เมียลุงหาปลาร่ำไห้ ออกบ้านถูกด่าไม่ช่วยแตงโม ลุงให้เต้ขมาแต่สิระต้องอยู่ด้วย (คลิป)

กรณี "แตงโม-นิดา" ดารา-นักแสดงชื่อดังพลัดตกจากเรือสปีดโบ๊ต กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงใต้สะพานพระราม 7 ท่าเรือพิบูลสงคราม เขตจังหวัดนนทบุรี คืนวันที่ 24 ก.พ.65 ต่อมานายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือ ส.ส.เต้ ตั้งข้อสังเกตจากกล้องวงจรปิดที่ไม่ชัด มั่นใจว่าขอนไม้ที่อยู่ใกล้ลุงนิต คนพายเรือแจวนั้นเป็นร่างของแตงโม แต่ไม่ยอมให้การช่วยเหลือ

หลังจากนั้นสังคมที่ไม่ได้ตรวจสอบความจริงก็ทัวร์ลง ด่าคนหาปลาที่ไม่ยอมช่วยแตงโม กระทั่งต้องให้ปากคำและเดินเรื่องยืนยันความบริสุทธิ์จนขาดรายได้ อาศัยข้าววัดประทังชีวิต ล่าสุด ส.ส.เต้ โพสต์ขอโทษแล้ว แต่ลุงนิตก็ยังต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเองต่อไป หลังจากไม่ได้ทำอะไรผิด

วันที่ 25 มี.ค. 65 ทีมข่าวเดินทางไปเจอกับครอบครัว นายวินิต ตรีปัญญา อายุ 53 ปี คนหาปลา ซึ่งอาศัยอยู่กับ นางลำพู กิตต์กุศล หรือ อิท ภรรยา ทั้งคู่อาศัยอยู่บ้านพักภายในรั้วของวัดค้างคาว จังหวัดนนทบุรี เมื่อช่วงเช้ามืด ทีมข่าวเดินทางไปถึง ลุงนิตได้ตื่นไปทำภารกิจส่วนตัว มีเพียงภรรยาไปรับอาหารจากกุฎิเจ้าอาวาสวัดค้างคาว นำอาหารที่ได้รับจากการบิณฑบาตรมาเตรียมกับข้าวตอนเช้า โดยในช่วงบ่ายจะเดินทางไปร่วมรายการสด ผ่านรายการสถานีโทรทัศน์อีกหลายแห่ง

กิจวัตรประจำวันทุกวันจะได้รับส่วนแบ่งเป็นอาหารจากก้นบาตรพระ หรืออาหารที่ญาติโยมนำมาถวาย พระก็จะมีการแบ่งเอาไว้ให้บางส่วน นางลำพูได้ถือตะกร้าเพื่อไปรับอาหารจากเจ้าอาวาส เพื่อกลับมาเตรียมเมนูจัดจาน มีแกงไก่ ข้าวเปล่า 1 ถุง และขนมชั้น แต่เมนูอาหารจะไม่มาก เพราะในตอนเช้าจะต้องมีการแบ่งให้พระฉัน 9 รูป ช่วงเพลจะได้รับอาหารจากทางวัดมากกว่าตอนเช้า เพราะจะมีญาติโยมนำมาถวายเพิ่ม

ภรรยาลุงนิดตั้งหม้อใบใหญ่ ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น ซึ่งได้รับมาจากบ้านญาติที่อยู่ใกล้เคียง เป็นเมนูแกงเขียวหวาน รอลุงนิตทำภารกิจส่วนตัว อาบน้ำ ก็จะตักแกงไปนั่งล้อมวงกินข้าวกัน 2 คนผัวเมีย ส่วนลูก ๆ จะกินทีหลังพ่อแม่ นั่งกันที่แคร่ไม้ ทีมข่าวสังเกตว่า ภรรยาค่อนข้างเป็นห่วงสามีทุกครั้งที่จะต้องออกจากบ้าน ไปเจอกับสื่อมวลชน หรือบุคคลอื่นที่แปลกหน้า

