"ทนายอนันต์ชัย" ร้องกองปราบรื้อคดี "ซูลุยผิว" หลังพบพิรุธเพียบ จี้แพทย์ยันคำให้การ "ฝน" แจงสังคม

จากกรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนคดีการเสียชีวิต ของ ด.ช.ซูลุยผิว อายุ 2 ขวบ ชาวเมียนมา ที่หายตัวไปในไร่อ้อย จ.สุพรรณบุรี ได้สรุปผลการทำคดี โดยพบว่าผู้ที่เกี่ยวข้อง คือ นายฝน อายุ 32 ปี ผู้ป่วยออทิสติก ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ยังไม่ปักใจเชื่อว่านายฝนเป็นผู้ที่พาเด็กไป (อ่าน : "ทนายอนันต์ชัย" ลุยช่วย "ฝน" ผู้ต้องหาเอี่ยวเด็กพม่าตายในไร่อ้อย ยื่น 2 แสน ขอประกันตัว)

วันที่ 24 ม.ค. 62 ที่กองบังคับการปราบปราม นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความของนายฝน ผู้ต้องหาในคดีการเสียชีวิตของของน้องซูลุยผิว ได้นำหลักฐานเป็นเอกสารในคดีฆาตกรรม น้องซูลุยผิว ของสภ.สะยายโสม อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี มามอบให้พนักงานสอบสวนกองปราบปรามเพิ่มเติ่ม หลังพบว่าขั้นตอนการทำงานของตำรวจ สภ.สระยายโสม ทุกขั้นตอนไม่ถูกต้องตามกระบวนการทางกฎหมาย

โดย นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ กล่าวว่า หลังจากที่นายฝน ผู้ป่วยออทิสติก ตกเป็นผู้ต้องหาพรากผู้เยาว์ น้องซูลุยผิว และนำตัวส่งสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ เพื่อวิเคราะห์สติปัญญา พบว่านายฝนเข้ามาอยู่ในสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์มานานกว่า 10 วัน แต่แพทย์ยังไม่สามารถรับรองสติปัญญาของนายฝนได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ พลตำรวจตรี คมศักดิ์ สุมังเกษตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี ออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ว่าแพทย์ได้มีการยืนยันคำให้การของนายฝนเชื่อถือได้ ซึ่งขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง เพราะในปัจจุบันแพทย์จากสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงยังไม่สามารถยืนยันได้ ประกอบกับนายฝนถูกจับกุมตัวส่งสถาบันตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค. 61 ขณะที่หมายจับออกวันที่ 28 ธ.ค. 61 หลังการจับกุมหนึ่งวัน เท่ากับว่าขั้นตอนการจับกุมไม่เป็นไปตามกฎหมาย

นอกจากนี้ ในขั้นตอนการสอบสวนและสอบปากคำพยานมีการถ่ายทำวิดีโอ มีการบันทึกภาพและเสียงไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งการกระทำในลักษณะนี้ คือการทำแผนประกอบคำรับสารภาพของผู้ต้องหา ไม่ใช่การสอบปากคำพยาน ดังนั้นในฐานะทนายความ ตนจึงขอเรียกร้องให้กองบังคับการปราบปราม รื้อคดีนี้ใหม่ทั้งหมด  และให้แพทย์ผู้ยืนยันคำให้การของนายฝนว่าเชื่อถือออกมาชี้แจงต่อสังคม และหากตนสืบทราบว่าเป็นแพทย์คนนั้นเป็นใคร จะดำเนินการร้องแพทยสภาทันที อย่างไรก็ตาม หลังประกันตัวนายฝนออกจากสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ได้ ตนจะนำตัวนายฝนให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน และเดินหน้าร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกด้วย

ขณะที่ นายสมจิต ฉิมมา พ่อของนายฝน ยืนยันว่า ตั้งแต่ชุดสืบสวนสอบสวนนำตัวนายฝนไปสอบสวน ทั้งในฐานะพยาน หรือในฐานะผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ไม่เคยให้พ่อและแม่ของนายฝน เข้าไปร่วมรับฟังการสอบสวนด้วย ตนจึงไม่ทราบว่านายฝนให้การอะไรไปบ้าง อีกทั้ง ปกตินายฝนมักจะเดินทางไปที่ สภ.สระยายโสม เป็นประจำ เพื่อช่วยงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงไม่ทราบว่าชุดสืบสวนสอบสวนเชิญตัวในฝนไปสอบสวนในฐานะพยานตั้งแต่เมื่อไหร่ อีกทั้งการนำตัวนายฝนไปตรวจอาการทางจิตเภทและประเมินระดับสติปัญญา ตำรวจแจ้งเพียงว่าจะนำตัวนายฝนไปรักษา ไม่ได้แจ้งว่าจะนำไปประเมินตามที่มีการทำหนังสือไปที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์