เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สะเทือนใจความรู้สึกของคนในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย หลังจากเจ้าหน้าที่ได้รับเเจ้งพบว่า เจ้าอาวาสวัดเนินกระชาย ทราบชื่อ พระวิโรจน์ พวงขจร หรือนายวิโรจน์ พวงขจร อายุ 48 ปี มักจะมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ชาวบ้านกว่า 50 คน จึงตัดสินใจรวมตัวบุกเข้าตรวจสอบภายในวัด ก่อนจะไปพบพิรุธหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเสียงอุปกรณ์ตัดเหล็กตอนกลางคืน ทั้งที่ไม่มีคนงาน
ทั้งนี้ ชาวบ้านยังมีข้อสงสัยว่าประตูรั้ววัดหายไป 1 บาน คิดว่าเจ้าอาวาสเป็นคนถอดออก แล้วนำไปขายเป็นเศษเหล็กให้กับร้านขายของเก่า ซ้ำเมื่อเข้าไปตรวจสอบกุฏิเจ้าอาวาสถึงกับตะลึง พบชิ้นส่วนพระพุธรูปทองเหลืองที่ถูกชำแหละจำนวนมากเพื่อเตรียมนำไปขาย รวมไปถึงยังพบอุปกรณ์เสพยา ขณะที่เจ้าอาวาสไหวตัวหลบหนีทัน
ล่าสุดวันที่ 18 ก.พ.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางไปยังวัดเนินกระชาย พบว่าชาวบ้านกำลังนั่งอยู่ที่วัดเป็นจำนวนมาก เพื่อรอเจ้าหน้าที่นำตัวอดีตเจ้าอาวาส มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ แต่ปรากฏว่าเจ้าที่นำตัวมาทำแผนตั้งแต่ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา หวังจะหลบเเรงปะทะระหว่างชาวบ้านกับอดีตเจ้าอาวาส
นายทวีป นิวหาญ อายุ 61 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ เปิดเผยว่า สำหรับพฤติกรรมของอดีตเจ้าอาวาส ปกติแล้วเวลาที่ตนผ่านไปที่วัด ในช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. ก็มักจะได้ยินเสียงค้อน หรือเสียงเจียรเหล็กดังออกมาจากวัด ซึ่งแรก ๆ ตนก็แอบสงสัยว่าทำอะไร เพราะในวัดก็ไม่ได้ซ่อมแซมหรือบูรณะใด ๆ จึงมาสอบถามกับอดีตเจ้าอาวาส แต่กลับไม่ได้คำตอบ กระทั่งพบว่าประตูวัดหายไปเลยมั่นใจว่าคงไม่ใช่เรื่องปกติแล้ว เมื่อชาวบ้านรวมพลเข้าไปตรวจสอบในวัด ก็พบว่าเจ้าอาวาสชำแหละพระพุทธรูป หวังจะนำไปขาย ซึ่งตนค่อนข้างตกใจและน้ำตาแทบไหล เพราะตนไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในพื้นที่
ทั้งนี้ ส่วนใหญ่พฤติกรรมของอดีตเจ้าอาวาส มักจะใช้ช่วงเวลามืดค่ำในการก่อเหตุ เช่นเดียวกับประตูรั้วของวัด ตนคาดว่าน่าจะทำคนเดียวใช้วิธีการนำรถเข็นมารอรับ แม้ว่ารั้วจะมีน้ำหนักเกือบ 100 กิโลกรัม เอาไปขายได้ 1 พันบาท อีกทั้งชาวบ้านหลายคนก็เห็นว่าอดีตเจ้าอาวาส เป็นคนขับรถเอารั้วเหล็กไปขาย แต่จะไม่ลงจากรถ
จากนั้นในช่วงหลัง ๆ ชาวบ้านก็จะเห็นว่าขับรถออกไปขายในเวลากลางวัน ไม่มีความเกรงกลัวสายตาชาวบ้านในพื้นที่แม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกของตนต่อเรื่องนี้ ค่อนข้างโมโหและโกรธมาก ๆ เพราะตนยอมรับว่าไม่พอใจที่อดีตเจ้าอาวาส ก่อเหตุทำให้ชาวบ้านเสียความรู้สึกมากขนาดนี้ ถ้าชาวบ้านเจอตัวตอนนี้ ตนเชื่อว่าคงจะโดนรุมกระทืบอย่างแน่นอน เพราะชาวบ้านไม่ให้อภัย
