สองคู่ซี้ตัวแม่ "บุ๋ม ตรีรัก" และ "เอ้ ชุติมา" มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show เปิดแบบหมดเปลือกทุกเรื่องราวของชีวิต "บุ๋ม" เล่าแบบเปิดอกว่าที่ตั้งใจย้ายไปต่างประเทศเพราะต้องการตัดใจเลิกกับแฟน พร้อมเคลียร์ใจเพื่อนซี้กับสิ่งที่คาอยู่ในใจมายาวนานกว่า 20 ปี พร้อมกับทุกเหตุการณ์ความรักที่เคยประสบมา
ถาม เห็นว่าความรักครั้งหนึ่งของบุ๋ม มีถึงขั้นการทำร้ายร่างกาย
เอ้ ชุติมา : เขาดูเป็นตี๋ๆ แต่งตัวเนี้ยบดูแลบุ๋มทุกอย่าง แต่ต่อให้บุ๋มสวยแค่ไหน ผู้ชายคนนี้เวลาเขาเจอใคร เขาจะมีแอบมองตลอด เขาไม่หยุด
บุ๋ม ตรีรัก : ผู้ชายเจ้าชู้ เขาไม่หยุด ถึงได้เชื่อเลยว่าต่อให้คุณหน้าตาดีอย่างไร นิสัยดีอย่างไร จริงใจกับเขาแค่ไหน เราก็พยายามปรับตัวเข้าหากับเขา สำหรับผู้ชายเจ้าชู้แล้วเขาไม่พอแค่เรา เวลาที่เราเข้ามาทำงานในวงการ ทำให้เราได้เห็น ได้รับรู้เรื่องคู่คนนั้น คู่คนนี้ เราก็เลยถามตัวเองว่าเราจะมาทนอยู่กับผู้ชายที่เจ้าชู้ไปทำไม ทำไมเราไม่เปิดโอกาส แต่กว่าที่เราจะเปิดโอกาส เราก็ทนอยู่มาแค่ 7 ปีเอง ซึ่งเราก็จับได้เยอะแยะ จับได้ทะเลาะกันอยู่ป้ายรถเมล์โมโห เราตบเขา แล้วเขาก็ตบเรา ถามว่าแรงไหม ก็แรงนะคะ หน้าหันเลย แต่วันนั้นเราก็ยังไม่จบกับเขานะคะ หลังจากนั้นก็ยังคบกันอีกหลายปีนะคะ ถ้าจำไม่ผิดนะประมาณ 2-3 ปีหลังจากวันที่ตบกันมาแล้ว แล้วหลังจากนั้นก็มีบีบคอ จำได้ แล้วที่เราขอเลิกอันนี้ก็เป็นบทเรียนเหมือนกันว่าเวลาที่จะขอเลิก ให้ขอเลิกทางโทรศัพท์ (หัวเราะ) จริงๆ เพราะว่าเวลาขอเลิก เขาอาจจะควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วเขาก็บีบคอ เราเลยรู้สึกว่าต่อไปนี้ เวลาจะเลิกกับใค รขอเลิกทางโทรศัพท์ดีกว่า ตั้งแต่นั้นมาก็เลยเลิกทางโทรศัพท์ตลอด (หัวเราะ)
เอ้ ชุติมา : เราก็จะคอยเป็นที่ปรึกษา คือเอาอย่างนี้ค่ะ คู่เอ้เป็นคู่เพื่อนสนิทกัน แต่เวลาเรื่องครอบครัวของเขาลึกๆ อย่างนี้ เราจะไม่ยุ่งจนกว่าเพื่อนจะไม่ไหวจริงๆ คนคนนี้จะโทรมาระบาย แล้วขอเจอ จะร้องไห้กอดกัน แต่ถ้าทนไหว คนนี้เป็นคนที่ไม่อยากให้เพื่อนเครียดตาม แล้วก็อยากจะเคลียร์กันเองปัญหาในบ้าน จนตอนเลิก เอ้รู้เรื่องทุกอย่าง ไม่อย่างนั้นจะเอาไว้เหรอ มาบีบคอเพื่อนฉันอย่างนี้
ถาม แล้วสุดท้ายที่ทำให้เราตัดสินใจเลิกคืออะไร มันมีเหตุการณ์หรือมีอะไรที่ทำให้เรารู้สึกว่าไม่ไหวแน่ๆ
บุ๋ม ตรีรัก : จนกระทั่งตอนหลังเรารู้ว่าผู้หญิงคนนั้นมาถึงเมืองไทย เราก็เลยรู้สึกว่าพอเถอะ เขาตามมาถึงขนาดนี้ เขาคงผูกพันกันแล้ว เราก็รู้สึกว่ามันหลายๆ ครั้งเข้า ความอดทนของเราน่าจะหมดได้แล้ว เราเลยรู้สึกว่าเรามามุ่งเรื่องงานแล้วกัน แล้วเราก็รู้ว่ามีคนมาชอบเราเหมือนกัน เราก็เลยถามผู้ชายอีกคนหนึ่งว่าได้ข่าวว่าชอบฉันใช่ไหม งั้นเรามาเป็นแฟนกันไหม ชวนเพื่อนมาเป็นแฟน เหมือนเราอยากจะประชดเขาบ้าง
