ลูก สท.ภูเก็ต ยังเฮี้ยน สิงพี่สาวอีก - พ่อแฉแก๊งฆ่าเกิน 1 คน พยานเห็นมือลั่นไก (คลิป)

จากเหตุคนร้ายยิงนายธีรศักดิ์ แซ่อ๋อง อายุ 29 ปี ลูกชายนายเจริญ แซ่อ๋อง สมาชิกสภาเทศบาลตำบลรัษฎา จ.ภูเก็ต เสียชีวิต เมื่อกลางดึกวันที่ 19 ม.ค. 62 กระทั่งต่อมา นายจักรกฤษ แสงสะอาด ได้เข้ามามอบตัวสู้คดีต่อพนักงานสอบสวน สภ.วิชิต และถูกแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นและมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน พาอาวุธปืนไปในเมือง โดยในชั้นสอบสวน นายจักรกฤษ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาและประกันตัวไปโดยมีหลักทรัพย์ประกันตัว

จากนั้นญาติได้มีการประกอบพิธีทางศาสนา เพื่อจะมีการฌาปนกิจศพ แต่พี่สาวของผู้ตายมีลักษณะคล้ายผีเข้าสั่งห้ามไม่ให้เผาศพ จนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม (อ่าน : ผีเข้าสั่งยุติเผาศพลูก สท.ดัง เชื่อเฮี้ยนถูกดักยิงดับ ฆาตกรส่อลอยนวล )

วันที่ 24 ม.ค. 62 นายเจริญ แซ่อ๋อง พ่อของผู้ตาย เปิดเผยว่า เหตุผลที่มีการเลื่อนการเผาศพลูกชายออกไปนั้น เกิดจากความเชื่อหลังพบว่าพี่สาวของผู้ตาย มีลักษณะคล้ายกับผีเข้า ตนเองในฐานะคนที่เป็นพ่อสามารถสัมผัสได้ว่าภายในร่างของพี่สาวมีวิญญาณของผู้ตายจริง ทำให้ตัดสินใจเลื่อนเผาศพครั้งนี้ออกไปอย่างไม่มีกำหนดจนกว่าคดีจะมีความคืบหน้า โดยเหตุการณ์ครั้งนี้ เกิดจากปมเรื่องความขัดแย้งที่ลูกชายของตนขับรถปาดหน้าผู้อื่น และถูกยิงเสียชีวิตก่อน โดยตนมองว่าคนร้ายมีเจตนาฆ่า และได้มีการไตร่ตรองและเตรียมทุกอย่างเอาไว้ เช่น มีการแบ่งคนไว้ปิดไฟสาธารณะ โดยขณะที่ผู้ตายขับรถมาถึง คนร้ายจึงชักปืนยิงจากรถทันที

นอกจากนี้ ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ พบว่าถนนดังกล่าวเป็นถนน 2 เลน และเป็นทางโค้ง ส่วนไฟส่องสว่างสองฟากถนน พบว่าส่วนใหญ่ระบบเปิดปิดไฟถูกติดตั้งไว้ที่จุดเดียว บริเวณด้านหน้าที่ทำการสำนักงานเขตดูแลเมืองภูเก็ต โดยพบว่าสวิตช์เปิดปิดอยู่ภายด้านในกล่องซึ่งมีกุญแจล็อกปิดไว้

นอกจากนี้ พบว่าหากต้องการปิดเปิดไฟแต่ละต้นจากใต้เสานั้นค่อนข้างได้ยาก เพราะเป็นระบบควบคุมไฟฟ้าเปิดเปิดจุดเดียว และยังสังเกตได้ว่า บริเวณใต้เสาไฟสองสว่าง บางต้นไม่มีการปิดล็อกกล่องควบคุมใต้ต้นเสา สามารถมองเห็นภายในและควบคุมการเปิดปิดที่ต้นเสาได้ แต่เสาไฟบางต้นพบว่ามีการปิดด้วยแผ่นเหล็กอย่างมิดชิด

