จากกรณีตำรวจออกหมายจับ นายรัฐพล ตันสุวรรณรัตน์ หรือ “บิ๊ก กุมารขาว” ผู้ช่วยนายช่างไฟฟ้า อบต.บางสมบูรณ์ อายุ 35 ปี, นายภูริวัฒ นิ่มเรือง หรือ “ออด กุมารดำ” อายุ 52 ปี และนายธวัชชัย ศรีชาญ หรือ “วัช” อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาในคดียิงถล่มรถนายญาณกร โท้ประยูร นายกอบต.บางสมบูรณ์ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน และบาดเจ็บอีก 1 คน ขณะที่จับกุมนายธวัชชัยได้ที่บ้าน ต.ศรีจุฬา อ.เมืองนครนายก จ.นครนายก ส่วนนายรัฐพลและนายภูริวัฒได้หลบหนีไปตามที่นำเสนอไปนั้น
ล่าสุด วันที่ 24 ก.พ. 65 เมื่อเวลา 10.40 น. นายภูริวัฒ นิ่มเรือง หรือ ออด กุมารดำ เดินทางเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมทนายความ โดยมีครอบครัวมารอให้กำลังใจ ซึ่งระหว่างเดินเข้าห้องสืบสวน เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมกับตำรวจ ครอบครัวได้โผกอดนายออด นายออด กล่าวว่า ตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นายประสพโชค เดินทางมาหารือแนวทางการหาสมาชิกพรรค ถึงที่พรรคพลังท้องถิ่นไทย ถือโอกาสขอใช้สถานที่ในการเปิดใจกรณีดังกล่าว เมื่อเดินทางมาถึงพบหัวหน้าพรรค คือ นายชัชวาลย์ คงอุดม กล่าวว่า "โชคร่องหนหรือหายไป นึกว่าโดนอุ้มแล้ว"
นายประสพโชค ระบุว่า การเปิดใจเป็นเพราะเริ่มเป็นห่วงครอบครัวเพราะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาหาที่บ้านหลายครั้ง จนไม่รู้ว่าเป็นตำรวจตัวจริงหรือไม่ ส่วนโทรศัพท์เครื่องเก่ามีคนโทรมาหลายสาย ไม่กล้ารับสาย อีกทั้งตำรวจได้ยึดเครื่องเดิมไปแล้ว จึงซื้อเครื่องใหม่ ยอมรับว่าตอนนี้ยังกลัวมาก เพราะญาติผู้เสียชีวิตกำลังเสียใจ กลัวจะโกรธแค้น และแก้แค้น เพราะสังคมปรักปรำตนอยู่
ตนเองยังยืนยันคำเดิมหลังให้ปากคำกับตำรวจไป 1 ครั้ง อยากให้ไปขุดคุ้ยสืบประวัติอีกฝั่ง ทั้งคดียิงรัวปืนอาก้าตายถึง 5 ศพ เมื่อปี 2555 ส่วนล่าสุดที่น้องชายตนหรือ กุมารดำ ผู้ต้องหาหมายจับศาลจังหวัดนครนายกมอบตัว เป็นความสัมพันธ์พี่น้องจริง แต่ตนไม่รู้ แค่ก่อนมอบตัวน้องมาปรึกษา ตนบอกน้องว่าถ้าไม่ผิดก็มอบตัว เพราะยังเชื่อว่าน้องตนบริสุทธิ์ หลังจากนี้หากได้เจอน้องชายจะถามน้องว่า "มึงทำหรือเปล่า ถ้าไม่ได้ทำก็ให้สู้" แต่ถ้าน้องทำ ก็จะถามว่า "มึงทำเพื่ออะไร"
ทั้งนี้ ตนไม่ได้สนิทอะไรกับน้อง เพราะก็อยู่คนละที่ เปรียบเปรยว่าขนาดเรามีลูกหลายคน จะไปทำอะไรยังพ่อแม่ก็ยังไม่รู้ วันนี้ยังงง ว่าตำรวจมีหลักฐานอะไรถึงออกหมายจับน้อง ส่วนหากศาลออกหมายจับตนก็ต้องมอบตัว จะไม่หลบหนี เพราะตนไม่ได้ทำ เพราะคนอื่นทำ "เกี่ยวอะไรกับตน ทำไมตนต้องเดือนร้อนแทนคนอื่น"
นอกจากนี้ ฉายากุมารดำ กุมารขาวนั้น ตนเพิ่งได้ทราบจากสื่อ แล้วทั้งคู่ก็ไม่เคยเรียกตัวเองว่าพ่อ โดยเฉพาะนายบิ๊ก ซึ่งเป็นลูกน้องที่รู้จักทำงานด้วยกันที่ อบต. พร้อมปฏิเสธปมธุรกิจแพ ไม่เกี่ยวข้องและไม่ได้เป็นปมขัดแย้ง ส่วนการที่มาอยู่พรรคพลังท้องถิ่นไทย ไม่ได้มาอาศัยบารมีหัวหน้าพรรค หรือทำให้เสื่อมเสีย พร้อมยืนยันว่าจะไม่มีทางเอาใครไปแอบอ้าง ดังนั้นปมต่าง ๆ ขอสังคมอย่าเพิ่งลงโทษ ตนกล้าพูดว่าไม่เกี่ยว หลังนี้เป็นหน้าที่ตำรวจที่ต้องสืบสวน ตนพร้อมให้ข้อมูลโดยให้คุยผ่านทนายความของตน จากนี้หากพิสูจน์ได้ว่าตนไม่ได้ผิด จะรวบรวมหลักฐานเดินหน้าฟ้องกลับ วันนี้ตนไม่พร้อมจะคุยกับใคร รวมถึงนายก อบต. คนปัจจุบันด้วย