เอ้ ชุติมา : เอ้ก็บอกว่าระวังนะบุ๋ม หนีเสือปะจระเข้นะ ระวังดีๆ นะ บุ๋มเขาก็บอกเราว่าไม่ต้องห่วง บุ๋มสกรีนคนนี้แล้วเอ้ คนนี้โอเค
บุ๋ม ตรีรัก : เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีนะคะ อย่าประชดอันนี้ก็คือโดนกับตัวเอง
ถาม แปลว่าเราผ่านจากคนนี้ เราบ๊ายบายเขาแล้วเริ่มกับคนใหม่ ตอนนั้นไม่ได้เริ่มต้นด้วยความรักมันเริ่มจากความประชด แค่อยากมีคนใหม่เพื่อให้จบ
บุ๋ม ตรีรัก : ใช่ค่ะ เจ้าชู้ดีนักใช่ไหม ฉันก็มีคนอื่นได้นะ เสร็จแล้วเห็นว่าเพื่อนเราคนนี้ก็มองเรามานาน เท่าที่เรารู้สึกเราก็เลยถามเขาว่าได้ข่าวว่าชอบเราเหรอ มาเป็นแฟนกันไหม เขาก็โอเค เลยได้คบกัน แล้วก็เป็นแฟนกันจริงๆ ต่ออีก 7 ปี ก็เพราะถามอันนี้แหละค่ะ ถึงได้เป็นที่มาของเพลง มีแฟนหรือยังจ๊ะ ที่พี่ซุป แต่งให้ เพราะตอนมาเป็นศิลปินคีตา เขาจะให้เราเขียนประสบการณ์ความรักระหว่างแฮปปี้กับอกหัก ก็เลยออกมาเป็นเพลงนี้ มีแฟนหรือยังจ๊ะ ซึ่งตอนที่เราคบกับเขา เราคบกันเขาน่ารักมาก หน้าตาดีด้วย หล่อมาก แต่งตัวดีมาก คือดูแลเราเหมือนเจ้าหญิงเลย ถือของให้ เปิดประตูให้ ถือรองเท้าให้เราด้วย เราก็ถึงได้หลงเขาไปเลย อยากทานอะไร เขาก็ไปหาซื้อมาให้ทำให้เรา คือจริงๆ แล้วผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่งที่เข้ามาทำงานในวงการตั้งแต่เด็กๆ เนี่ย ไม่ได้ต้องการอะไรเลย ต้องการแค่นี้ แล้วก็ไปทำงานด้วยกันได้ เพราะเราอยู่ในวงการเดียวกัน เราจะมีเก้าอี้ให้เขานั่ง ถ้าเป็นแฟนนอกวงการเนี่ย เราเคยมีแฟนนอกวงการมาก่อน แฟนคนแรกของเรา เราเลยรู้ว่าเวลาเราไปไหนแล้วไม่มีพื้นที่ให้เขาอยู่รอเราทั้งวัน เพราะฉะนั้นเวลามีแฟนในวงการแล้วสะดวกดีไปไหนด้วยกันได้ตลอดเลย ตอนนั้นก็แฮปปี้ดีค่ะ
เอ้ ชุติมา : เวลาที่บุ๋มเขามีแฟน โลกของเขาจะเป็นสีชมพู เขาจะไปด้วยกันตลอดตัวติดกันมากๆ กับแฟน เพราะเขาคอยดูแลกัน นานๆ จะกินข้าวกัน เพราะเวลาที่บุ๋มเขามีแฟน เขาก็จะใส่ใจครอบครัว ดูแลเรา ก็จะชวนแค่เวลาไปต่างจังหวัด ไปเที่ยวกันบ้าง แต่เวลาอยู่กับแฟน เขาถ่ายละคร ทำงานถ่ายแบบทุกวัน ผู้ชายก็มีเก้าอี้ตัวหนึ่งไปนั่งเฝ้าเขาทุกวัน เขาน่ารักมากเลยนะคะ เขาใส่ใจบุ๋มมาก คือถ้าบุ๋มต้องการอะไรเขาก็จะไปหาซื้อมาให้บุ๋มนะ เราก็มองว่าตายแล้วบุ๋มแกโชคดีมากเลย
บุ๋ม ตรีรัก : เพราะเวลาที่บุ๋มทำงานเสร็จ กลับบ้านเราก็เหนื่อยแล้วค่ะ
ถาม แล้วทุกอย่างมันดีมาตลอดเลย แล้วมันเปลี่ยนตอนไหน แต่ๆ มาตอนไหน แล้วตอนที่ตั้งใจจะไปเรียนต่อต่างประเทศนั้นคือตั้งใจจะแยกกับแฟน?
