จากกรณีเมื่อวันที่ 22 ก.พ. เวลา 14.30 น. มีเหตุกลุ่มวัยรุ่นชายออกจากร้านอาหาร ที่อยู่ในพื้นที่อำเภอโซ่พิสัย จ.บึงกาฬ มีเรื่องชกต่อยเเละถูกทำร้ายจากคู่กรณี ที่บริเวณข้างร้าน ซึ่ง 1 ในผู้ก่อเหตุเป็นถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โซ่พิสัย โดยมีเพื่อนที่ไปด้วยกัน 5-7 คนยืนดู โดยไม่มีการห้ามปรามแต่อย่างใด
จนทำให้นายนนธวัช พรหมสนธิ หรือ โจอี้ อายุ 26 ปี ได้รับบาดเจ็บ ถูกหามส่งโรงพยาบาลโซ่พิสัย และถูกส่งตัวไปสแกนอาการบาดเจ็บสมองที่โรงพยาบาลบึงกาฬ และถูกนำกลับมารักษาตัวที่โรงพยาบาลโซ่พิสัยตามเดิม
ล่าสุด วันที่ 23 ก.พ. 65 นายนนธวัช พรหมสนธิ หรือ โจอี้ อายุ 26 ปี ผู้บาดเจ็บ ออกจากโรงพยาบาลเมื่อช่วง 12.00 น. ที่ผ่านมา มีอาการปวดหัว เเละเจ็บหน้าอกอยู่ จึงขอนอนให้สัมภาษณ์ เปิดเผยว่า อาการของตนตอนนี้ยังคงเจ็บศีรษะเเละหน้าอกอยู่ มีรอยคิ้วเเตก เเละรอยถลอกตามร่างกาย เเต่ไม่มีอะไรเเตกหัก ทานข้าวได้เเล้วเเต่ไม่มาก ยังคงลุกนั่งหรือยืนนาน ๆ ไม่ได้
ส่วนเหตุการณ์วันที่เกิดเหตุนั้น ตนเองก็จำอะไรไม่ได้มาก เพราะเมามาก ส่วนสาเหตุที่มีเรื่องกันนั้น ตนคาดว่าน่าจะมาจากการมองหน้ากันภายในร้าน ก่อนจะมีเพื่อนยุให้ต่อยกัน ส่วนประเด็นใครเริ่มต่อยก่อนหรือทำไมถึงมีปัญหา ตนจำไม่ได้ จำได้อีกทีคือนอนอยู่โรงพยาบาลเเล้ว
ทั้งนี้ ตนก็ยังคิดอยู่ว่าหรือตัวเองไปหาเรื่องตำรวจก่อน เเต่อย่างไรก็ตาม ตำรวจคนดังกล่าวก็ไม่น่าจะเตะซ้ำตนขนาดนั้น ซึ่งตอนนี้ตนกลับมาอยู่ที่บ้านเเล้ว ทางตำรวจคู่กรณีก็ยังไม่ได้มีการติดต่อกลับมา เเละยังไม่ได้รับคำขอโทษจากสิบตำรวจตรี
ด้านนางกาญจนา พรหมสนธิ อายุ 49 ปี แม่ของนายนนธวัช เปิดเผยว่า นิสัยของลูกชายเป็นคนร่าเริง สนุกสนาน ไม่ค่อยหาเรื่องใครก่อน เเละไม่ค่อยได้ออกนอกบ้านไปเที่ยว เพราะทำงานอยู่ที่บ้าน นอกจากคืนวันที่ 21 ก.พ.65 ลูกชายไปเที่ยวที่บ้านเพื่อน ก่อนจะมีการดื่มเหล้ากันก่อน เเล้วค่อยไปทานข้าวต่อที่ร้านอาหาร จนกระทั่งเกิดเหตุ ตนไม่รู้ว่าใครหาเรื่องใครก่อน เเต่ลูกชายของตนเวลาเมาก็อาจเป็นคนเสียงดัง แต่ตำรวจก็ไม่น่าจะกระทืบซ้ำขนาดนั้น
เมื่อช่วงเย็นวานนี้ ทางตำรวจ สภ.โซ่พิสัย ก็ได้มีการเข้ามาพูดคุยเจรจากับตนว่าจะทำอย่างไรดี เพราะนายตำรวจคู่กรณีก็ยังอายุไม่มาก อาจจะไม่ตั้งใจ เเละยังควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ข่าวที่ลงโซเชียลไปก็อาจจะต้องถึงขั้นให้ออกจากราชการ ตนจึงบอกว่าอยากให้ลงโทษให้สูงทึ่สุด เพราะขนาดยังไม่ได้เป็นตำรวจยศใหญ่ยังทำขนาดนี้ เเล้วถ้าหากในอนาคตจะไม่บ้าอำนาจหรือ ซึ่งหลังจากนี้ก็คงจะต้องมีการนัดเข้าไปเจรจาไกล่เกลี่ยกันอีกครั้ง