หลังจากทานข้าวเสร็จ นายวินิต เปิดใจว่า แม้วันนี้สถานการณ์ทุกอย่างจะเริ่มคลี่คลาย หลายคนอาจจะมองว่าตนเองเริ่มที่จะพ้นมลทิน แต่ส่วนตัวกลับมองว่าเป็นประเด็นที่ดราม่าและหนักหน่วงมากขึ้น เนื่องจากตัวของ ส.ส.เต้ ยังคงกล่าวหาว่าตนเองไม่ให้การช่วยเหลือนางสาวแตงโม ตามที่ปรากฏอยู่ในกล้องวงจรปิด แถมยังมีการพายเรือหนี ซึ่งข้อกล่าวหานี้ ตนเองถูกสังคมอีกหลายส่วนที่ยังเข้าใจผิดและโจมตี ยังลามไปถึงคนในครอบครัว โดยเฉพาะภรรยาและลูก ๆ หลายครั้งที่ออกจากพื้นที่บ้าน ไปแค่เพียงปากซอย ก็ถูกตั้งคำถามที่ตนเองไม่ช่วยเหลือแตงโม ทำให้คนในครอบครัวได้รับความเดือดร้อนไปด้วย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ยังสร้างความหนักใจให้กับตนเองมาก

แม้ว่าเมื่อวานนี้การออกรายการของโทรทัศน์แห่งหนึ่งช่วงหัวค่ำ มีการเชิญให้ ส.ส.เต้ ไปนั่งในรายการ แต่ได้มีทีมงานมาเจาะสัญญาณภาพสดพูดคุยโดยตรง ช่วงหนึ่งในรายการได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับการจะเข้ามาขอโทษด้วยตนเอง ทราบว่าจะเดินทางเข้ามาในวันจันทร์ เบื้องต้นตนเองยังคงยืนยันว่าการเข้ามาของ ส.ส.เต้ จะต้องมีสื่อมวลชนเป็นตัวกลาง และจะต้องมีนายสิระ เจนจาคะ ซึ่งตนเองมอบให้เป็นคนดูแลเรื่องเกี่ยวกับการฟ้องหมิ่นประมาท ส.ส.เต้ หากจะมีการขอโทษ ตนเองก็พร้อมรับคำขอโทษ แต่ในทางด้านของคดี ตนเองก็ได้มีการเซ็นฟ้องและตั้งทนายความไปแล้ว ต้องว่าไปตามกฎหมาย หากจะมีการถอนฟ้องหรือไม่นั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับนายสิระ เพราะถือว่าเข้ามาช่วยดูแลในเรื่องนี้ ตนเองก็ถือว่าฝากทุกอย่างไว้ที่นายสิระแล้ว ในส่วนหนึ่งก็มีความกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องประเด็นทางการเมือง อาจจะถูกนำมาโยงหรือเป็นความขัดแย้ง แต่ถ้ามองในอีกมุมหนึ่ง ตนเองก็เพียงแค่ต้องการทนายความที่ไม่ต้องหาเงินมาว่าจ้างเองเท่านั้น

หากย้อนกลับไปในวันเกิดเหตุ วันที่ถูกปรากฏอยู่ในภาพกล้องวงจรปิด ยืนยันย้ำอีกครั้งว่าสิ่งที่เห็นนั้นคือขอนไม้ และตนเองแจวเรือไปก็เพราะต้องการที่จะไปปลดออกจากข่ายปลา ไม่ใช่แตงโม เพราะโดยนิสัยแล้วหากเจอคนตกน้ำ สัญชาตญาณของคนก็ต้องช่วยเหลือ ไม่มีใครที่จะหนีและไม่ช่วย เพราะถ้าเทียบกับศพที่เคยลอยน้ำมาเทียบบริเวณวัดเขมา หรือแม้แต่วัดลุ่ม ทุกครั้งที่มีศพลอยน้ำมาตนเองก็ยังเคยพากันแจวเรือไปผูกศพและลากเข้าฝั่ง ให้นึกย้อนถึงที่ผ่านมาด้วย

