ทนายดังมาแน่ อีกไม่นานโผล่ช่วยปอ แม่คุย “เดชา” สั่งกำราบกฤษณะหยุดจ้อ (คลิป)

21 มี.ค. 65

วันที่ 21 มี.ค. 65 ที่ห้องประชุมตึก 1 อาคารอาทิตย์อุไรรัตน์ มหาวิทยาลัยรังสิต มีการจัดเสวนาหัวข้อ ความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรม กรณีแตงโม-นิดา จมน้ำเสียชีวิต โดยมีทนายเดชา กิติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ และทนายของแม่แตงโม รวมถึง รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล ผู้ช่วยอธิการฝ่ายรักษาความสงบเรียบร้อย และประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยา และการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต, รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ร่วมเสวนา

762192

ทนายเดชา กิติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ และทนายของแม่แตงโม ต่อสายโทรศัพท์ไปยังนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของแตงโม บอกกับทีมข่าวว่าเรื่องของทนายกฤษณะที่ถูกปลดจากทนายในคดี ได้มีการปรับความเข้าใจกันแล้ว และยังมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน เพียงแค่ว่าไม่ให้มีส่วนเกี่ยวข้องกับทางคดีความ เนื่องจากประสบการณ์น้อย และตอนนี้ก็ให้ทนายเดชาเป็นผู้ดูแลแต่เพียงผู้เดียวแล้ว

282155

ส่วนการที่ทนายกฤษณะไปออกรายการโทรทัศน์ก่อนหน้านี้ ก็ได้มีการขออนุญาตแล้ว ตนเองก็เชื่อว่าจะอดใจไม่พูดถึงคดีของแตงโมไม่ได้ พรุ่งนี้มีการนัดแนะกันว่าจะให้ทนายกฤษณะนำใบแต่งตั้งทนายความมามอบคืนให้ และรู้สึกดีใจที่เห็นทนายกฤษณะไปร่วมด้วยช่วยกันกับ ส.ส.เต้ มงคลกิตติ์ ซึ่งเชื่อว่าจะเพิ่มพูนประสบการณ์ให้ตัวเอง "แม่ไม่เคยพูดว่าปลดทนาย แต่เป็นการยุติบทบาทหน้าที่เท่านั้นเอง"

ประเด็นเรื่องความเชื่อมั่นกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนให้ความเชื่อมั่นอย่างเต็มที่แบบที่ไม่ต้องให้เปอร์เซ็นต์ เพราะตนเห็นการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีความทุ่มเท และตั้งใจที่จะสืบค้นหาความจริง เช่นตอนที่พบศพตนต้องการเห็นหน้าลูก เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีการประสานไปยังกู้ภัยให้วนรถกลับมาที่ สภ.นนทบุรี และในส่วนของการนำศพไปชันสูตร ที่สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ ก็เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ตำรวจ

383555

ทนายเดชา กิติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ และในฐานะทนายของแม่แตงโม บอกถึงปมการที่แซนอ้างว่าแตงโมมีการไปปัสสาวะท้ายเรือ ผลตรวจผ้าอนามัยไม่พบคราบปัสสาวะนั้น มองว่าไม่มีผลกับทางคดี เนื่องจากอาจจะปัสสาวะจริงแล้วไม่มีคราบเพราะเจือปนกับน้ำเลยตรวจไม่พบก็ได้ ซึ่งหลักฐานทางคดีที่ตำรวจมีมากกว่า ที่จะมีผลต่อการเปลี่ยนรูปคดี

และหลักฐานนั้นก็มีการรวบรวมไว้จนมีความคืบหน้าเกือบจะ 90% แล้ว โดยขณะนี้ยังเป็นในเรื่องของอุบัติเหตุอยู่ ในส่วนของ 10% ที่เหลือ ถ้าตำรวจมีพยานหลักฐานอื่น ๆ ที่จะไปถึงให้ข้อหาอื่น เชื่อว่าสามารถเปลี่ยนข้อหาได้ รวมถึงสถานะคนบนเรือก็อาจจะเปลี่ยนไปได้ ตราบใดที่ยังไม่มีการปิดคดีความ ในกรณีนี้ต้องขอย้ำว่าถ้าพยานหลักฐานไปถึง

นอกจากนี้ ตนยังมีกระแสข่าวลับว่าฝั่งคนบนเรือจะมีทนายดังที่มีชื่อเสียงเข้ามาให้คำปรึกษาและช่วยดูคดีความ มองว่าเป็นเรื่องปกติ ถ้าให้คำปรึกษาไม่ได้ ช่วยเหลือไม่ได้ ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเปลี่ยน เพราะไม่มีใครอยากติดคุก ส่วนจะเป็นใครให้สังคมรอดู เรื่องสังคมโซเชียลที่มีการพาทัวร์มาลง ตนไม่ได้สนใจคนพวกนี้ เพราะเขาไม่ได้มาเห็นกระบวนการและหลักฐานเหมือนกับตน เอาเป็นว่าตนเชื่อมั่น และอยากให้รอดูผลสรุปของคดี คาดว่าจะปิดคดีในอีกไม่กี่วัน

722847

ด้านเฟซบุ๊ก "กฎหมายชนบท" ของท่านอดีตผู้พิพากษา แสดงความคิดเห็นว่า "...ด้วยความเคารพ... ...ผมอยากเตือนสติ. ...ผมอาจจะสูงวัย อาจจะมากประสบการณ์กว่าคุณทนาย ก. ที่เพิ่งเข้าสู่วงการทนายความเพียง 2 ปี แม้ผมอาจจะไม่เห็นด้วยในบางสิ่งบางอย่างที่คุณได้กระทำไปในฐานะทนายความ อาจจะเป็นเพราะความอ่อนด้อยหรือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรืออาจจะเป็นเพราะอยากไขว่คว้าหาโอกาสให้แก่ตนเองหรือครอบครัว แต่อยากเตือนสติคุณว่าบางครั้งคุณก็พลาดที่ไปเกาะกระแสมากเกินไป การไม่ได้ทำคดีน้องแตงโมผมกลับเห็นว่าเป็นผลดีแก่คุณ เพราะในที่สุดผลคดีจะออกมาเช่นไรก็ยังไม่มีใครรู้ จะเป็นอุบัติเหตุ หรือ เจตนา หรือมาตกรรม ก็ต้องรอให้พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ หรือศาลเป็นผู้วินิจฉัย ผมเคยเตือนน้อง ๆ ทนายหลายคนว่า " อย่าออกตัวแรง " เกินไป ในสิ่งที่เรายังไม่รู้.

...ผมอยากจะบอกว่าที่คุณบอกว่าคุณมีเงินติดตัวเพียง 100 บาท ผมก็เคยผ่านจุดนี้มาแล้ว ทุกวันนี้คุณคงไม่เชื่อว่าตอนเช้าผมต้องเดินออกไปซื้อหมูปิงไม้ละ 6 บาท ข้าวเหนียวถุง 5 บาท จากร้านค้าข้างถนนมากินประทังชีวิตแต่ผมไม่มีหนี้สิน แค่นี้ผมก็อยู่ได้ จงอย่าเอาชีวิตคนอื่นมาเปรียบเทียบกับเรา และจงอย่าเอาชีวิตเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่น. ...เพราะต้นทุนชีวิตมันไม่เท่ากัน ครับ..."

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม