กรณีตำรวจ สภ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี รวบตัว นายสิฐิโชค หรือ หมู มือปืนรับจ้าง ก่อนที่จะลงมือฆ่า นายรณพศ วิสุทธิเหม หรือ "เสี่ยโต" นักธุรกิจในจังหวัดปราจีนบุรี เนื่องจากความขัดแย้งเรื่องธุรกิจ จากเพื่อนรุ่นร้องที่เป็นคนสนับสนุนให้มาร่วมทำธุรกิจ ชื่อย่อ ป. แต่นาย ป. กลับโลภพยายามฮุบธุรกิจและบริษัท จนมีเรื่องฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาล โดยที่วันที่ 11 ก.พ. 2565 ศาลนัดและเป็นวันที่นายสิฐิโชค มือปืนรับจ้างจะลงมือเข้ามาก่อเหตุยิงเสี่ยโตนั้น
ล่าสุด วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังบ้านของ นายรณพศ วิสุทธิเหม หรือ เสี่ยโต ผู้เสียหาย เปิดใจว่า บริษัทที่มีปัญหาคือบริษัท จีเอ็ม ไบโอเทค จำกัด ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2552 โดยมีตนเองและนาย ป. เป็นผู้ถือหุ้นร่วมกันฝ่ายละ 50 เปอร์เซ็นต์ ตนเองที่รู้จักก็เพราะเป็นคนในแวดวงธุรกิจด้วยกัน และเขาทำทีตีสนิท มาอ้อนวอนกับตนเองหลายครั้งที่บ้าน เพื่อที่จะขอร่วมหุ้นด้วย ตนเองจึงใจอ่อนยอมให้รวมหุ้นในบริษัทดังกล่าว ข้อตกลงว่าต้องมีการบริหารร่วมกัน
กระทั่งเดือนพฤษภาคม 2564 นาย ป. เห็นว่กิจการเจริญเติบโต มีผลประกอบการดี จึงต้องการที่จะบริหารบริษัทเพียงคนเดียว แต่ตนเองไม่ยอมเนื่องจากตนเองเป็นคนก่อตั้ง และเกรงว่านายป.จะจัดการทรัพย์สินไปในทางที่ไม่ถูกต้อง นายปอจึงเริ่มมีความโกรธแค้นและข่มขู่ตนเองเรื่อยมา แกล้งยื่นฟ้องต่อศาลกล่าวหาว่าตนเองมีความผิดไม่เอื้อเฟื้อสอดส่องกับบริษัท ซึ่งไม่เป็นความจริง ปัจจุบันคดีดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการนัดพิจารณาของศาลจังหวัดกบินทร์บุรี
ต่อมาวันที่ 20 มิถุนายน 2564 นายป.เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษกับ สภ.สระบัว กล่าวหาว่าตนเองร่วมกันลักทรัพย์ หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนพิจารณาเห็นว่าไม่มีมูลความผิด จึงไม่สั่งฟ้องตนเอง หลังจากนั้นตนเองได้ยื่นฟ้อง นาย ป. ในการแจ้งความเท็จ หลังจากนั้นเมื่อมีปัญหากัน จึงตกลงกับนาย ป. ในการแบ่งขอบเขตการดูแลบริษัท ตนเองจะขอไปดูแลที่สาขากบินทร์บุรี ส่วนนาย ป. ให้ดูแลที่สาขาหลักตำบลนางแก้ว เหตุการณ์เริ่มตึงเครียดขึ้นเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2564 นายป.บุกเข้ามาที่บริษัทสาขากบินทร์บุรี และนำอาวุธปืนมาข่มขู่ตนเองและลูกน้องจึงมีการแจ้งความข้อหาพกพาอาวุธปืน รวมทั้งตนเองถูกข่มขู่ด้วย
ต่อมาวันที่ 24 กันยายน 2564 นายป.มีการทำหนังสือเชิญประชุมหุ้นส่วนของบริษัท เพื่อเสนอปลดตนเองออกจากตำแหน่ง แต่ในที่ประชุมผู้ถือหุ้นเสียงข้างมากไม่เห็นด้วย นายป.จึงโกรธแค้น และได้มีการยื่นหนังสือต่อศาลข อเป็นตัวแทนบริษัทเป็นการชั่วคราว ศาลจึงมีการนัดตนเองเพื่อมีการไต่สวนคำร้องในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 หากตนเองไม่ไปตามนัดนายป.ก็จะมีสิทธิ์ในการครอบครองบริษัทแต่เพียงผู้เดียว
โดยช่วงประมาณปลายเดือนมกราคม 2565 ตัวเองเริ่มสังเกตว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นโดยเริ่มมีรถสะกดรอยตามบริเวณหน้าบ้าน และจุดต่าง ๆ รวมถึงมีผู้หวังดีเตือนตนเองให้ระวังนายป.ให้ดี กลัวจะถูกลอบยิง ตนเองจึงลงบันทึกประจำวันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีมหาโพธิ โดยจากสืบสวนจึงทราบว่ามีมูลความจริง วันที่ 11 ก.พ. 65 ตำรวจจึงคุมตัวตนเองไปศาลเมื่อช่วงเช้า ต่อมากลับมาช่วงเย็น ตำรวจจึงคุมตัวนายหมูได้ข้างบ้าน หากตนเองไม่ไหวตัวทัน คงจะเสียชีวิตไปแล้ว ปัจุบันยังคงต้องระวังตัว เนื่องจากอาจจะมีการคิดลอบสังหารตนเองอีกหรือไม่ ยืนยันว่าตนเองไม่เคยมีปัญหากับใคร ยกเว้น นายป. เพียงคนเดียวเท่านั้น
โดยภาพกล้องวงจรปิด วันที่ 7 มกราคม 2565 เป็นคลิปที่นายมาตร เข้ามาดูบ้านเช่าให้กับมือปืน ซึ่งบ้านดังกล่าวมีรั้วติดกับบ้านของเสี่ยโต โดยเช่าไว้ในราคา 3,000 บาท ในคลิปจะเห็นชายและหญิง 2 คน ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านเช่า เดินมาเปิดประตู ก่อนที่รถ 7 ที่นั่งสีดำคันหนึ่งขับเข้าไปจอดรถในบ้านหลังดังกล่าว ก่อนจะลงมาจากรถ
ขณะที่วงจรปิดวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นช่วงที่ตำรวจบุกเข้าไปจับกุมมือปืน ก่อนจะนำตัวขึ้นรถตำรวจ
นายรณพศ ได้มอบคลิปที่ถ่ายในโรงงานช่วงเคยมีปัญหากับหุ้นส่วน วันที่ 15 กันยายน 2564 โดยในคลิป เสี่ยโตมีการโต้เถียงกับชายคนหนึ่ง ถึงกรณีปัญหาเรื่องการบริหารงาน ขณะนั้นมีตำรวจ สภ.กบินทร์บุรี เข้าไปช่วยระงับเหตุด้วย เพราะเกรงว่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงขึ้น และในคลิปดังกล่าวจะเห็นได้ว่าคู่กรณีของเสี่ยโตมีการพกปืนมาด้วย