กรณีกล้องวงจรปิดของร้านขายอาหารแห่งหนึ่ง ในจังหวัดจันทบุรี สามารถบันทึกภาพขณะที่ลูกค้ากำลังนั่งรับประทานอาหาร แต่จู่ ๆ หนุ่มรายหนึ่งก็เกิดหงายหลังและหมดสติไป จนภรรยาและเจ้าของร้านต้องเข้ามาประคองและช่วยทุบหลัง เพื่อช่วยเหลือจนอาการดีขึ้นและปลอดภัย
โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กที่แชร์เรื่องราวดังกล่าว โพสต์ข้อความไว้ว่า “คนเรามันไม่มีอะไรแน่นอนจริง ๆ นั่งอยู่ดี ๆ ก็หงายหลังไปได้ ต้องขอบคุณเมียกับเจ้าพ่อเพชร ไม่งั้นนะคงสบายไปแล้ว พลังวาซาบิมันแรงจริง ๆ” หลังจากนั้นเพื่อน ๆ และชาวเน็ตก็เข้ามาคอมเมนต์ไถ่ถามอาการของชายคนดังกล่าวเป็นจำนวนมาก
ล่าสุดวันที่ 14 ก.พ.65 นางสาวศิรินทิพย์ ประทุม ภรรยาของนายธวัชชัย เปิดเผยว่า คลิปดังกล่าวเป็นช่วงที่สามีนั่งกินปลาแซลมอนและซาซิมิ แล้วเกิดการสำลัก แต่ปกติก็จะไปกินแซลมอนที่ร้านนี้เป็นประจำ ตอนนั้นกินไปแล้วครึ่งจาน แต่คำที่กินไปก่อนหน้าเกิดอาการสำลักสลับกับไอมากกว่าทุก ๆ ครั้ง ตนจึงหยิบขึ้นฉ่ายให้สามีกิน เพราะตอนที่สามีหันมาน้ำหูน้ำตาไหลแล้ว จู่ ๆ สามีก็หงายไปเลย แขนตก ตาเหลือก ไม่มีสติแล้ว ตนก็ไม่รู้ว่าอาหารติดหลอดลมหลอดบ้างหรือไม่
"ในตอนที่ไอสำลัก ดึงขึ้นมาครั้งแรกดึงไม่ขึ้น เพราะด้วยตัวสามีใหญ่ แล้วยังชักด้วย ตอนนั้นได้เจ้าของร้านมาช่วยพยุงขึ้น พอจับนั่งได้เลยเลือกที่จะทุบหลัง เพราะถ้ามีอะไรติดคอมันต้องหลุดออกมา จำไม่ได้ว่าทุบไปกี่ครั้ง แต่สามีก็รู้สึกตัวแล้วบอกว่าดีแล้ว ๆ หลังจากอาการดีขึ้นเราก็ถามว่ารู้ไหมว่าตัวเองเป็นอะไร คำตอบที่ได้มา คือ ไม่รู้ ๆ ถูกทุบด้วยเหรอ" นางสาวศิรินทิพย์ กล่าว
ทั้งนี้ ภรรยาของนายธวัชชัย ยังเผยอีกว่า สาเหตุที่ตนเลือกทุบหลังสามี เพราะสามีตัวใหญ่ แต่ไม่ได้ทุบแรงมาก ตนคิดว่าอาหารที่ติดอยู่ลำคออาจจะสำลักออกมา แต่ตามหลักที่เรียนมาถ้าเป็นเด็กจะต้องโน้มตัวและตบหลังเบา ๆ เพื่อให้สิ่งของออกมา หากเป็นผู้ใหญ่จะต้องเข้าทางด้านหลัง กำมือวางบริเวณลิ้นปี่และกดช่วยให้สิ่งของออกมา แต่สิ่งที่ดีที่สุดของการช่วย คือ การมีสติ โชคดีที่ตนยังพอตั้งสติได้
ผศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กล่าวว่า วาซาบิไม่มีฤทธิ์ที่ทำให้สำลักโดยตรง แต่วาซาบิเป็นอาหารที่มีกลิ่นฉุน และมีสารประกอบที่ทำให้ลำคอระคายเคือง และหากกินในปริมาณที่มากเกินไป ก็อาจจะทำให้ระคายเคืองคอหนักจนทำให้สำลักได้
อย่างไรก็ตาม วาซาบิเป็นอาหารที่ต้องห้ามในกลุ่มคนท้อง แม่ให้นมบุตร และคนที่เลือดออกง่าย เพราะวาซาบิ มีผลทำให้เลือดแข็งตัวช้า ซึ่งหากใครที่จะต้องผ่าตัด จะต้องหยุดกินวาซาบิก่อนผ่าตัด 2 สัปดาห์ เพราะหากเลือดแข็งตัวช้า อาจจะมีผลต่อการผ่าตัดได้
นายธวัชชัย เล่าให้ฟังว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงเย็นของวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 65 ตนได้ไปนั่งทานแซลมอนวาซาบิและยำกับภรรยา หลังจากกินไปได้ครึ่งจานแล้ว เกิดอาการสำลักซึ่งน่าจะมาจากการใส่วาซาบิปริมาณมากกว่าที่เคยกิน เมื่อกินเข้าไปแล้วก็เกิดอาการขึ้นสมองเป็นไปตามกล้องวงจรปิด
ขณะนั้นตนไม่มีสติ พูดจาอะไรไม่ได้แล้ว แม้จะตรวจร่างกายทุกปีและอาการปกติดีทุกอย่าง หลังจากนี้คงต้องขอเตือนสายวาซาบิก่อนกินให้คิดดี ๆ อย่าใส่มากเกินไป เพราะอาจทำให้เป็นแบบตน ในครั้งนี้โชคดีที่ตนรอดมาได้ ครั้งหน้าอาจจะไม่มีโอกาสแบบนี้อีก ครั้งนี้ถือว่าโชคดีจริง ๆ
