บุกกุฏิพระขมังเวทย์ชิงเมียคนอื่น ผัวร่ำไห้เห็นรูปเมียลงอาคม ซ้ำพ่อตาขอ 4 แสนยกให้พระ (คลิป)

กรณีนายศิริวัฒน์ (นามสมมติ) อายุ 41 ปี ร้องเรียนนายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา มือปราบสัมภเวสี อ้างว่ามีพระสงฆ์รูปหนึ่งซึ่งจำวัดอยู่ภายในพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ตั้งตัวเป็นเกจิอาจารย์ และมีลูกศิษย์จำนวนมาก แต่แอบคบกับน.ส.พราว (นามสมมติ) อายุ 35 ปี ภรรยานานกว่า 1 ปีแล้ว

โดยทุก ๆ ครั้งที่ไปพบกัน พระรูปนี้จะแปลงโฉมเป็นฆราวาสไปหาฝ่ายหญิง โดยที่พ่อแม่ฝ่ายหญิงก็รับรู้มาตลอด เพราะพระรูปดังกล่าวช่วยปลดหนี้ให้ และคอยให้เงินไว้ใช้จ่ายภายในครอบครัว โดยมีหลักฐานเป็นรูปถ่ายฝ่ายหญิงคู่กับพระ และวิดีโอคอลพูดคุยกับพระ และคลิปเสียงที่พระพูดคุยกับฝ่ายหญิง แม้ว่าฝ่ายหญิงจะขอตีตัวออกห่าง แต่พระกลับไม่ยอม

นอกจากนี้ ยังพบว่าพระรูปดังกล่าวแชตไปข่มขู่ฝ่ายหญิง หากจะเลิกกันจะขอเงินคืน ซ้ำขู่ว่ามีปืน ฝ่ายหญิงจึงย้ำว่า "อยากเลิก อยากรู้จักในฐานะอื่นมากกว่า" 

ล่าสุดวันที่ 21 มี.ค. 65 เวลา 09.30 น. หมอปลา พร้อมด้วยทนายกฤษฎา โลหิตดี พาตัวนายศิริวัฒน์ บุกไปที่วัดดังกล่าว เพื่อจะเปิดโป่งพระพี ซึ่งเมื่อเดินทางไปถึงวัดก็พบกับลูกศิษย์วัด ชี้ทางเดินเข้าไปที่กุฏิ แต่ถูกปิดล็อก 2 ชั้น และมีป้ายเขียนว่า “ไม่อยู่” จากการสังเกตคาดว่าพระไม่ได้จำวัดอยู่ที่กุฏินานแล้ว เนื่องจากบริเวณหน้ากุฏิมีแต่ใบไม้และเศษฝุ่นเต็มไปหมด

จากนั้นหมอปลา ขอเข้าพบกับพระปลัดสน ฐิตธัมโม เจ้าอาวาสวัดหนองเตย แต่ระหว่างที่รอเจ้าอาวาสวัด หมอปลา เปิดเผยว่า แชตที่หญิงคนดังกล่าวคุยกับพระ ตนมองว่าผู้หญิงมีพฤติกรรมไม่ธรรมดา เป็นนักแสดงย่อมใช้คำพูดหว่านล้อมให้ความหวังทั้งกับสามีและพระรูปนี้ เพื่อต้องการทรัพย์สินหรือสิ่งของที่ต้องการ ส่วนกรณีที่ฝ่ายหญิงอ้างว่าถูกทำคุณไสย ตนมองว่าไม่เป็นความจริง น่าจะถูกอย่างอื่นมากกว่า จึงอยากจะฝากว่าเรื่องน้ำมันพราย คุณไสยไม่มีจริง ประชาชนอย่าได้หลงเชื่อให้เสียเงินเปล่า 

นายศิริวัฒน์ ผู้ร้องเรียน กล่าวชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เจ้าอาวาสฟัง โดยบางช่วงก็ร้องไห้ไปด้วยพูดไปด้วย ก่อนที่ทนายโนบิ จะแจงข้อกฎหมายให้เจ้าอาวาสทราบ โดยเจ้าอาวาส ยอมรับว่า พระรูปนี้เป็นพระลูกวัดจริง ยังไม่ได้สึก มักจะมีพฤติกรรมชอบข่มขู่มาประมาณ 2 ปี อาตมาไม่กล้าเข้าไปตักเตือนหรือสั่งสอน เนื่องจากอาตมาไม่ใช่คนในพื้นที่ จึงตัดออกจากสารบบของวัด

ส่วนพระรูปดังกล่าวนั้นเป็นคนในพื้นที่ มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย และบวชมาได้ 5 พรรษา หลังเตือนและตัดออกสารบบวัด อาตมาก็ไม่ได้ใส่ใจ จะไปไหนก็ไม่ได้มาขออนุญาต ส่วนจะมีพฤติกรรมอะไรกับสีกาที่ไหน อาตมาก็ไม่ทราบมาก่อน และไม่ทราบว่าออกไปปลุกเสกคุณไสยที่ไหน สำหรับพฤติกรรมที่ทนายให้ดูตามภาพ อาตมาก็เห็นชัดว่ามีความผิด

