กรณี ร.ต.อ.สุทธิศักดิ์ สนิท รอง สว.(สอบสวน) สภ.เวียงสระ จ. สุราษฎร์ธานี รับแจ้งเหตุพบซากรถจักรยานยนต์ และโครงกระดูกมนุษย์ถูกฝังดิน ในพื้นที่หมู่ 3 ตำบลบ้านส้อง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ และรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยพิสูจน์หลักฐาน 8 และกู้ภัยกุศลศรัทธาอำเภอเวียงสระ
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบเป็นที่ดินกำลังขุดปรับบ่อน้ำเก่า ในพื้นที่สวนเตรียมปลูกทุเรียน ซึ่งไปพบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ สีชมพูดำ ทะเบียน ขยล 149 สุราษฎร์ธานี สภาพค่อนข้างสมบูรณ์ ใกล้กันพบถังเหล็กสีฟ้าขนาด 200 ลิตร จำนวน 1 ถัง และโครงกระดูกลักษณะคล้ายมนุษย์ มีเสื้อผ้า ไม่มีกะโหลก ข้อกระดูกสะโพกพบมีการเจาะร้อยโซ่ มีตาข่ายคล้ายเปล และกระสอบปุ๋ยห่อไว้ มีเสาปูนยึดติดไว้ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ล่าสุดวันที่ 25 มี.ค. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายัง สภ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี เวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวนายกฤษดา เดชเดโช คนขับรถแบ็กโฮ, นายบุญพัฒน์ เพชรสงค์ อายุ 68 ปี เจ้าของที่ดิน และนายสุนทร ชัยภักดี อายุ 68 ปี อดีตนายจ้างนายทักษิณ เข้ามาสอบปากคำโดยใช้เวลาสอบปากคำคนละ 1 ชั่วโมง
ภายหลังจากการสอบปากคำเสร็จ ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายบุญพัฒน์ เพชรสงค์ อายุ 68 ปี เจ้าของที่ดินจุดเกิดเหตุ ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันนี้ตนได้เข้ามาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนเรื่องรถมอเตอร์ไซค์ ตนก็เพิ่งทราบข้อมูลจากตำรวจว่าผู้ครอบครองเป็นผู้หญิง แต่ตนก็ไม่รู้จักหญิงคนดังกล่าว และก็ไม่แน่ใจว่าเจ้าของรถจะมีความเชื่อมโยงกับคดีหรือไม่ แต่ตนยอมรับว่าเคยเห็นกลุ่มแรงงานเมียนมาขี่รถคันดังกล่าว
สำหรับโครงกระดูกของผู้เสียชีวิต ตนคาดว่าน่าจะถูกหั่นแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนบน และส่วนล่าง ซึ่งโครงกระดูกส่วนที่พบเจอในบ่อน้ำคือส่วนล่าง ส่วนโครงกระดูกส่วนบนและกะโหลกศีรษะที่ยังไม่เจอนั้น ตนคาดว่าน่าจะถูกฝังอยู่ในบ่อน้ำอีกแห่ง ที่อยู่ห่างจากบ่อเดิมประมาณ 50 เมตร
"บ่อน้ำที่เกิดเหตุนั้น ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผมก็ไม่เคยลงไปในบ่อน้ำ และไม่มีคนลงไปในบ่อน้ำด้วย จึงไม่มีใครเคยเห็นหลักฐานมาก่อน ในอนาคตข้างหน้าถ้าคดีคลี่คลาย ผมก็จะนิมนต์พระมาทำพิธีที่จุดเกิดเหตุต่อไป เพราะผมก็กลัววิญญาณของคนตาย ตอนนี้ก็ยังไม่ชัดเจนว่าคนตายเป็นใคร" เจ้าของที่ดิน กล่าว
เวลา 14.00 น. นายบุญพัฒน์ พาทีมข่าวไปดูบ่อน้ำอีก 2 บ่อ ที่เชื่อว่าโครงกระดูกส่วนบน และส่วนกะโหลกศีรษะของของผู้เสียชีวิต น่าจะถูกอำพรางอยู่ในบ่อน้ำนั้น สำหรับบ่อน้ำที่ 1 ห่างจากบ่อน้ำจุดเกิดเหตุประมาณ 50 เมตร ลักษณะเป็นบ่อน้ำเก่า ความลึกประมาณ 8 เมตร กว้าง 5 เมตร และยาว 10 เมตร ส่วนบ่อน้ำที่ 2 อยู่ถัดจากบ่อน้ำที่ 1 ประมาณ 5 เมตร ขนาดความกว้าง 4 เมตร ยาว 5 เมตร และลึก 8 เมตร