ด้านนายชัชวาลย์ คงอุดม หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท เปิดเผยว่า ปมที่นายประสพโชคตกเป็นผู้ต้องสงสัยนั้น เจ้าตัวก็ไม่ได้หายไปไหน เพราะวันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ ก็มาประชุมกรรมการบริหาร ตนยังคุยกันถึงเหตุการณ์นี้ โดยได้ถามเจ้าตัวว่า "ยิงจริงไหม" ซึ่งมีการยืนยันกันตน โดยไม่มีพิรุธอะไรเลย ก่อนมีการพูดถึงนายกฯอบต.คนใหม่ว่าเคยมีคดีฉ้อโกงเช็คหลายล้านบาทและเคยจำคุก จึงมีสิทธิ์ยืนให้ทาง กกต. ตรวจสอบ สุดท้ายยังไงก็ต้องพ้นวาระนั้น
กระทั่งเมื่อคืนนี้ตนคุยกับทีมงานด้วยความเป็นห่วงว่านายประสพโชคหายไปไหน จนเมื่อเช้าพบนานประสพโชคมาร่วมประชุมกรรมการบริหารพรรค ตนยังแซวว่า "นึกว่าโดนอุ้มไป" แต่เจ้าตัวยังบอกว่าพร้อมพิสูจน์ตัวเอง แต่จะขอพักพิงที่พรรค เพราะบ้านเปลี่ยว กลัวคนแอบแฝงมาอุ้มหายไป แต่เอาเข้าจริง ๆ นายประสพโชคก็ไม่ได้ขอพักพิง เจ้าตัวยังยืนยันว่าขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนตามความถูกต้อง
ส่วนตนรู้จักนิสัยนายประสพโชค และร่วมงานกันมามากว่า 6 ปี นายประสพโชคไม่มีพฤติกรรมแบบนี้ มีแต่พูดจาเสียงดัง เป็นคนตรงไปมา รวมถึงสมัยที่แพ้เลือกตั้งนายกฯ อบต. นายประสพโชคบอกตนตั้งแต่ตนว่ายังไงก็แพ้ ยังไงก็สู้ไม่ได้เพราะเงินมีน้อย แต่สมัครเพราะจะลองใช้ความดีที่ทำมาวัดใจแลกใจ แต่ก็แพ้จริง ๆ นายประสพโชคก็ไม่ได้มีท่าทีโกรธแค้น อีกที่ในช่วงนั้นมีความตั้งใจจะมาเป็น ส.ส. และในเขตบ้านนายประสพโชคก็ช่วยพรรคหาเสียงได้ กว่า 1,000 คะแนน
นายสุรเดช โท้ประยูร พ่อนายญาณกร นายก อบต. กล่าวว่า ขอชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถจับกุมคนร้ายได้แล้ว 2 คน ถือว่าเป็นการทำงานอย่างเต็มที่เต็มความสามารถ ตนรู้สึกอุ่นใจมากขึ้น
ส่วนการที่ผู้ต้องหาปฏิเสธ ก็เป็นสิทธิ์ของอีกฝ่ายที่จะพูดอย่างไรก็ได้ แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ส่วนตัวยังเชื่อว่าผู้ต้องหามีมากกว่า 3 คน เพราะการก่อเหตุที่มีการใช้อาวุธสงคราม ก่อเหตุอย่างอุกอาจ ต้องมีผู้เกี่ยวข้องหลายคน ทำกันเป็นกระบวนการ
กรณีนายประสพโชค อดีตนายก อบต. กล่าวพาดพิงให้สืบค้นประวัติฝั่งตนเกี่ยวกับการยิงปืนอาก้า ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 5 ศพในปี 2555 นั้น มองว่าเป็นการให้สัมภาษณ์เบี่ยงเบนประเด็น ซึ่งตนก็ไม่รู้จะตอบอะไร เพราะไม่ได้รู้เรื่อง ยืนยันไม่ได้ไปมีส่วนเกี่ยวข้องในคดีดังกล่าว จึงไม่ขอตอบโต้ โดยการที่นายประสพโชคออกมาแถลงข่าวทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้มีหมายจับ ก็เป็นสิทธิ์ของอีกฝ่าย แต่การเชื่อมโยงทางคดีก็ขึ้นอยู่กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