บุ๋ม ตรีรัก : ค่ะ เพราะว่ามันถึงเวลามั้งคะ (ถาม ความรู้สึกที่เคยตื่นเต้นเร้าใจ ความสุข อิ่มเอมไม่มีแล้วไหม) มันมีทุกอย่างแต่เรารู้อย่างเดียวว่าเพราะเขาไม่ผิดเขาไม่ได้มีใคร ถ้ายังอยู่ประเทศเดียวกัน เราเลิกกับเขาไม่ได้ เพราะเราก็รัก เราก็ตัดใจจากเขาไม่ได้ เพราะฉะนั้นมีทางเดียว เราไปเรียนต่อดีกว่าและเราก็อยากจะไปเรียนต่ออยู่แล้วด้วย เราอยากไปใช้ชีวิตต่างแดน เราอยากทำงานกับชาวต่างชาติ ประสบการณ์ชีวิต เราอยากพูดภาษาอังกฤษได้ เพราะตอนนั้นพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย
ถาม แล้วตอนนั้นไม่เสียดายงานเหรอ เพราะว่าตอนนั้นงานเยอะมาก
บุ๋ม ตรีรัก : ตอนนั้นเรารู้สึกว่าทำงานในวงการมาตั้งแต่วัยรุ่นแล้ว ตั้งแต่ 19-20 ปี แล้วตอนนั้น 32 ปี เรารู้สึกว่าเราโอเคแล้ว ถึงจุดอิ่มตัวที่เรายังมีอะไรอีกมากมายที่เราอยากทำ อยากแตกต่างก็เลยตัดสินใจไปดีกว่า แต่เขาก็ยังอยู่บ้านเรานะ เพราะว่าเราก็ซื้อบ้านอยู่ด้วยกัน พอเสร็จแล้วเราไปได้ 3 ปี เขาก็ถามเราว่าจะกลับมาไหม ถ้าไม่กลับมา เขาขอไปมีชีวิตใหม่นะ เราก็นึกในใจว่าถึงวันสักที รอมาตั้งนาน เราก็อยู่ที่โน่น เราก็โทรคุยกันได้เลย เราก็ไม่ได้คิดอะไร หลังจากนั้นเอะใจ เราก็เลยโทรมาเช็ก เพราะว่าเรายังมีภาระผูกพันกันอยู่ ก็คือบ้านเราที่เราซื้อเพื่ออยู่กับเขา เราไปค้ำประกันรถเขา เราก็เลยเอะใจ เลยโทรศัพท์ไปถามธนาคารว่าชื่อนี้เคลียร์เรียบร้อยหรือยัง เขาบอกว่าดีเลยนะคะที่คุณบุ๋มโทรมา เพราะว่าบ้านกำลังจะโดนยึด เขาไม่ได้ผ่อนรถมา 6 เดือนแล้ว โอ้โห ทำอย่างไรดี ฉันก็อยู่อเมริกา ตอนนั้นปรี๊ดแตกเลย บ้านเกือบโดนยึดแล้ว เราก็มีบ้านหลังนี้ให้ครอบครัวเราอยู่แค่นี้เอง และเราก็ไม่ใช่คนรวยอะไร เราแค่ไม่มีหนี้ ฐานะพอกินพอใช้สบายๆ แล้วเราเอะใจ ก็โทรศัพท์ไปอีกธนาคารหนึ่งที่ซื้อที่ดินร่วมกัน ก็กะเป็นเรือนหอว่าอย่างนั้นเถอะ ก็ซื้อแล้วก็ผ่อนด้วยกัน แต่พอดีเราจะไปโน้น เราก็บอกว่าเราไม่ผ่อนแล้ว เราให้เขาเงินที่ผ่อนด้วยกัน เงินต้นเราให้เขาหมด เขาบอกว่าเขาจะเอาเขาจะผ่อนต่อ เราก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะ 3 ปีมาแล้ว คิดดูดอกเบี้ยเท่าไหร่ที่ไม่ได้ผ่อนเลย เราก็ไม่ได้ผ่อนด้วยหนี้ร่วมสิเนี่ย เราก็ได้ปรึกษาเพื่อนรุ่นพี่ เพราะเราก็ไม่สะดวกก็เลยมอบอำนาจทนายความให้เขาดำเนินเรื่องไปก่อน ก็เลยจบกันที่ว่าเขาก็ไปเคลียร์รถของเขา บ้านเราก็ไม่โดนยึดแล้ว
