แกะรอยตามหาเบาะแสคนขับเรือทราย เปิดกล้องวงจรปิดเพิ่มในน้ำเจ้าพระยา เห็นเรือสปีดโบ๊ตลำที่เกิดเหตุขับผ่านไปมาก่อนที่จะมุ่งหน้าขึ้นไปที่สะพานพระราม 8 สืบเนื่องจากคดีดัง "แตงโม-นิดา" นักแสดงชื่อดังพลัดตกจากเรือสปีดโบ๊ตเสียชีวิต กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงใต้สะพานพระราม 7 ท่าเรือพิบูลสงคราม เขตจังหวัดนนทบุรี ขณะกำลังล่องเรือกับเพื่อนรวม 6 คนนั้น
วันที่ 9 มี.ค. 65 ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปยังบริษัทขึ้นลงทราย-ดิน จากกล้องวงจรปิดเรือขนทราย-ดินในแม่น้ำเจ้าพระยา ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นที่เทียบเรือขนทราย โดยพบว่าเรือขนทรายที่ขับสวนกับเรือสปีดโบ๊ตของลำที่เกิดเหตุ บริเวณสะพานพระราม 7 ได้มาจอดเทียบบริเวณจุดดังกล่าว เนื่องจากในวันนี้เรือลำดังกล่าวกำลังเทียบเพื่อที่จะออกทะเล
ทีมข่าวได้เดินทางไปที่เรือลาก ลำเดียวกันกับที่ปรากฏอยู่ในกล้องวงจรปิดของกรมเจ้าท่า ที่มีการบันทึกเรือลากทรายแล่นผ่าน ทำให้บังเรือสปีดโบ๊ตของแตงโมที่นั่งโดยสารมาด้วย เป็นช่วงเวลาที่กล้องวงจรปิดไม่มีภาพบันทึกได้ในวินาทีตกน้ำ โดยเป็นเรือของบริษัทเอกชนทำหน้าที่หลักคือจุงแร่ และพืชผลทางการเกษตร แต่ไม่ใช่เรือสำหรับขนทรายและดิน
เรือลำดังกล่าวมีระบบกล้องวงจรปิดแบบออนไลน์ บันทึกโดยเซิร์ฟเวอร์คลาวน์ ซึ่งมีการดึงข้อมูลไปไว้ที่ส่วนกลางของบริษัทเอกชน ควบคุมด้วยระบบ GPS และเรือลำดังกล่าวได้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดจำนวน 5 ตัว อยู่บริเวณด้านหน้าส่วนของหัวเรือ 1 ตัว ในห้องคนขับเรือ 1 ตัว ด้านหลัง 3 ตัว ซึ่งมี 1 ตัวหันไปด้านหน้า และอีก 2 ตัวหันไปทางด้านหลังฝั่งซ้ายและขวาของพ่วงบรรทุกเรือ
นายดรีม (นามสมมติ) คนขับเรือลากบรรทุกแร่ เปิดใจว่า ในคืนวันที่ 24 ก.พ. 65 เวลาประมาณ 22.30 น. ตนเองขับผ่านบริเวณใต้สะพานพระราม 7 ซึ่งช่วงที่ก่อนลอดใต้สะพาน ได้มีเรือสปีดโบ๊ตแล่นผ่านฝั่งขวาของเรือ มีผู้ชายเป็นคนขับ และผู้หญิง 2 คน นั่งโดยสารมากับเรือ เมื่อผ่านสะพานพระราม 7 ไปแล้ว ช่วงโรงไฟฟ้าของการไฟฟ้าบางกรวย กล้องวงจรปิดของเรือตนเองจับภาพเรือสปีดโบ๊ตอีก 1 ลำแล่นมา ซึ่งมาทราบภายหลังว่าเป็นเรือสปีดโบ๊ตของแตงโมที่นั่งโดยสารมาด้วย เป็นวินาทีก่อนที่จะเกิดเหตุกลางแม่น้ำ หลังจากที่พ้นกล้องตัวหน้าของเรือแล้ว มีกล้องที่ตำรวจกู้จากระบบฮาร์ดดิสก์ และระบบคลาวน์ออนไลน์ ซึ่งเป็นกล้องถ่ายเรือ จะเห็นวินาทีของเรือสปีดโบ๊ตขับวนอยู่ใกล้เรือพ่วงของตนเอง ห่างประมาณ 5-7 เมตร ขับวนซ้ายประมาณ 3 รอบ ใกล้กับบรรทุกพ่วงที่ 2 แต่กล้องไม่สามารถมองเห็นชัดว่าในเรือมีใครหรือทำอะไรกันบ้าง เห็นแต่ขับวนอยู่เท่านั้น
หากย้อนกลับไปคืนนั้น ตนเองไม่ทันได้สังเกตว่าเรือที่แล่นผ่านฝั่งซ้ายจะเป็นเรือของใคร เพราะปกติการขับเรือใหญ่จะไม่สนใจเรือเล็ก วิ่งในเส้นทางของใครของมัน แต่ตัวเองเพิ่งจะมาทราบตอนหลัง ตอนที่ขับผ่านไปแล้ว ได้มีการดูการไลฟ์ในติ๊กต็อกว่าแตงโมพลัดตกน้ำบริเวณสะพานพระราม 7 ตนเองจึงได้นั่งดูระหว่างขับเรือ จึงนึกขึ้นได้ว่าเพิ่งจะขับผ่านมาได้ไม่ไกล