ด้าน นางสาวสมใจ เซ่ฮวด หรือ ตุ๊ก อายุ 51 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ในช่วงที่มีการประกอบพิธีเคลื่อนย้ายร่างของผู้ตายไปยังเมรุเผาศพ จังหวะนั้นพี่สาวของผู้ตายก็เริ่มมีอาการเกร็ง และอาเจียน ตนจึงบอกกับผู้ที่มาร่วมงานและญาติคนอื่นว่า ไม่ใช่อาการของคนปกติแล้ว เหตุการณ์ดังกล่าวอาจมีการเข้าร่างของผู้ตาย จากนั้นพี่สาวของผู้ตายกรี๊ด และตะโกนเสียงดังขึ้นมาว่า “อย่าเอาไปเผา อย่างพึ่งเผา” และพูดขึ้นมาอีกคำหนึ่งว่า “นี่ โมเอง” ซึ่งเป็นชื่อของคนตาย และในระหว่างที่มีการเข้าร่างนั้น ต้องใช้ผู้ชายมากกว่า 5 - 6 คน ช่วยกันจับตัวพี่สาวของผู้ตาย กระทั่งวินาทีที่ป้าของผู้ตาย บอกว่า“งั้นป้า ไม่เผาโม” พี่สาวของผู้ตายจึงมีอาการสงบลง

ขณะที่ นางสาวแตง พี่สาวของผู้ตาย เปิดเผยว่า ในวันดังกล่าว ตนไปส่งน้องเป็นครั้งสุดท้าย และเดินตามหลังโลงศพที่กำลังยกจากศาลาไปยังเมรุเผา ระหว่างที่เพื่อนของผู้ตายขับรถเบิ้ลเครื่องเสียงดังบริเวณหน้าเมรุเผาศพ ตนก็รู้สึกว่าใจสั่น และพยายามบอกกับญาติอีกคนว่าให้เขาเลิกเบิ้ลรถ จากนั้นผ่านไป 5 นาที เสียงเบิ้ลรถเงียบลง ตนเองกลับตะโกนอย่างดังขึ้นมาว่า “เบิ้ลเลย เบิ้ลรถเลย เอาดัง ๆ”  ต่อมา ขณะที่มีการเปิดฝาโลงศพ ตนเองก็ได้กลิ่นบางอย่าง และมีอาการมึนงงและเบลอเป็นบางช่วง พร้อมกับตะโกนออกไปว่า “ไม่ไป”

ตนยอมรับว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนั้น เกิดขึ้นกับตัวเองเป็นครั้งแรก และไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น เพราะตนเป็นคนที่กลัวผีมาก จึงไม่ต้องการให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่ด้วยใจที่อยากช่วยน้อง หากต้องการมีการสื่อสารอะไรตนก็ยอม นอกจากนี้ ในระหว่างการสัมภาษณ์ ขณะที่ผู้สื่อข่าวสอบถามนางสาวแตงว่า ขณะนี้ยังสามารถสื่อสารอะไรกับน้องชายได้หรือไม่ พบว่า นางสาวแตงมีลักษณะนิ่งไป และพูดขึ้นว่า “ผมพร้อมช่วยเต็มที่ พร้อมดูแลลูกและครอบครัว จะช่วยเหลือทุกอย่างเพื่อให้เป็นธรรมที่สุด” จากนั้น นางสาวแตง มีอาการเงียบ ไม่พูด หน้าตาเปลี่ยนไป มีลักษณะหายใจแบบยาว หายใจเสียงดัง หน้าตาดูเครียด มองผู้สื่อข่าวตาขวาง และมีการขอน้ำเปล่าจากผู้สื่อข่าว โดยนางสาวแตงบอกว่า ขณะนี้รู้สึกอาการขนลุก ขาสั่น หนักขาไปทั้งหมด และพูดว่า “พี่ยังไม่พร้อม พี่ไม่พร้อม” พร้อมทั้งยังบอกอีกว่าตอนนี้กำลังหน้ามืดตาลาย อาการยังไม่ดีขึ้น และบอกกับทีมข่าวว่ายังไม่ขอพูดอะไรตอนนี้