ถาม แล้ววินาทีแรกที่บุ๋มกลับมาเมืองไทย ได้เจอหน้าเอ้ครั้งแรก วินาทีแรกที่ได้เจอหน้ากันเป็นอย่างไร
เอ้ ชุติมา : เขาก็ยืนนิ่งเฉย แต่ในใจเราตึกตักอยากจะถามเพื่อนว่า (บุ๋มปาดน้ำตา) แก ฉันผิดอะไรแกหายไป 20 ปี ฉันแอบถามตลอดว่าแกเป็นอย่างไร แกโอเคไหม แกไม่เคยห่วงฉันเลยเหรอว่าฉันเป็นอย่างไร แกจะไม่คบกับฉันก็ได้นะ แต่ฉันก็ยังรักแกเหมือนเดิม คือเอ้เป็นคนรักเพื่อนแล้วรักเลย นิสัยเป็นคนแบบนี้จริงๆ เสร็จบุ๋มก็เฉยๆ ยืนนิ่งเลย โคตรเจ็บ นี่เพื่อนนะ เราเป็นเพื่อนสนิทนะ สิ่งที่เราอยากจะถามเขาไม่กล้าถามอะไรเลยนั่งมองแล้ว เฮ้ย!! บุ๋มมองหน้าเราเหมือนไม่ใช่เพื่อนสนิท 20 ปีที่เราอยากคุยกับเพื่อน บุ๋มโคตรนิ่ง เราก็คิดในใจ เลิกคบก็เลิก จะได้ตัดเลยไม่มีเพื่อนอย่างนี้แล้ว ตัดเลยจบเลยจริงๆวันนั้น
ถาม แล้วคำพูดประโยคแรกที่ได้พูดกันคืออะไรใครเป็นคนพูดก่อน
บุ๋ม ตรีรัก : ก็ทักเขาเหมือนเพื่อนทั่วไปค่ะ เมื่อกี้บุ๋มฟังเขานะ แล้วบุ๋มก็นึกถึงวันนั้นที่เราเจอเขาวันแรกพร้อมศิลปินคีตาทุกคน เออเนอะ ฉันนิ่งจริงๆ วันนั้น เหมือนเขาเป็นเพื่อนศิลปินทั่วไป เหมือนไม่ใช่เพื่อนสนิทกันเลย เมื่อกี้ที่ฟังเอ้ ก็เลยนั่งนึกถึงวันนั้นก็ยอมรับว่าเราใจดำจริงๆ
เอ้ ชุติมา : แต่ฉันไม่พูดเพราะไม่อยากให้เขาเสียใจ
บุ๋ม ตรีรัก : เขาไม่เคยพูด ไม่เคยทัก ไม่เคยต่อว่า นี่คือครั้งแรกที่เขาพูด
เอ้ ชุติมา : ก็มันน้อยใจ บอกแล้วว่ามารายการนี้จะพูด อยากพูด (บุ๋ม ดึง เอ้ มากอด)
ถาม แล้วหลังจากวันที่ได้ขึ้นเวทีตรงนั้น วันที่เราไปซ้อมกัน มีโอกาสได้เข้ามาเคลียร์กันถึงสิ่งที่มันเกิดขึ้น 20 ปีนั้นไหม
บุ๋ม ตรีรัก : บุ๋มไม่ได้พูดถึงเลย (ถาม เอ้เองก็ไม่ได้ถาม?) เนี่ยค่ะ ครั้งแรกเลยที่เขามาพูดแบบน้อยใจ เขาไม่เคยเลยนะ คิดดู บุ๋ม กลับมาตั้ง 2 ปีแล้ว แถมร่วมงานกัน จำได้ไหมตอนนั้นที่ทำสบู่ช่วยเหลือทางโรงพยาบาล สบู่สู้โควิด ทำโปรเจกต์นี้ เจอกันทุกอาทิตย์ เอ้ก็ไม่เคยบ่น ไม่เคยบอก ไม่เคยทวงถามความรู้สึกเลย จนบุ๋มไม่รู้เลยว่าเขาน้อยใจ เสียใจขนาดนี้
เอ้ ชุติมา : คิดดู ทำอย่างไรให้ได้คุยกับบุ๋ม ได้เจอแล้วอยากเคลียร์กับเพื่อน ไม่ว่าบุ๋มจะไปสบู่ต้านโควิด จะไปที่ไหน กี่โรงพยาบาลก็ตาม ต่อให้มีคิวละคร คิวงานอยู่ เอ้ยกเลิกหมด เอ้ยุ่งมาก งานเยอะมาก แต่ขอทุกอย่างเพื่อตรีรัก อยากคุยกับเพื่อน อยากจะถามแต่ไม่อยากให้เพื่อนเสียความรู้สึก
