใจฟึดฟัด เลี่ยงที่จะตอบคำถาม สอบถามว่าอยากจะขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิตหรือไม่ นายสาครก็ยกมือที่ถูกใส่กุญเเจมือขึ้นมาเล็กน้อย พร้อมกับบอกว่า "ขอโทษครับ"
ล่าสุด วันที่ 12 ก.พ. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางลงพื้นที่ หมู่ 11 ตำบลนาใหญ่ อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ที่บ้านงานศพ บ้านตาเเหลว ต.นาใหญ่ อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด บรรยากาศงานศพในช่วงเช้า มีบรรดาญาติของผู้ตาย เดินทางมาที่งานศพ เเละมีการจุดธูปเคารพศพนายมงคล
นายสุพรรณ อ่อนแหน อายุ 52 ปี พ่อของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนเองมีลูก 2 คน ผู้ตายคือลูกชายคนโตนิสัยปกติ ลูกชายเป็นคนร่าเริง ตนเองเเละลูกชายอยู่กันคนละบ้าน ห่างกันประมาณ 4 กิโลเมตร เมื่อ 3 วันก่อนลูกชายยังไปกินข้าวกับตนที่บ้านอยู่เลย ตนก็ยังเตือนลูกชายอยู่ว่าอย่าออกไปไหน ให้อยู่เเต่กับบ้าน ซึ่งตนเองไม่ได้มีลางสังหรณ์อะไรมาก่อนเลยด้วย คุยกันเรื่องสุดท้าย คือ ลูกชายจะไปเปิดบัญชี เพราะลูกชายเล่นพนันออนไลน์ได้เงิน เเต่ก็ยังไม่ทันได้ไปทำธุระลูกชายก็ต้องมาตาย เพราะออกไปตามหาแฟน
ลูกชายกับนางสาวอันคบหาดูใจกันมาได้ประมาณ 1 ปีกว่าเเล้ว ตนเองก็ไม่รู้ว่าลูกชายเเละภรรยาทะเลาะอะไรกัน ถึงขนาดต้องหนีออกจากบ้านไป ตอนเเรกลูกชายก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าภรรยาไปอยู่ที่ไหน กระทั่งมีเพื่อนมาบอกว่าไปอยู่ที่บ้านนายสาคร ญาติ ลูกชายจึงได้ไปหาภรรยาที่บ้านหลังเกิดเหตุเพื่อตามกลับบ้าน เเต่เมียไม่ยอมกลับด้วย ตนก็ไม่ทราบเรื่องราวที่เเน่ชัด เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์
ตนเสียใจมาก คิดว่าการกระทำของนานสาครนั้นเกินกว่าเหตุ เพราะนายสาครเเละลูกชายของตนถือว่าเป็นเพื่อนกันมาตั้งเเต่เด็ก ๆ กินอยู่ด้วยกันมา เมียของลูกชายก็รู้จักกันมานาน เวลาไปไหนก็ไปด้วยกัน 3 คน ถ้าเป็นคนอื่นยิงลูกชายตนจะไม่สะเทือนใจเท่าเพื่อนสนิทของลูก เมื่อคืนนี้ครอบครัวของนายสาครก็เอาเงินใส่ซองมาช่วยงานศพ พร้อมกับบอกขอโทษ ตนก็ไม่ได้ติดใจครอบครัวของนายสาคร เพราะเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นเเล้ว โกรธไปก็เท่านั้น ให้เป็นเรื่องของทางกฎหมายดีกว่า
ส่วนตัวนายสาคร ตนเองก็อยากจะให้อภัย เพราะก็เข้าใจว่าเด็ก ๆ บางครั้งอาจจะบันดาลโทสะกันได้ จนถึงตอนนี้นายสาครก็ยังไม่มาขอขมาศพลูกชาย แต่ต่อให้จะมาหรือไม่มา ตนเองก็ไม่ว่าอะไร ถ้าเขามีจิตสำนึกจะมาขอโทษก็ยินดีให้อภัย เเต่ถ้าเขาไม่มาก็สุดเเล้วเเต่เขา ส่วนนางสาวอริสา เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาก็ได้มาที่งานศพเเละมาขอโทษตนเเล้ว ตนก็ยังแปลกใจอยู่ดีว่าช่วงที่เกิดเหตุ ทำไมนางสาวอริสาถึงไม่ยอมออกมา ทำไมถึงไม่ได้ยินเสียงคนทะเลาะกันเลย
ด้าน น.ส.อริสา หรือ อัน ภรรยาผู้เสียชีวิต บอกว่า ตอนเกิดเหตุตนนอนหลบอยู่ในห้อง ไม่เห็นเหตุการณ์อะไร แต่ตนกับผู้ตายคบกันเป็นแฟนมากว่า 1 ปีแล้ว และมักจะทะเลาะกันบ่อยมาก ทุกครั้งเวลาทะเลาะกัน ตนก็มักจะมาอาศัยอยู่ที่บ้านญาติหลังที่เกิดเหตุ ซึ่งผู้ตายรู้ก็ไม่ค่อยกล้ามาตาม เพราะเกรงใจมือปืน ซึ่งนับถือกัน แต่ครั้งนี้ก็ไม่ทราบว่าจะเป็นเพราะอะไรจึงมีเหตุเช่นนี้