กรณีหมอปลา และทนายไพศาล พร้อมสื่อรับร้องเรียนจากชาวบ้านว่า พระลูกวัดย่านฝั่งธนบุรี ตกดึกแอบเปลี่ยนจีวรออกเที่ยวกลางคืน ดื่มเหล้าเคล้าสีกาอย่างเพลิดเพลินนั้น
เวลาประมาณ 15.00 น. ของวันที่ 23 มีนาคม 2565 ทางด้านหมอปลา มือปราบสัมภเวสี, ทนายไพศาล พร้อมด้วยสื่อมวลชน ได้เดินทางมาที่วัดอาวุธวิกสิตาราม ซอยจรัญสนิทวงศ์ 72 เขตบางพลัด กรุงเทพฯ เพื่อมาขอเข้าพบพระมหาวิชัย ธัมมวิชโย พระลูกวัด
ขณะที่เดินทางมาที่วัดนั้น ทีมข่าวได้โทรหาพระมหาวิชัย ธัมมวิชโย พระลูกวัด เพื่อสอบถามว่าจะเข้ามาถวายสังฆทานให้ที่วัด แต่พระได้ตอบกลับว่าตอนนี้เป็นโควิด-19 ไม่สะดวกให้เข้าพบ
ต่อมา ทางหมอปลาและทนายไพศาลได้เข้ามาสอบถามที่กุฏิของเจ้าอาวาส เพื่อขอพบกับเจ้าอาวาส ระหว่างนั้นทางลูกศิษย์ที่อยู่ภายในกุฏิ ได้บอกว่าเจ้าอาวาสจำวัดอยู่ ไม่สะดวกที่จะออกมา
ต่อมา หมอปลาและทนายไพศาลได้เดินทางมาที่กุฏิของพระมหาวิชัย ธัมมวิชโย พระลูกวัด แต่เมื่อเคาะประตูดังกล่าวนั้น กลับไม่มีใครเปิดประตูออกมา ด้วยเหตุนี้ทีมข่าวจึงทำการโทรสอบถามอีกครั้ง แต่ไม่สามารถติดต่อได้
ทีมข่าว และพี่น้ำฟ้า ภรรยาหมอปลาได้สำรวจบริเวณกุฏิ ระหว่างนั้นพระมหาวิชัยได้วิ่งออกมาจากกุฏิ ในสภาพนำจีวรคุมหัว ปิดบังใบหน้า เมื่อทีมข่าวพยายามสอบถามข้อมูล พระมหาวิชัยก็ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ พร้อมกับอ้างว่าขอไปปรึกษาเจ้าอาวาส และวิ่งหนีเข้ากุฏิเจ้าอาวาสไปอย่างว่องไว
หลังจากนั้น ทีมข่าวได้เฝ้ารออยู่ที่ด้านหน้ากุฏิเจ้าอาวาส กระทั่งเจ้าของอู่รถแท็กซี่ที่อยู่ตรงข้ามวัดได้ให้ข้อมูลว่า พระมหาวิชัยวิ่งหนีเข้ามาในอู่รถ เพื่อเรียกรถแท็กซี่ ทีมข่าวจึงเข้ามาสอบถาม พระมหาวิชัยยอม ออกมาพูดคุยด้วย เผยว่า สาเหตุที่วิ่งหนีเพราะตกใจข่าว ที่เห็นว่านักข่าวมากันเยอะ ส่วนกรณีที่ทีมข่าวและหมอปลาได้ข้อมูลว่าพระมหาวิชัย ตกดึกจะเปลี่ยนใส่ชุดธรรมดาและออกไปเที่ยวตามสถานบันเทิง กินเหล้าเคล้าสีกา ไม่ใช่ความจริง และกำลังถูกใส่ร้าย
สำหรับรูปภาพที่มีคนนำมากล่าวอ้าง ยืนยันว่าเป็นภาพตัดต่อ โดยภาพที่ถ่ายไม่ใช่ตนเอง แต่ถูกนำใบหน้ามาตัดต่อ รูปดังกล่าวเป็นรูปที่ถ่ายไว้เมื่อ 20 ปีก่อน ส่วนบุคคลที่ทำนั้น คือเพื่อนพระที่ไม่หวังดี เพราะผิดใจกัน
ระหว่างที่พูดคุยนั้น ทนายไพศาลได้สอบถามว่า พร้อมจะนำภาพไปตรวจสอบไหม เพื่อจะได้ช่วยกันชี้แจงความจริง ตอนแรกพระมหาวิชัยยินยอมที่จะให้นำไปพิสูจน์ แต่หลังจากที่ถูกสอบถามอยู่หลายครั้งก็เปลี่ยนใจ และขอสึกทันที ก่อนจะวิ่งหนีทีมข่าวไปอีก
ทั้งนี้ ทีมข่าวได้พยายามสอบถาม แต่พระมหาวิชัยก็วิ่งหนีไปหน้ากุฏิเจ้าอาวาส เดินไปกุฏิอื่น จนถูกไล่ออก เมื่อทีมข่าวพยายามนำเก้าอี้มาให้นั่ง ก็ปฏิเสธ
จากนั้น พระมหาพิชัยบอกว่าจะยอมสึกเพื่อตัดปัญหา โดยให้เหตุผลว่าไม่อยากให้วัดและเจ้าอาวาสได้รับความเดือดร้อน และไม่อยากจะอยู่ร่วมกับพระลูกวัดที่ทำให้ตนเป็นเช่นนี้ แต่หากจะสึกตอนนี้ ก็ไม่มีชุดฆราวาสให้ใส่ จึงขอให้หมอปลาไปหาชุดฆราวาสมาให้เปลี่ยนก่อน และจะยอมสึกใต้ต้นไม้ ไม่อยากรบกวนท่านเจ้าอาวาส
เมื่อหมอปลานำเสื้อผ้ามาให้นั้น พระมหาวิชัยก็นำไปแอบไว้ในสบง ไม่ยอมให้ใครถือไว้ โดยอ้างว่าถ้าไม่นำชุดมา ก็กลัวว่าจะไม่ได้สึก
เจ้าหน้าที่ตำรวจ ไวยาวัจกรวัด และทนายความของวัด เดินทางเข้ามาในพื้นที่เพื่อช่วยเจรจา และขอให้พระมหาวิชัยสึกตามขั้นตอน ขณะที่ นายปราโมทย์ นิ่มพร้าว ไวยาวัจกร และเป็นทนายของวัด เรียกพระมหาวิชัยเข้าไปพูดคุยเป็นการส่วนตัว ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก่อนออกมาชี้แจงกับทนายไพศาล หมอปลา และสื่อมวลชน ว่าจากนี้ขอตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในสิ่งที่เกิดขึ้นก่อน โดยใช้เวลาไม่เกิน 5 วัน อ้างว่าก่อนหน้านี้ยังไม่เคยได้รับเรื่องร้องเรียน และไม่เคยเห็นหลักฐานใด ๆ มาก่อน
ส่วนสาเหตุที่พระมหาวิชัยยอมสึกก่อนหน้านี้นั้น พระมหาวิชัยบอกกับตนเองว่าเกรงว่าวัดจะได้รับความเสียหาย เสียชื่อเสียง ยืนยันว่าไม่ได้ปกป้องพระมหาวิชัย