นายจักรกริช ประเสริฐสังข์ หรือ ปอ อายุ 28 ปี ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ตนเองรู้จักกับคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย นายโจอี้ คนเจ็บ ตนก็รู้จักถือเป็นเพื่อนรุ่นน้องเเต่ไม่ได้สนิทสนมมาก ส่วนนายตำรวจคู่กรณี ทราบชื่อคือ ส.ต.ต.กี้ อายุ 22 ปี เท่าที่ตนรู้จักเขาก็ดูเป็นคนเฮฮา สนุกสนาน ไม่เคยหาเรื่องใครก่อน ไม่ได้เป็นคนอันธพาล
โดยในคืนที่เกิดเหตุ ช่วงเวลาประมาณ 23.00 น. ตนเองได้ไปทานข้าวเเละมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ร้านอาหารกับกลุ่มของนายตำรวจ ซึ่งในโต๊ะของตนมีทั้งหมด 7 คน เป็นผู้ชายทั้งหมด มีตำรวจ 3 นาย ส่วนฝั่งคู่กรณีก็มากัน 3 คน มีนายนนธวัช พรหมสนธิ หรือ โจอี้ อายุ 26 ปี ผู้บาดเจ็บ, นายชานุวัฒน์ พลทองมาก หรือ นุ เเละนายเสือ เพื่อนรุ่นพี่
ซึ่งนายโจอี้รู้จักกับตน ส่วนนายเสือก็รู้จักกับตำรวจนายอื่นที่นั่งในโต๊ะ จึงได้มีการเดินเข้ามาพูดคุยทักทายกันชนแก้วกัน เเต่ด้วยตอนนั้น ทั้ง 2 ฝ่ายต่างอยู่ในอาการเมาเเล้ว มีการกระทบกระเเทกกันเหมือนเดินเซชนกัน จนเกิดความไม่พอใจกัน ฝ่ายของนายตำรวจนั่งอยู่ที่โต๊ะไม่ได้เดินไปหาเรื่องนายโจอี้ก่อน และทั้งคู่จะเริ่มขึ้นเสียงใส่กันตะโกนด่ากันไปมา ตนจึงได้บอกให้ทั้ง 2 ฝ่ายออกไปเคลียร์กันนอกร้าน ทั้งคู่จะซัดพุ่งเข้าหากัน พวกตนเเละฝั่งของเพื่อนคนเจ็บก็ได้พยายามห้ามเเล้ว เเต่ไม่มีใครฟัง
ตนเองเเละนายเสือจึงได้พูดทำนองกึ่งประชดประชันว่า “ถ้าจะต่อย ก็ให้ไปต่อยกันตัวต่อตัว” ซึ่งนายโจอี้ก็พอใจกับข้อเสนอนี้ ก่อนจะเดินเข้าไปต่อยหน้านายตำรวจก่อนทั้งหมด 3 ครั้ง หลังจากนั้นนายตำรวจจึงได้ต่อยคืน เเละเกิดการชกต่อยกันขึ้น จนสุดท้ายนายโจอี้ล้มลงกับพื้น เเต่ทางตำรวจก็เข้าไปเตะซ้ำ จนพวกตนต้องเข้าไปห้าม เเละเเยกออกก่อนจะช่วยกันพยุงนายโจอี้ขึ้นมา อยู่ในอาการสะลึมสะลือ เเต่ก็ยังพูดคุยได้อยู่ ก่อนที่ทุกคนจะเเยกย้ายกันกลับบ้าน
ทีมข่าวได้รับคลิปวงจรปิดมาจากแหล่งข่าว ช่วงที่เห็นนายตำรวจยศสิบตรี เดินออกมาจากร้านเเละผ่านหน้ากล้องไป จนกระทั่งคนเจ็บ คือนายโจอี้ เดินออกมา จะเดินตามไปหาเรื่อง เเต่มีเพื่อน ๆ เข้ามาห้าม หลังจากนั้น ตำรวจเดินกลับมา เเต่ทุกคนก็พยายามช่วยกันห้าม จากนั้นนายโจอี้เดินเข้าไปซัดหน้าตำรวจหนุ่มก่อน 3 ครั้ง ก่อนจะเป็นเหตุการณ์ชกต่อยกัน ตอนจบจะเห็นว่ามีคนเข้ามาช่วยพยุงนายโจอี้ลุกขึ้น
ด้านพ.ต.อ.ไพรวัลย์ ท้าวพรม ผกก.สภ.โซ่พิสัย ให้ข้อมูลว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตำรวจในคลิปวงจรปิดเป็นตำรวจในพื้นที่ สภ.โซ่พิสัยจริง เบื้องต้นได้สั่งให้ตำรวจยศสิบตำรวจตรีนายดังกล่าว เขียนรายงานชี้แจงแล้ว และให้พนักงานสอบสวน นำพยานที่อยู่ในเหตุการณ์มาสอบปากคำ ทั้ง 2 ฝั่งคู่กรณี และการ์ดที่อยู่ในร้านอาหาร