บุ๋ม ตรีรัก : ไปด้วยกันทุกงาน 10 อาทิตย์ แต่เอ้ก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลย
เอ้ ชุติมา : ไม่พูดเลยเพราะเราไม่อยากให้เพื่อนคิดมากและพยายามจะแบบเมื่อไหร่บุ๋มจะพูด เมื่อไหร่บุ๋มจะรู้สึกเหมือนที่เอ้เคยเป็นเพื่อนบุ๋มมาก่อน เมื่อไหร่จะรู้สึกอย่างที่เพื่อนคนนี้ให้ใจ 100 เปอร์เซ็นต์กับเขา เขาให้ใจเอ้ไม่เหลือ 3-5 เปอร์เซ็นต์หรือเปล่าไม่รู้แล้วก็ไปทุกครั้งนะ 10 โรงพยาบาล (น้ำตาคลอ) จนมารู้สึกตัวโรงพยาบาลที่ 8 เขาบอกเราว่าแกมากับฉันทุกโรงพยาบาลเลย ฉันเกรงใจ เราก็บอกว่าบุ๋ม เราคือเพื่อนกันจะเกรงใจทำไม ไม่ต้องเกรงใจ แกอยู่ที่ไหนฉันอยู่ที่นั่น ไม่ว่าจะมีงานอะไร ฉันก็จะไปเป็นเพื่อนแก เพราะแกอาจจะไม่ชินกับเมืองไทย แกอาจจะยังไม่เข้าใจว่าจะต้องพูดอย่างไร ฉันจะคอยช่วยพูดให้จนโรงพยาบาลที่ 8
บุ๋ม ตรีรัก : เพิ่งจะสำนึก พูดตรงๆ ประโยคนี้แล้วกัน เพิ่งจะสำนึกน้ำใจเพื่อนคนนี้ ก็เลยโทรไปบอกว่าเอ้ เราประทับใจมากเลยนะ เราไม่คิดเลยว่าตัวเองจะเหมือนเดิมกับเราขนาดนี้ เพราะเราก็รู้ว่าคิวเขาแน่น เขาส่งคิวมาให้บุ๋มทียาวมากทั้งเดือ นแทบไม่มีวันหยุดเลย แล้วเขายังไปสลับคิวคนนั้นคนนี้ เพราะเราต้องไปทุกอาทิตย์ 10 โรงพยาบาล จนเราเริ่มรู้สึกผิด เพื่อนคนนี้ให้ใจเราขนาดนี้ จนเราบอกแม่ เอ้ เหมือนเดิมอะแม่ เอ้ ไม่เคยเปลี่ยนเลย เป็นคนมีน้ำใจอย่างไร 20 ปีต่อมา เอ้ก็เหมือนเดิมกับบุ๋ม เลยเริ่มรู้สึกแย่ คือเราเริ่มรู้สึกผิดไปแล้วว่าเรานิสัยไม่ดีกับเพื่อน ใจร้ายใจดำนะ บุ๋ม ตรีรัก สมัยก่อนนะ สมัยตอนนี้ดีขึ้นแล้วนะ
สามารถชมคลิปย้อนหลังรายการ CLUB FRIDAY SHOW ทางยูทูบ
https://youtu.be/kmWE-ZYbC9M
https://youtu.be/bbQkZKJMwjI
https://youtu.be/rahAMGR36jA
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ดีเจอ๋อง เปิดความลับบางสิ่งที่ไม่ขอทำให้ ดีเจดาด้า ถึงแม้สนิทแค่ไหนก็ตาม
- หยุดตรงนี้ที่เธอ!! ต๊ะ วริษฐ์ เจอรักแท้ที่ตามหา แฮปปี้มากเพราะมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ
- ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี! เติ้ล ธนพล ควง นิวนิว เอวเด้ง เปิดใจถึงความรักที่แฟนสาวทุ่มเทให้