เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 65 นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือ ส.ส.เต้ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ นัดหมายให้นายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย มาพบที่บ้านย่านรัตนาธิเบศร์ เพื่อมอบหมายงาน หลังจากได้รับการเเต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายของพรรคฯ เเละช่วยคลี่คลายคดีการเสียชีวิตของสาวเเตงโม ก่อนจะเเถลงข่าวต่อสื่อมวล โดยมีนายวิวัฒน์ เจริญพาณิชย์ศิริ รองหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ร่วมเเถลงข่าวด้วย
นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า ทนายกฤษณะมีความเข้าใจในคดีดังกล่าว เพราะฉะนั้นหลังจากที่มีการเปลี่ยนเป็นทนายเดชา เข้ามาทำหน้าที่หลัก ข้อมูลบางอย่างของทนายกฤษณะ อาจจะไม่ถูกนำเข้าสู่กระบวนการ และตนมองว่าการมีทนายความที่ตรงไปตรงมา และมีความเข้าใจในคดีนี้เป็นอย่างดี ซึ่งตรงกับนโยบายของพรรคที่มุ่งปฏิรูปกระบวนการสืบสวนสอบสวน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม
ดังนั้น ในฐานะพรรคการเมือง เเละสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จึงเเต่งตั้งทนายกฤษณะเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมาย เพื่อทำงานนี้ให้แล้วเสร็จ เช่นเดียวกับนายอัจฉริยะ เรื่องรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เขาก็มีข้อมูลอีกด้านที่น่าสนใจ และมีประโยชน์ต่อรูปคดี ถือได้ว่าทำงานส่งเสริมกันและกัน ซึ่งในส่วนของนายอัจฉริยะ จะมีการแถลงในวันที่ 29 มีนาคม 65
นายมงคลกิตติ์ กล่าวด้วยว่า กระบวนการสืบสวนสอบสวน รวมถึงโอกาสในการหาพยานหลักฐาน ต้องมีความเท่าเทียมกัน ทั้งฝ่ายโจทก์ เเละฝ่ายจำเลย เเม้ฐานะทางสังคมจะเเตกต่าง เเต่ความยุติธรรมต้องเท่าเทียมกัน ขณะนี้ตนมีหลักฐานใหม่ ถ้าเปิดออกมาจะมีตัวละครเพิ่มเเน่นอน ส่วนกรณีที่มีคนกล่าวหาตนว่าหิวเเสง ตนมองไปที่หน้าที่ของพรรคการเมืองว่า ส.ส.มีหน้าที่บรรเทาความทุกข์ร้อน เเละแก้ปัญหาให้ประชาชน ดังนั้น จึงขอมุ่งไปที่การทำงานเพื่อประชาชน เพื่อให้ความยุติธรรมเกิดขึ้นในสังคม
กรณีการเก็บตัวอย่างคราบเลือดที่พบบริเวณประตูระบายน้ำ เพื่อให้สิ้นข้อสงสัย จะให้คณะทำงานทำหนังสือไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อนำเลือดไปตรวจว่าเป็นเลือดอะไรกันเเน่ และยังคงยืนยันข้อสันนิษฐานเดิมที่เชื่อว่าอาจเป็นการฆาตกรรม จึงต้องเดินหน้าหาหลักฐาน ทั้งนี้ ตนไม่กลัวว่าจะถูกฟ้องร้อง หรือดำเนินคดีเรื่องหลักฐานเท็จ เพราะตอนนี้ยังไม่มีใครทราบว่าอะไรจริงอะไรเท็จ จนกว่าจะถึงชั้นฎีกา
นายกฤษณะ เปิดเผยว่า ตนจะพกรูปของน้องเเตงโมไว้ในเสื้อสูทเสมอ ๆ เพราะเมื่อคิดหาอะไรไม่ได้ คิดอะไรไม่ออก ก็จะหยิบรูปถ่ายขึ้นมาดู แล้วเอามือลูบไปที่ใบหน้าของเเตงโม พร้อมกับบอกว่าให้เเตงโมช่วยดลบันดาลให้พบหลักฐาน เเล้วหลังจากนั้นก็จะทำให้ตนมีข้อมูลใหม่ ๆ อยู่ตลอด ดังนั้น ตนขอขอบคุณเเตงโมที่ช่วยให้มาพบกับ ส.ส.เต้ เพื่อเดินหน้าคลี่คลายคดี "ผมจะไม่ร้องไห้อีกเเล้ว ผมจะไม่อ่อนเเอ บางครั้งที่ผ่านมาอาจมีการกระทบกระทั่งกับบางคนที่เคยร่วมงาน ผมไม่เคยโกรธ มีเเต่ให้ความเคารพ มองที่ปัจจุบัน ไม่ขอมองเรื่องในอดีต"
นอกจากนี้ ตนขอขอบคุณ ส.ส.เต้ ที่ให้โอกาสตนได้มาอยู่จุดนี้อีกครั้ง และมีโอกาสได้เเสดงฝีมือ ตนไม่ใช่คนอ่อนเเอเหมือนเดิมเเล้ว ชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ทั้งนี้ ขอบคุณทุกคนที่ให้โอกาส ก่อนหน้านี้ยอมรับว่าอับอายเเทบไม่กล้าสู้หน้าสังคม เเต่ตอนนี้คนส่วนใหญ่ให้กำลังใจ ขอทำงานเคียงข้าง ส.ส.เต้ เพื่อหาความจริง ด้วยความศรัทธาเเละเชื่อมั่นถือว่ามีเกราะป้องกันอีกชั้น หลังจากได้เรียนรู้บางสิ่งบางอย่างมาเเล้ว "น้องเเตงโมรอพี่นะครับ พี่จะหาความจริงมาให้น้อง ถึงพี่จะยังหาหลักฐานไม่ครบถ้วน เเต่อีกไม่นานความจริงจะปรากฎ"
ส่วนทนายเดชา ตนยังมีความเคารพกันเหมือนเดิม เเละยังประสานงานกันอยู่ ซึ่งก่อนจะมารับงานกับ ส.ส.เต้ ก็ได้ปรึกษากับทนายเดชาเเล้ว เพียงเเต่เเนะนำว่าเวลาให้สัมภาษณ์อย่าพาดพิงถึงเเม่ เช่นเดียวกับความสัมพันธ์กับเเม่ของสาวเเตงโม ตนยังเคารพ เเละมีการโทรพูดคุยกันตลอด ซึ่งการมาช่วยงาน ส.ส.เต้ ก็ถือว่าได้ช่วยคดีน้องเเตงโมอีกทาง