นางลำพู กิตต์กุศล หรือ อิท ภรรยาลุงนิด เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ทุกวันนี้ตนเองค่อนข้างเครียดและกังวล รวมทั้งรู้สึกไม่สบายใจที่ตัวของลุงนิตเข้าไปเกี่ยวข้องในคดีของแตงโม เพราะไม่คิดว่าชาวบ้านธรรมดาจะกลายเป็นผู้ที่ตกเป็นข่าวใหญ่โต เพียงเพราะการออกมาให้สัมภาษณ์ของคนบางคน ที่โยงและกล่าวหาว่าสามีของตนเองเห็นคนตกน้ำ แต่ไม่ไปช่วยเหลือ แถมยังมีการพายเรือหนี ตนเองขอยืนยันว่าในฐานะที่เป็นภรรยา ไม่ได้ปกป้องแต่ต้องการจะบอกให้รู้ว่าสามีของตนเองไม่เคยมีนิสัยไม่ช่วยเหลือใคร เพราะแม้แต่ลูกหมาตกน้ำสามีเห็นยังพายเรือเข้าไปช่วยเอามาเลี้ยง

สิ่งที่ทำให้ตนเองรู้สึกร้องไห้และเสียใจ เป็นเพราะว่าอดเป็นห่วงไม่ได้ ทุกครั้งที่สามีต้องออกจากบ้านไปร่วมรายการโทรทัศน์ต่าง ๆ  รวมถึงต้องออกจากบ้านเพื่อไปดำเนินการ ไม่ว่าจะไปโรงพักหรือไปเจอกับใคร ตนเองก็รู้สึกเป็นห่วง เพราะปกติก็จะอยู่กินกันไม่เคยห่างกันไปไหน แต่ช่วงระยะหลังสามีต้องออกไปหลายที่หลายแห่ง ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ กลัวว่าจะออกไปแล้วไม่ได้กลับบ้านมาอีก เพราะไม่รู้ว่าข้างนอกมีอันตรายมากน้อยแค่ไหน และที่สำคัญสิ่งที่ตนเองและคนในครอบครัวต้องประเชิญหลังจากที่สามีตกเป็นข่าว เป็นเพราะว่าชาวบ้านต่างตั้งคำถามว่าทำไมสามีของตนเองไม่ช่วยเหลือแตงโม ทำไมต้องพายเรือหนี คำถามเหล่านี้มักทำให้ตนเองรู้สึกสะอึก กระทั่งทำให้ตนเองและลูก ๆ ไม่กล้าที่จะออกบ้านไปไหน

ตนเองทราบในเบื้องต้นว่าทางด้านของ ส.ส.เต้ ได้พยายามติดต่อมาหาสามี เพื่อที่จะเข้ามาขอโทษในวันจันทร์ ตนเองไม่อยากที่จะให้สามีเจอกับใครอีก ไม่ต้องการที่จะให้เจอกับ ส.ส.เต้ หากจะจบก็ขอให้จบต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องมายุ่งกัน ไม่ต้องมาขอโทษกัน เพียงแค่ขอให้ ส.ส.เต้ ไปตั้งโต๊ะแถลงและพูดถึงข้อเท็จจริงให้สามีรวมถึงครอบครัวของตนเองให้มลทินก็ดีกว่า เพราะการมาขอโทษก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น แต่ส่วนเรื่องของการฟ้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ตนเองก็ไม่รู้ เพราะว่าใช้ชีวิตแบบชาวบ้าน แต่เท่าที่ตนเองย้ำกับสามีก็ยืนยันว่าหากใครจะเข้ามาช่วยเหลือในการฟ้องร้องหรือจ้างทนายความ ก็ให้ดูให้ดี ไม่ใช่ว่าวันนี้อ้างว่าทุกอย่างฟรีไปหมด สุดท้ายกลับบ้านมีการคิดเงิน ฉะนั้นหากสามีมองว่าทุกอย่างดีแล้ว ตนเองก็ไม่ขัด แต่ก็รู้สึกเป็นห่วงในฐานะภรรยาคนที่อยู่เคียงข้างกันมาโดยตลอด

