แม่ร่ำไห้ เปิดใจคลิปโหดลูกกระทืบที่แท้ติดยา เคยซ้อมซี่โครงหัก ชาวบ้านผวากลับมาฆ่ากันตาย (คลิป)

จากกรณีสังคมออนไลน์ เผยแพร่คลิปวิดีโอชายรายหนึ่ง มีรอยสักเต็มตัว กำลังทำร้ายร่างกายแม่เลี้ยงตัวเอง ลักษณะใช้เท้ากระทืบ ถีบตกบันได จิกและกระชากศีรษะ ก่อนมีคนเข้ามาช่วยเหลือจนปลอดภัยแล้ว

วันที่ 27 ม.ค. 62  ทีมข่าวเดินทางมาที่ คอนโดเคหะบางนา-ตราด ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พบว่าสถานที่เกิดเหตุ เป็นอาคารคอนโดสูง 5 ชั้น และจุดเกิดเหตุอยู่ชั้น 5 ของอาคาร

โดย นายทรงกรต ฤามาฤทธิ์ นิติบุคคลอาคารชุด ผู้ช่วยเหลือผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 62 เวลา 13.00 น. ขณะเกิดเหตุตนซ่อมแซมห้องให้กับลูกบ้านอยู่ที่ชั้น 5 ได้ยินเสียงดังเหมือนคนทะเลาะกัน ตนจึงเดินออกมาดู ซึ่งขณะนั้น ทั้งชั้นไม่มีใครกล้าออกมาจากห้อง เมื่อเดินมาถึงก็พบว่า ลูกชายกำลังทำร้ายแม่อยู่ที่บริเวณบันได โดยทราบว่า ที่ผ่านมาครอบครัวนี้เคยทะเลาะกันบ่อยครั้ง แต่ไม่เคยออกมานอกห้อง และลูกเคยถึงขั้นทำร้ายแม่จนซี่โครงหัก ลุกเดินไม่ได้ ขณะนั้น ตนมีเพียงอุปกรณช่างที่พอเป็นอาวุธได้ ตนจึงพยายามบอกให้ผู้ก่อเหตุหยุดทำร้ายแม่ แต่กลับถูกผู้ก่อเหตุก็กระชากคอ และบีบคอตน ซึ่งขณะนี้ยังมีร่องรอยช้ำอยู่ ผู้ก่อเหตุเห็นอุปกรณ์ช่างที่ตนถืออยู่ในมือ ยังมีอาการหวาดระแวง พร้อมท้าทายให้ตนปาดคอเจ้าตัว ทั้งนี้ นอกจากทำร้ายแม่แล้ว ผู้ก่อเหตุยังเคยทุบรถของลูกบ้าน ถือของไปข่มขู่ เผากระดาษในห้องบ้าง ชาวบ้านจึงต้องคอยเข้าระงับเหตุ และแม้ว่าจะแจ้งความ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็นำตัวผู้ก่อเหตุไปไม่นานก็นำกลับมาส่ง ซึ่งตำรวจมักใช้ข้ออ้างว่า เขาเป็นผู้ป่วยทางจิต พวกตนจึงต้องรวมเงินให้เจ้าหน้าที่มูลนิธินำตัวชายคนดังกล่าวไปส่งโรงพยาบาล ส่วนตัวตนต้องการให้เจ้าหน้าที่นำตัวชายรายนี้ไปรักษาดูแล เพราะหากอยู่รวมกับชาวบ้านก็อาจจะเกิดการทำร้ายชาวบ้านได้

ด้าน นางกองศรี จันทโชติ อายุ 67 ปี ผู้เสียหาย แม่เลี้ยงของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ ตนออกไปธุระที่ธนาคาร เมื่อกลับมาถึงที่บ้านพัก ระหว่างขึ้นบันได เมื่อใกล้ถึงชั้น 5 พบว่าลูกชายยืนพูดบ่นอยู่บริเวณริมตึก เมื่อตนจึงพูดกับลูกว่า "มายืนทำอะไรลูก แม่เหนื่อยเข้าบ้านกันเถอะ" แต่ลูกตนกลับตอบกลับมาว่า “อี...ไปไหนมา” ก่อนจะใช้เท้าถีบตนจนตกบันได และตามมาเตะซ้ำ กระชากผมตน ขณะนั้นตนพูดเพียงว่า "แม่เจ็บ ๆ" ทั้งนี้ ลูกชายมีอาการป่วยตั้งแต่ปี 59 และก่อเหตุทำร้ายตนมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง

นางกองศรี กล่าวอีกว่า ตนรับลูกชายคนนี้มาเลี้ยงตั้งแต่อายุ 1 เดือน กระทั่งตอนนี้อายุกว่า 30 ปี ตนรักเขาเหมือนลูกแท้ ๆ แม้ลำบากก็หาให้กินอยู่สุขสบายอยู่เสมอ ต่อมาลูกชายเริ่มมีปัญหา เป็นเด็กเก็บกดตั้งแต่ สมัยเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เนื่องจากมาทราบความจริงว่าตนไม่ใช่แม่แท้ ๆ จากนั้นลูกชายก็เริ่มมีอาการป่วยทางจิต และเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แต่ช่วงเวลาเขาปกติ ลูกตนก็พูดจาเพราะ แต่หากไม่พอใจก็จะทำร้ายตน และมักใช้คำพูดหยาบคาย โดยช่วงกลางปี 61 ตนเพิ่งถูกลูกใช้เท้ากระทืบ จนซี่โครงเคลื่อน ต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลนานร่วมเดือน

ตนคาดว่าสาเหตุเป็นเพราะลูกชายขาดยา เนื่องจากตนไม่มีเงินไปรับยาให้ ยอมรับว่ารู้สึกสงสารลูก หลายคนบอกให้ตนทิ้งลูกและหนีไปอยู่ที่อื่น ตนก็ทำไม่ได้ และไม่มีวันทิ้งลูกได้ ตนห่วงว่าลูกจะไม่มีที่อาศัย ส่วนตอนนี้ลูกชายรักษาตัวที่โรงพยาบาล คาดว่าไม่เกิน 1 เดือนก็จะกลับมาอาศัยกับตนอีกครั้ง นางกองศรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาตนรู้สึกเครียด โดยเฉพาะช่วงที่ลูกอยู่ในห้อง หรือแม้เวลานอนด้วยกันก็ระแวง กลัวลูกจะมาทำร้าย อีกทั้ง ลูกชายมีอาการกลัวกระจก หากมีกระจกในห้องก็จะทุบทิ้งหมด โทรทัศน์ก็ทุบทิ้งมากกว่า 7 เครื่องแล้ว ตนรู้สึกเป็นห่วงลูกมาก หากมีหน่วยงานเอาไปดูแล ตนเองก็ยินดี

ขณะที่ นางมนธี ฉาบกิ่ง ผู้อาศัยในคอนโดฯ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาตนเห็นบ้านนี้ มักมีเสียงดังโวยวายกันอยู่หลายครั้ง โดยส่วนใหญ่จะได้ยินเสียงลูกชายดุด่าเหมือนคนทะเลาะกัน และลูกชายมักจะทำร้ายแม่ตัวเอง แต่ไม่ทำร้ายคนอื่น หลังเกิดเรื่อง คนในชุมชนก็กลัวว่าผู้ก่อเหตุจะก่อเหตุซ้ำและรุนแรงมากขึ้นอีก นางมนธี กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมามีคนเคยแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายคือผู้ป่วย ตนจึงเกิดคำถามว่า ต้องรอให้ป้าเสียชีวิตก่อนหรือไม่ จึงจะมีใครเข้ามาช่วยจัดการเรื่องดังกล่าวนี้ ซึ่งส่วนตัว ตนมั่นใจว่าหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ แม่ของผู้ก่อเหตุจะต้องตายแน่ ๆ เพราะเมื่อลูกของเขาขาดยาก็มักจะแสดงพฤติกรรมเช่นนี้เป็นประจำ รวมถึงชาวบ้านก็มีความรู้สึกหวาดระแวงว่าถูกจะทำร้ายได้