นอกจากนี้ นายศิริวัฒน์ ผู้ร้องเรียน พยายามติดต่อภรรยาของตัวเอง แต่กลับไม่มีใครรับสาย ก่อนที่ทีมข่าวจะพยายามประสานไปยังสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดนครนายก แต่เจ้าหน้าที่ปฏิเสธแจ้งเพียงว่าผู้อำนวยการฯ ติดภาระกิจการสอบออนไลน์ 

จากนั้นหมอปลา ต่อสายโทรศัพท์เข้าไปร้องเรียนอีกครั้ง เจ้าหน้าที่รับสายแล้วบอกว่ากำลังติดต่อเจ้าคณะตำบล หมอปลา พยามถามย้ำว่า จะเดินทางเข้ามาตรวจสอบที่วัดหรือไม่ เจ้าหน้าที่ อ้างว่าสำนักพุทธฯ กำลังรอพูดคุยกับคณะสงฆ์ จึงทำให้หมอปลาเริ่มไม่พอใจว่าจะรอคุยทำไม และเรื่องจะจบวันนี้หรือไม่ แม้จะไม่ใช่ผู้อำนวยการฯ  แต่เจ้าหน้าที่ก็กินเงินเดือนจากภาษีประชาชน ไม่มีอำนาจการตัดสินใจเลยหรืออย่างไร พร้อมตั้งคำถามว่า "บุคลากรไม่พอหรือ" ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะยอมรับว่า "ค่ะ" จากนั้นหมอปลา ขอเบอร์โทรศัพท์ติดต่อผู้อำนวยการฯ แต่เจ้าหน้าที่ แจ้งว่า "ผอ.สอบอยู่ค่ะ"

นายศิริวัฒน์ กล่าวทั้งน้ำตาว่า ความรู้สึกของตนตอนนี้แย่มาก ๆ ทั้งที่ 2 วันก่อนภรรยายังอยู่กับตน และตนมาทราบภายหลังว่าทุก ๆ ครั้งที่กลับบ้านเขาจะถูกตบตี ไม่ทราบว่าถูกบังคับขู่เข็ญจากพ่อแม่ให้ออกไปกับพระรูปดังกล่าวหรือไม่ ถามว่าทำไมตนยังรักภรรยา ก็เพราะว่าความรักไม่มีเงื่อนไข แต่คำโกหกที่ได้รับจากภรรยา ทำให้รู้สึกแย่

"ต้องเอามารศาสนาออกไป เพราะสิ่งที่พวกเขาทำ ล้วนเป็นการทำร้ายผมและครอบครัว ผมยืนยันเอาเรื่องให้ถึงที่สุดครับ เพราะตอนนี้สิ่งที่ภรรยาทำคือการหลอกกันครับ" นายศิริวัฒน์ กล่าว 

ต่อมาหมอปลา ได้ขออนุญาติเจ้าอาวาสวัดหนองเตย และญาติของพระพี เข้าไปตรวจค้นภายในกุฏิ โดยมีกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครนายก และเจ้าหน้าที่จากสำนักพระพุทธศาสนา ร่วมเป็นสักขีพยาน พบว่าข้างกุฏิมีขวดเหล้าจำนวนหลายขวดทิ้งไว้ หมอปลาจึงได้พิสูจน์ด้วยการดม

เจ้าอาวาสวัดหนองเตย พร้อมทั้งญาติของพระพี กำนันร่วมเป็นสักขีพยานในการเข้าไปในกุฏิ โดยประตูหน้าห้องล็อกกุญแจทั้งด้านในและด้านนอก ทุกคนจึงช่วยกันใช้ค้อนทุบกุญแจ และพยายามใช้มือกระชากประตูจนเปิดออกได้

เมื่อเข้าไปด้านในก็พบเจอโต๊ะหมู่บูชา ที่มีพระเครื่อง ตั้งวางอยู่จำนวนมาก มีทั้งรูปปั้นฤๅษีทรงประหลาดหลายองค์ ขณะตรวจค้นพบรูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว จำนวน 2 รูป พร้อมเครื่องลางของขลัง เช่น น้ำมันพรายที่คาดว่าทำมาจากน้ำมันงาผสมน้ำมันมะกอก ขี้ผึ้งควายธนู เส้นผม ผ้ายันต์ รูปภาพผู้หญิง ตะปูตอกผาโรง เถ้ากระดูกคนตาย พริกกับเกลือสาปแช่ง และดิน 7 ป่าช้า คาดว่าใช้ทำมวลสาร แต่สิ่งที่ทำให้นายศิริวัฒน์ เจ็บปวดมากที่สุด เพราะไปเจอรูปภรรยา เป็นรูปสวมใส่ชุดข้าราชการ และรูปใบที่สองถ่ายคู่กับพระพี ซึ่งมีการเขียนยันต์ไว้ด้านหลังรูปทั้ง 2 ใบ พร้อมวันเดือนปีเกิด นอกจากนี้ยังพบเสื้อผ้าฆราวาส พร้อมกางเกงในด้วย

