จากเหตุการณ์เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 มีเหตุยิงกันเสียชีวิตที่บ้านไม่มีเลขที่ ในพื้นที่ ม.4 บ้านแม่ลัว ต.ป่าแดง อ.เมืองแพร่ จ.แพร่ เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึง บริเวณกลางบ้านไม้ชั้นเดียว พบร่างผู้ชายนอนเสียชีวิต สวมเสื้อสีน้ำเงินแขนกุด กางเกงขาสั้น ทราบชื่อภายหลัง นายแดง ขัดเบาะ พ่อตา อายุ 54 ปี พบรองบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุน 1 นัด บริเวณหน้าท้องใต้ราวนม 1 นัด
ขณะเดียวกันบริเวณทางขึ้นบ้าน พบชายอีกรายนอนสวมเสื้อกันหนาวสีดำ กางเกงขายาวลายพลาง สภาพเมาไม่มีสติ ทราบชื่อ นายสมนึก ไผทอง อายุ 41 ปี เป็นลูกเขยของผู้เสียชีวิต และเป็นผู้ก่อเหตุยิงในครั้งนี้ เนื่องจากในห้องครัวพบปืนลูกซองยาวที่ใช้ก่อเหตุ พบปลอกกระสุนปืน 1 นัด บริเวณบนเตียงในห้องนอน และกระสุนปืนที่ยังไม่ได้ใช้อีก 7 นัด อยู่ในบ้านที่เกิดเหตุด้วย
ล่าสุด วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัว นายสมนึกไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จตั้งแต่ช่วงเช้า ทีมข่าวอมรินทร์ย้อนกลับไปยังจุดเกิดเหตุ บ้านของผู้ตาย หรือพ่อตาที่อยู่กับภรรยา เป็นบ้านไม้ มีใต้ถุนสูง และติดกันประมาณ 20 เมตร เป็นบ้านของผู้ก่อเหตุ หรือลูกเขยที่อยู่กับภรรยา และลูกชายวัย 5 ขวบ พบว่ายังคงมีร่องรอยคราบเลือดเปื้อนอยู่บนพื้นหน้าห้องนอน
นายสร้อย ไผทอง อายุ 67 ปี พ่อของผู้ก่อเหตุ เปิดใจว่า เมื่อเช้ามีโอกาศได้คุยกับนายสมนึก ลูกชายแล้ว เขาเองก็ยอมรับผิดทุกอย่าง บอกว่าไม่ได้ตั้งใจจะยิงพ่อตาเลย แค่ปืนมันลั่น เพราะตอนนั้นลูกชายเมาเหล้าและนอนดูทีวีในห้องนอน แต่จู่ๆพ่อตาก็เปิดประตูเข้ามาแล้วชกหน้าลูกชายก่อน ทำให้ลูกชายโกรธ จึงคว้าปืนที่อยู่ข้างที่นอนมาจ่อไปที่ท้องของพ่อตา และลั่นยิงออกไป 1 นัด จนพ่อตาทรุดตัวลงกับพื้น ส่วนลูกชายก็เดินออกมานอนหน้าบ้านด้วยอาการมึนเมา จนกระทั่งตำรวจเข้ามารวบตัว
ซึ่งลูกชายบอกกับตนว่า จากเหตุการณ์ทั้งหมดลูกชายขอรับผิดชอบและรับกรรมเพียงคนเดียว พ่อกับแม่ไม่ต้องเดือดร้อน ยุ่งยากหาเงินไปประกันตัวออกมา ตนกับภรรยาก็เลยยอมรับในการตัดสินใจของลูก แล้วค่อยลงจากดอยไปเยี่ยมลูกในคุกแทน ส่วนกับความสัมพันธ์ระหว่าง 2 บ้าน ตนยืนยันว่ายังคงเหมือนเดิม ไปมาหาสู่กันได้ และส่วนตัวก็อยากขอโทษครอบครัวผู้สูญเสียแทนลูกชายด้วย
เวลาประมาณ 15.30 น. ทีมข่าวเดินทางมาถึงวัดบ้านถิ่นใน ต.บ้านถิ่น อ.เมือง จ.แพร่ พระสมุห์ ภาณุพงษ์ เจ้าอาวาส เปิดใจว่า เบื้องต้นสามเณรธนกฤต หรือ เณรจริง อายุ 13 ปี ลูกชายของนายแดง ผู้เสียชีวิต ยังไม่ทราบข่าวการเสียชีวิตของพ่อ จึงเห็นว่าสีหน้าท่าทางของเณรยังคงยิ้มแย้มปกติ
และมีช่วงหนึ่งที่ทางเจ้าอาวาสเดินเข้าไปสวมกอดเณร แล้วพยายามบอกให้เณรเข้มแข็ง หนักแน่น ห้ามอ่อนแอ เณรก็เอะใจ จึงเอ่ยปากถามเจ้าอาวาสไปว่า "มีอะไรเหรอครับ" แต่เจ้าอาวาสยังไม่อยากพูด เพราะกลัวจะกระทบจิตใจของเณร จึงตอบไปว่า "ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร" ก่อนจะเน้นย้ำให้เณรตั้งใจเรียน ตั้งเป้าหมายให้จบปริญญาตรี เพื่อเป็นความหวังของครอบครัว
ต่อมาเวลา 16.00 น. แม่ พี่สาว และหลานน้อยของเณรก็เดินทางมาถึงวัด ช่วงแรกสถานการณ์ทุกอย่างดูตึงเครียด เนื่องจากแม่กับพี่สาวก็ไม่กล้าบอกเณร ผ่านไป 5 นาที แม่ก็ค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้เณร กลั้นน้ำตาบอกเณรว่า "หนูต้องเข้มแข็งนะ ทำใจให้ได้นะ พ่อของเณรเสียชีวิตแล้ว ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา" วินาทีนั้นทั้งเณรที่กำลังกอดหลาน รวมถึงแม่และพี่สาวก็ร่ำไห้ เณรถามว่าพ่อเสียชีวิตอย่างไร แม่ก็เล่าว่าโดนยิง แต่เณรก็ยังไงร้องไห้ และถามว่าทำไมต้องยิงพ่อด้วย ก่อนที่ทางเจ้าอาวาสจะเข้ามาสวมกอดอีกครั้ง และบอกว่าขณะที่บวชเรียน เจ้าอาวาสจะทำหน้าที่เป็นทั้งครู ทั้งพ่อและแม่ให้กับเณรเอง
เบื้องทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหากับนายสมนึกคือ 1.มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.ใช้อาวุธปืนทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ชีวิต และจะนำตัวฝากขังเรือนจำจังหวัดแพร่ในช่วงเช้าของวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565