ทีมข่าวมีโอกาสเจอกับ นายสมใจ พรมนิล ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 5 ต.ป่าแฝก อ.กงไกรลาศ ได้พาทีมข่าวไปดูยังโบสถ์ที่เคยประดิษฐานพระพุทธรูปบางองค์ที่หายไป ตลอดจนพาไปดูกุฏิเจ้าอาวาส จุดที่เกิดเหตุซึ่งอยู่บริเวณชั้น 2 ของกุฎิที่ชาวบ้านไปพบเศียรพระ และเครื่องเจียรไฟฟ้า ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำไปเก็บเป็นของกลางแล้ว ก่อนจะพาไปดูรั้วประตูวัดที่หายไป รวมไปถึงพาไปดูพระพุทธรูปที่เสียหาย
เมื่อตรวจนับแล้วพบว่ามีทั้งหมด 8 องค์ที่โดนตัดและเตรียมนำไปขายของเก่า ซึ่งก่อนหน้านี้คณะกรรมการวัดไม่ได้สำรวจหรือลงบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร ว่าภายในวัดมีปูชนียวัตถุจำนวนเท่าไร แต่องค์ที่เก่าแก่ที่สุดก็คงจะเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ที่เจ้าอาวาสรูปเก่าได้มาจากผู้ศรัทธา นำมาถวายในปี 2527 ซึ่งมีขนาดหน้าตัก 25 นิ้ว สูง 1.5 เมตร โดยหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถคุมตัวอดีตเจ้าอาวาสได้ ทราบเบื้องต้นว่าวัดติดหนี้ค่าไฟเป็นเงินจำนวน 50,000 บาท เพราะทางวัดไม่ได้ทำบัญชี
ต่อมาทางทีมข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของนายวิโรจน์ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 4 ตำบลไกรใน พบว่าพี่สาวของนายวิโรจน์ เปิดเป็นร้านขายของชำ ติดกับวัดหนองบัว โดยพี่สาว กล่าวว่า ตนยังไม่ขอพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ตนยืนยันว่าไม่ทราบเรื่องมาก่อน เพราะตอนที่รู้เรื่องยอมรับว่าแทบช็อกเช่นกัน และตอนนี้ก็รู้สึกอึ้ง คิดว่าใช่เรื่องจริงหรือไม่ ที่ผ่านมาพระน้องชาย ก็ไม่เคยกลับมาที่บ้าน หรือพูดคุยในเรื่องราวที่เกิดขึ้น ขณะที่คดีความตนไม่ขอพูดถึง เพราะยังคงสะเทือนใจ
ทีมข่าวเดินทางไปยังร้านรับซื้อของเก่า พบว่าอยู่ห่างจากวัดประมาณ 3 กิโลเมตร พบเป็นร้านค่อนข้างใหญ่ ทีมข่าวจึงพยายามเข้าไปสอบถาม แต่เจ้าของร้านกลับเดินหนีและปฎิเสธที่จะให้ข้อมูล ก่อนที่จะขอให้ทีมข่าวออกไปจากร้าน
อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวได้เดินทางไปยัง สภ.กงไกรลาศ พบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำตัวตัวผู้ต้องหา ส่งฟ้องศาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีการตั้งข้อหา ลักทรัพย์ ทำลายทรัพย์สินซึ่งเป็นปูชนียวัตถุของวัด และเสพยาเสพติด ส่วนกรณีเข้าของร้านรับชื้อของเก่านั้น จะเข้าข่ายรับชื้อของโจรหรือไม่ ต้องตรวจสอบอีกครั้งว่าเจ้าของร้านทราบหรือไม่ ว่าบุคคลที่นำมาขายเป็นพระ หากเป็นการซื้อขายแบบปกติ ก็อาจจะไม่เข้าข่ายรับซื้อของโจร