ปรากฏการณ์โคลนผุด นักธรณีชี้ไม่ใช่สิ่งลี้ลับ เตือนคนแห่ขอหวย เสี่ยงจมอย่าเข้าใกล้ (คลิป)

วันที่ 30 ม.ค. 62 ชาวบ้านหนองตะนา ต.โคกกระเบื้อง อ.บ้านเหลื่อม จ.นครราชสีมา ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ดินโคลนผุดขึ้นมาในพื้นที่นาเกิดเป็นเนินสูง โดยโคลนดังกล่าวมีลักษณะเหลว ผุดไหลเหมือนลาวา ไม่สามารถทำไร่นาได้ นอกจากนี้ ภายในบริเวณเดียวกันยังมีโคลนดินผุดขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 20 จุด โดยชาวบ้านในพื้นที่หลายรายเชื่อว่าเหตุการณ์โคลนผุดที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ จึงได้นำดอกไม้ธูปเทียนไปกราบไหว้ขอโชคลาภ บางความเชื่อเล่าว่าเป็นการแสดงอิทธิฤทธิ์ของพญานาค

ด้านนายธวัชชัย เลาวัณย์ศิริ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกกระเบื้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบโคลนผุดที่เกษตรกรเจ้าของพื้นที่ได้รับผลกระทบ ไม่สามารถทำการเกษตรในพื้นที่ได้ โดยองค์การบริหารส่วนตำบลโคกกระเบื้อง ได้ทำป้ายประชาสัมพันธ์เตือนอันตราย พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ อปพร. ดูแลความปลอดภัย และจะทำหนังสือแจ้งเหตุที่เกิดขึ้นไปอำเภอบ้านเหลื่อม เพื่อขอความช่วยเหลือให้แก่เกษตรกรต่อไป

ขณะที่ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อัฆพรรค์ วรรณโกมล หัวหน้าสาขาวิชาเทคโนโลยีธรณี สำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เปิดเผยว่า ที่เห็นโคลนผุดขึ้นมาจากดิน น่าจะเป็นการไหลทะลักขึ้นมาของน้ำใต้ดิน ที่มีแรงดันในระดับตื้น ผ่านชั้นดินที่เนื้อละเอียดขึ้นมาตามรอยแตกหรือรอยแยก ผสมกันกลายเป็นน้ำโคลน ซึ่งเป็นการปรับสมดุลแรงดันของน้ำใต้ดิน และจากที่เห็นน้ำโคลนที่ผุดออกมาก็ไม่มีความร้อนแต่อย่างใด จึงไม่เกี่ยวข้องกับความร้อนใต้พิภพ ซึ่งในช่วงฤดูแล้งน้ำโคลนก็จะลดแรงดันลง และหยุดไปเอง หรืออาจจะเกิดโคลนผุดขึ้นได้อีก หากมีปริมาณน้ำไหลลงไปเติมในชั้นใต้ดิน แต่เหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นในบริเวณเดิมหรือใกล้เคียง เหมือนกับการเกิดน้ำผุดขึ้นมาจากพื้นผิวดินตามปกติ

นายสมบูรณ์ โฆษิตานนท์ ผู้อำนวยการสำนักธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อม กรมทรัพยากรธรณี เผยว่า ปรากฏการณ์โคลนผุด เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ เกิดจากมีแรงดันน้ำใต้ดิน ทำปฏิกิริยากับหินผุ จนเกิดเป็นแร่ดินชนิดหนึ่ง ขยายตัวประมาณ 5-30 เท่า จนกลายเป็นดินโคลนดันขึ้นมาตามรอยแตก หรือรอยแยกของผิวดิน และที่ผ่านมาปรากฏการณ์ดังกล่าวเคยเกิดขึ้นมาแล้วในภาคอีสาน เช่น จ.หนองบัวลำภู จ.ชัยภูมิ และไม่เกี่ยวกับความร้อนใต้พิภพ หรือสิ่งลี้ลับ

ทั้งนี้ โคลนดังกล่าวมีความเป็นด่าง หากโดนผิวหนังอาจทำให้รู้สึกระคายเคืองหรือคันได้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดนำตัวอย่างดินโคลนไปศึกษาอย่างจริงจังว่าดินชนิดนี้ สามารถนำไปใช้งานอื่นได้หรือไม่ นอกจากนี้ ฝากเตือนประชาชน อย่าเดินไปใกล้บริเวณที่ดินโคลนอ่อนนุ่ม เพราะใต้โคลนมีความลึกถึง 3 เมตร อาจเกิดอันตรายได้