หลังจากนั้นตนเองก็ถูกประกาศตามหาตัวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะเป็นเรือที่ขับผ่านกล้องในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ จึงได้มีการเชิญตัวไปสอบปากคำ ซึ่งตำรวจได้มีการสอบปากคำประมาณ 1 ชั่วโมง เกี่ยวกับลำดับเวลาและสิ่งที่เห็น แต่ตนเองไม่ได้เห็นวินาทีว่าใครตกน้ำ เห็นเพียงแค่เรือแล่นผ่าน จากนั้นก็ไม่เห็นจากกล้องวงจรปิดที่ตำรวจกู้มาได้จากฮาร์ดดิสก์ว่ามีการขับวนอยู่ใกล้กับพ่วงเรือด้านหลังเท่านั้น ดังนั้นตนเองจึงไม่เห็นพฤติกรรมของคนที่อยู่บนเรือลำที่เกิดเหตุ
นอกจากนี้ ทีมข่าวได้รับภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพในเรือลาก เป็นกล้องวงจรปิดด้านหลังของเรือ มุมกล้องหันไปทางด้านหน้า เห็นตัวของเรือลาก และฝั่งซ้ายและขวาจะเห็นแม่น้ำเจ้าพระยา
ช่วงเวลาประมาณ 22.32 น. ของคืนวันที่ 24 ก.พ. ฝั่งซ้ายจะสังเกตว่ามีเรือสปีดโบ๊ตแล่นผ่านมา โดยเรือลำดังกล่าวได้รับคำยืนยันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วว่าเป็นเรือของปอ จากการสังเกตพบว่ามีการแล่นมาด้วยอัตราความเร็วปกติ แต่ไม่สามารถที่จะมองเห็นได้ชัดว่ามีใครอยู่ในเรือบ้าง เพราะเป็นระยะมุมไกล
ทีมข่าวยังได้มีการลงเรือหางยาว มุ่งหน้าไปบริเวณจุดที่กล้องวงจรปิดในเรือลาก ที่มีการขับผ่านในช่วงเวลาก่อนเกิดเหตุ ในคืนวันที่ 24 ก.พ. เวลาประมาณ 22.30-22.32 น. โดยจุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ใกล้กับสะพานพระราม 7 ในช่วงของคืนวันเกิดเหตุ จะมีเรือสัญจรน้อย เพราะจะมีเพียงเรือลากขนส่งสินค้าหรือเรือทราย และอาจมีเรือสปีดโบ๊ตใช้เส้นทางบ้างบางส่วน ระหว่างที่ทีมข่าวลงพื้นที่ ทราบว่าในคืนวันเกิดเหตุได้มีกลุ่มชาวบ้าน 2-3 คน ได้มาจอดเรือตกกุ้งและมักจะตกกุ้งตั้งแต่เวลา 18.00-23.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาตามที่ถูกระบุว่าแตงโมประสบอุบัติเหตุตกน้ำ ในช่วงเวลาประมาณ 22.32 น.
นายพรเทพ ทองภิลา หรือ แดง อายุ 65 ปี ชาวบ้านที่มาตกกุ้งอยู่บริเวณใกล้กับสะพานพระราม 7 ตามพิกัดของกล้องวงจรปิดที่จับภาพเรือสปีดโบ๊ตของปอแล่นผ่านเรือลากจูง เปิดเผยว่า ในวันดังกล่าวกลุ่มพรรคพวกของตนเองจะมีการแบ่งกระจายกันจอดเทียบท่าฝั่งการไฟฟ้า เพื่อที่จะตกกุ้งในเวลากลางคืน
โดยจุดแรกที่น้องชายของตนเองได้ยินเสียงคนพูดเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว ลักษณะเหมือนคนทะเลาะกัน คือบริเวณก่อนที่จะถึงวัดลุ่ม จากนั้นก็เห็นเรือสปีดโบ๊ตวิ่งขึ้นมาผ่านหน้าของตนเองขึ้นไปรอใต้สะพานพระราม 7 ก่อนที่จะย้อนกลับลงมาและขับวน แต่ในช่วงจังหวะที่ตนเองนั่งอยู่นั้นไม่ได้เห็นใครตกน้ำ จึงไม่รู้ว่าเกิดเหตุขึ้นตอนไหน เพราะในตอนกลางคืนเป็นช่วงที่มืดมาก แม้แต่ระยะสายตาห่างออกไปแค่ 4-5 เมตร ก็มองไม่เห็นกันแล้ว ดังนั้นก็ต้องใช้ไฟส่องสว่างเพื่อส่องไปที่พื้นน้ำจึงจะพอมองเห็น
และหากมีการเทียบตามภาพกล้องวงจรปิดจุดที่เห็นในกล้อง จะเป็นจุดที่อยู่ในละแวกที่ตนเองกำลังตกกุ้งอยู่ แต่ในคืนนั้นไม่เห็นความผิดปกติอะไรนอกจากเห็นเรือแล่านผ่าน และตอนที่ตกกุ้งก็ไม่ได้ยินเสียงคนตกน้ำหรือคนตะโกนร้องขอความช่วยเหลือแต่อย่างใด ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าตกจุดไหนกันแน่
ทีมข่าวได้รับ ภาพจากกล้องวงจรปิดล่าสุดอีกมุม ขณะเรือของปอแล่นกลางแม่น้ำเจ้าพระยา และจากการจับสังเกตพบว่าที่บริเวณหน้าเรือนั้น มีบุคคล 2 คนกำลังยืนกอดกัน หรือคล้ายกับตัวแนบชิดติดกัน คล้ายฉากในภาพยนตร์ดัง "ไททานิค"