หมอปลา กล่าวยืนยันว่า ในกุฏิไม่ได้มีของวิเศษอะไร เป็นเพียงความเชื่อของพระรูปเดียวเท่านั้น เพราะตั้งแต่เข้ามาค้นก็เจอแต่เครื่องรางสายดำ ไสยศาสตร์ ทั้งตะปูตอกฝาโรงศพ หุ่นยนต์ น้ำมันพราย ขี้ผึ้งควายธนู และมีรูปผู้หญิง คาดว่าอาจจะเกี่ยวกับการทำเสน่ห์ เพราะมียันต์อยู่ด้านหลัง พฤติกรรมแบบนี้เป็นของลวงโลกที่เอาไว้หลอก คนที่คลั่งไสยศาสตร์ และคาดว่าน่าจะเป็นคนบ้าด้วย

นายจีรศักดิ์ พ่วงชื่น อายุ 59 ปี ลุงของพระพี เปิดเผยว่า ในช่วงที่พระพีบวช ก็นาน ๆ เจอกันที เพราะหลังจากบวชเมื่อปี 2558 พระพี ก็ไม่ค่อยออกกิจนิมนต์ และตนก็ไม่ได้เข้ามาทำบุญที่วัดก็เลยไม่ได้เจอกัน สำหรับวัดนี้มีชื่อเสียงเสียมานานแล้ว ไม่ใช่เฉพาะพระพี ส่วนการรื้อกุฏิเจอเครื่องรางของขลังมากมาย ส่วนตัวไม่รู้เรื่องเลยรู้แค่ว่าพระพี มีลูกศิษย์มากมาย เป็นแบบนี้มากว่า 6 ปีแล้ว และพระพี ก็ไม่เคยกลับไปดูแลแม่เลย อย่างไรก็ตาม ตนทำใจมานานแล้ว หน่วยงานใดจะจัดการก็เชิญเพราะเป็นเรื่องที่ดี เอาของเลว ๆ ออกจากวัดไปให้หมด และอยากให้เข้ามาตรวจสอบบ่อย ๆ โดยเฉพาะจังหวัดนครนายก

เวลา 17.30 น. หมอปลาและทีมข่าวเดินทางมาถึงหน้าบ้าน น.ส.พราว (นามสมมติ) พยายามเรียกหาแต่กลับไม่มีเสียงใครตอบรับ จากนั้นนายศิริวัฒน์ ผู้ร้องเรียน ตะโกนเรียกทั้งน้ำตา แต่ก็ไม่มีใครเปิดประตูออกมา ใจความช่วงหนึ่ง ระบุว่า “โบวี่ ตาแต้ม ยายหลอด เปิดประตูเถอะให้ผมเถอะ ผมมาเที่ยวหาลูก ผมขอร้อง”

ทั้งนี้ หมอปลา ยังได้เดินทางไปที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครนายก แต่เมื่อไปถึงก็พบว่าผู้อำนวยการฯ กำลังนั่งสอบออนไลน์ จึงมีเจ้าหน้าที่ออกมารับหน้าที่แทน หมอปลาจึงชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ทันทีว่า ถ้าไม่มีผู้อำนวยการฯ เจ้าหน้าที่คนอื่นทำงานกันไม่ได้หรือ หากวันใดวันหนึ่งผู้อำนวยการฯ ป่วยแล้วจะจ้างเจ้าหน้าที่คนอื่นไว้ทำไม หากตัดสินใจแทนเองไม่ได้ เอาภาษีไปทำอย่างอื่นดีกว่า

"วันนี้ผมไม่มีเงินเดือน แต่ต้องรีบทำ เพราะไม่สามารถปล่อยมารศาสนาไปได้ วันนี้ไม่เจอตัว แต่วันนี้พบว่าเจ้าอาวาสยังกลัวพระรูปนี้เลย จึงอยากให้รีบดำเนินการนะครับ ขอให้ทางสำนักพุทธฯ มองเรื่องนี้เป็นทองต้องรีบคว้าไว้" หมอปลา กล่าวทิ้งท้าย

ในระหว่างที่รอสำนักพระพุทธศาสนา เตรียมที่จะเดินทางไปวัดหนองเตยพร้อมกัน นายศิริวัฒน์ ยังได้เปิดคลิปเสียงที่คุยกับคนข้างบ้าน เมื่อเวลา 10.20 น. ระหว่างทางที่ขับรถตามมาบุกจับพระให้ทีมข่าวและหมอปลาฟัง โดยมีใจความยืนยันว่าภรรยาอยู่กับพระรูปดังกล่าว พร้อมกับครอบครัวของฝ่ายหญิงมีการพูดคุยถึงเงินค่าดองหลักแสน