กรณีทีมงานของนายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา มือปราบสัมภเวสี ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา อ้างว่ามีบุคคลแอบอ้างเป็นพระห่มจีวร อาศัยอยู่ในป่า และมีลักษณะอยู่กันเป็นกลุ่มมากกว่า 10 รูป แล้วค่อยออกบิณฑบาต จึงเกรงว่าอาจจะเป็นพระปลอมหลอกลวงชาวบ้านหรือไม่
ล่าสุดวันที่ 15 มี.ค.65 เวลาประมาณ 13.00 น. ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี รายงานว่าหมอปลา ทนายไพศาล และทีมงาน รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปะอิน เดินทางไปยังภายในพื้นที่ ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ตามที่ชาวบ้านร้องเรียน ว่ามีบุคคลแอบอ้างเป็นพระห่มจีวรนับสิบรูปอาศัยอยู่ในป่า ลักษณะมั่วสุม
แต่เมื่อไปถึงบริเวณจุดเกิดเหตุ พบว่าเป็นพื้นที่นาอยู่ในป่า ภายในพื้นที่ดังกล่าวจากการสังเกตบริเวณโดยรอบ พบพระห่มผ้าเหลือง 8 รูป ตั้งเต็นท์ผ้าใบ ปักกลด รวม 6-7 เต็นท์ ทีมงานหมอปลาและเจ้าที่ตำรวจ จึงเข้าไปขอตรวจค้น มีพระบางรูปพยายามวิ่งหลบหนี เสมือนรู้ตัวก่อนว่าจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบบางส่วน แต่ก็สามารถติดตามได้ทั้งหมด
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ใช้เวลานานถึง 2 ชั่วโมง ในการตรวจค้นตามเต็นท์จุดต่าง ๆ แต่ไม่พบของผิดกฎหมาย หรือสิ่งเสพติดแต่อย่างใด พบเพียงสมุดโน๊ต ปฏิทิน ซึ่งระบุสถานที่ต่าง ๆ ไว้ เหมือนจะเป็นสถานที่ในการออกบิณฑบาต ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงเดือนมีนาคม เช่น กิ่งเพชร เตาปูน บางบอน ห้วยขวางดินแดง ดอนเมือง โชคชัยสี่ อนุสาวรีย์ อื่นฯ
นอกจากนี้ ยังพบรายละเอียดข้อมูลที่กลุ่มบุคคลดังกล่าวจดบันทึกรายได้ปัจจัยที่ได้รับจากชาวบ้าน ตามสถานที่ต่าง ๆ หลังออกบิณฑบาต ไว้บางส่วน ตรวจสอบพบว่าพระบางรูปก็ไม่มีใบสุทธิ บริเวณโดยรอบยังพบขวดน้ำพลาสติกมีน้ำสีเหลืองคล้ายปัสสาวะอยู่โดยรอบพื้นที่ จากนั้นเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทีมงานหมอปลา ทนายความ รวมถึงผู้อำนวยการสำนักพุทธจังหวัดอยุธยา ได้ควบคุมตัว กลุ่มบุคคลดังกล่าวไปตรวจสอบกับเจ้าคณะตำบลคลองจิก อ.บางปะอิน จ.พระนครสรีอยุธยา
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ พระบรรเลง ประภาโส อายุ 38 ปี พระที่ถูกตรวจสอบ กล่าวว่า อาตมาเป็นพระเดินทางมาจากวัดโพธิชุม จังหวัดเลย มีใบสุทธิชัดเจน เดินทางมาเข้ารับการรักษาโรคปวดเข่าที่ รพ.สงฆ์ และทราบมาว่ามีพระบางรูป มาพักอาศัยตรงบริเวณนี้ จึงตามมาได้เพียง 5 วันเท่านั้น อาตมายืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้รวมกลุ่มมั่วสุม และแยกกันทำกิจวัตรของสงฆ์
ส่วนกรณีที่ไม่ไปขอจำวัดให้เป็นกิจลักษณะ เนื่องจากไม่รู้จักใครและกลัวว่า จะไม่ได้รับอนุญาตให้จำพรรษา ส่วนกรณีการไปบิณฑบาตยอมรับว่าออกไปบิณฑบาตรตามสถานที่ต่าง ๆ โดยสถานที่หลักคืออนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เดินทางโดยรถประจำทาง ซึ่งมีญาติโยมใส่ทั้งอาหารและปัจจัย แต่ก็ไม่ได้มากเพียง พอแค่ซื้อยารักษาโรค อาตมาไม่ได้ทำอะไรเสื่อมเสีย อีกทั้งไม่ได้มีการมั่วสุมยาเสพติด หรือเป็นแก๊งมิจฉาชีพอย่างที่ชาวบ้านเข้าใจกัน
หลวงพี่อีกรูป เปิดเผยว่า สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นอาตมามองว่าให้เป็นความศรัทธาของชาวบ้านแต่ละบุคคล แต่ที่ไม่พกใบสุทธิ ไม่ได้หมายความว่าไม่ใช่พระจริง แต่ไม่ใช่กิจของสงฆ์ อีกทั้ง อาตมาก็ไม่รู้รายละเอียดอะไรมาก เนื่องจากเพิ่งมาธุดงค์บริเวณจุดดังกล่าวได้เพียง 1 วัน โดยมีพระ 1 ใน 8 รูปที่รู้จักกันแนะนำมา