ในจำนวน 2 บ่อนี้ ตนคิดว่าบ่อน้ำอยู่ไม่ไกลจากบ่อน้ำที่พบโครงกระดูก จึงเชื่อว่าส่วนบนที่เหลือ น่าจะถูกอำพรางอยู่ในบ่อ แต่บ่อน้ำ 2 บ่อที่ตนพามาดูก็ไม่ใช่ของตน เป็นบ่อของนายวิรัตน์ ซึ่งตอนนี้นายวิรัตน์ ก็ให้ลูกหลานดูแล ตนยืนยันว่าก่อนที่นายทักษิณ จะหายตัวไป เขาก็ไม่ได้มาลาว่าจะกลับบ้าน ขณะนี้ตนก็คิดว่าโครงกระดูกดังกล่าว น่าจะไม่ใช่ของนายทักษิณแล้ว เพราะตนสังเกตจากขนาดของโครงกระดูกแล้วมีความยาวกว่าขาของนายทักษิณ เนื่องจากนายทักษิณ มีความสูงไม่มากนัก ตนคิดว่าโครงกระดูกดังกล่าวน่าจะเป็นของเพื่อนนายทักษิณ ที่ถูกฆ่าแล้วนำศพไปหั่นเป็นชิ้น ๆ ก่อนจะถูกอำพรางด้วยการฝังดินมากกว่า
เวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวนางสาวมะลิณี ปานทับทิม เจ้าของรถมอเตอร์ไซค์สีชมพูดำ ทะเบียน ขยล 149 สุราษฎร์ธานี ที่ถูกพบกับโครงกระดูกมาสอบปากคำ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เก็บดีเอ็นเอของนางสาวมะลิณี เพื่อเทียบเคียงกับโครงกระดูกดังกล่าวว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือไม่
หลังสอบปากคำเสร็จ นางสาวมะลิณี ให้สัมภาษณ์สั้น ๆ ว่า รถมอเตอไซค์คันดังกล่าวเป็นรถของตนจริง แต่ตนได้ขายต่อให้คนรู้จักหลายปีแล้ว แต่จำไม่ได้ว่าเขาชื่ออะไร สำหรับนายทักษิณ แรงงานชาวเมียนมา ตนก็ไม่รู้จักกับเขา ตอนนี้ตนก็ไม่ได้ติดต่อกับอดีตสามีที่เป็นชาวเมียนมานานแล้ว
ทีมข่าวสอบถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ข้อมูลว่า พนักงานสอบสวนได้เชิญตัวผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับจุดเกิดเหตุ จากการสอบปากคำนางสาวมะลิณี เจ้าของรถมอเตอร์ไซค์ ให้ปากคำว่าคบหากับชายชาวเมียนมาชื่อนายสมชาย เมื่อปี 2549 มีลูกชายด้วยกัน 1 คน ตอนที่คบหากันก็ซื้อรถมอเตอร์ไซค์มาใช้ กระทั่งปี 2551 ต้องการที่จะขายจึงให้นายสมชาย ติดต่อคนรู้จักซึ่งเป็นชาวเมียนมา ก่อนจะขายรถในราคา 20,000 บาท แต่นางสาวมะลิณี อ้างว่าไม่รู้ว่านายสมชาย ขายรถให้กับใคร
ต่อมาปี 2558 นางสาวมะลิณี เลิกลากับนายสมชาย ก่อนจะย้ายมาเช่าบ้านอยู่ที่หมู่ 1 ต.ขุนทะเล อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช จากนั้นนายสมชายก็หายไป และไม่ได้ติดต่อกัน ฝ่ายหญิงก็คิดว่านายสมชาย น่าจะเดินทางกลับบ้านที่ประเทศเมียนมาไปแล้ว นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ส่งชุดสืบสวน สภ.เวียงสระ และชุดสืบสวนของตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ติดตามตัวนายสมชาย ว่าอยู่ที่ไหน และมีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับนายทักษิณอย่างไร
ส่วนโครงกระดูก เจ้าหน้าที่ได้ส่งไปตรวจที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เพื่อหาดีเอ็นเอของมนุษย์ คาดว่าใช้เวลาประมาณ 1 เดือนถึงจะรู้ผล แต่วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจดีเอ็นเอของลูกชายนางมะลิณี และของนางสาวมะลิณี เพื่อจะหาว่าดีเอ็นเอของลูกชายนางสาวมะลิณี จะมีความเชื่อมโยงกับโครงกระดูกดังกล่าวหรือไม่ ถ้ามีความเชื่อมโยงก็มีความเป็นไปได้ที่โครงกระดูกดังกล่าว จะเป็นของนายสมชาย