ด้านนายสิระ เจนจาคะ อดีตสมาชิกผู้แทนราษฎร กทม.พรรคพลังประชารัฐ เผยทางโทรศัพท์ว่า ประเด็นเรื่อง ส.ส.เต้ มงคลกิตติ์ ได้มีการโพสต์เฟซบุ๊กให้ทีมกฎหมาย และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีการตรวจสอบตน เกี่ยวกับเรื่องการเปิดบ่อนในเขตฝั่งธนนั้น ตนมองว่าไม่ได้เกี่ยวอะไรกัน ฝั่งธนเป็นฝั่งที่ตนไม่ค่อยได้ไป เพราะไกลบ้าน ขนาดสมัยเรียนแอบชอบสาว แต่รู้ว่าเขาอยู่ฝั่งธนบุรียังไม่ไปหาเลย ซึ่งการตรวจสอบสิ่งผิดกฎหมายก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตน

ส่วนเรื่องนายวินิต ตรีปัญญา พยานคนพายเรือหาปลา ต้องการให้ตนอยู่ด้วย หาก ส.ส.เต้ มงคลกิตติ์ จะเข้ามาขอโทษ ตนมองว่า เป็นเรื่องของความไว้ใจ และสบายใจมากกว่า ทั้งนี้ ส.ส.เต้ มงคลกิตติ์ ก็ได้มีการโทรศัพท์มาหาตนส่วนตัวว่าให้ช่วยดูแลนายวินิต และก็อยากจะเข้าไปขอโทษ โดยให้ตนเป็นคนกลางในการพูดคุย แต่ในส่วนของการดำเนินคดีทางกฎหมาย ก็ต้องขึ้นอยู่กับนายวินิต ว่าดำเนินคดีหรือไม่ ในส่วนที่อยู่ในกระบวนการแล้วก็คงต้องให้เป็นไปตามนั้น

ซึ่งตนมองว่าในฐานะที่เรียนสถาบันเดียวกัน และตนก็เคยเป็นประธานรุ่น ก็ควรจะช่วยเหลือกัน เพราะคนเราสามารถทำผิดพลาดกันได้ และ ส.ส.เต้ ก็แสดงความรับผิดชอบด้วยการขอโทษ จึงมองว่าการเป็นกาวใจให้คน 2 คนที่เขามีปัญหากันให้ดีกันทั้งสองฝ่าย ก็เป็นเรื่องที่ดี ซึ่งในสายตาประชาชน อาจจะมองว่าตนและ ส.ส.เต้ มงคลกิตติ์ มีปัญหากัน จึงอยากบอกว่าเราไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน อะไรที่ผ่านมาแล้วให้มันผ่านไป ตอนนี้เคลียร์ใจ 100%

ส่วนเรื่องคุณสันธนะออกมาพูดเรื่องโรงแรมหรู และมีผู้ใหญ่ระดับบิ๊กมาใช้บริการแล้วจะเชื่อมโยงกับคดีแตงโมนั้น ตนขอให้หยุดการกระทำนี้เสีย เนื่องจากคุณสันธนะเคยให้สัญญากับตน ตอนไปออกรายการหนึ่งว่าจะไม่พูดเรื่องนี้อีก แต่ก็ผิดสัญญา ประเด็นต่อมาตนเป็นห่วงในเรื่องของการพูดพาดพิงเรื่องโรงแรม และจะทำให้สังคมเข้าใจผิดเกี่ยวกับคุณแตงโม อาจจะทำให้ถูกฟ้องเรื่องหมิ่นประมาทศพ อย่างน้อยก็นึกถึงเกียรติศพ คุณงามความดีของตัวเองสมัยตอนที่ตัวเองเป็นตำรวจสันติบาล