กรณีนายอนุชิต บรรทึก หรือ มด อายุ 29 ปี พ่อค้าขายพวงมาลัยแยกแคราย จ.นนทบุรี ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.รัตนาธิเบศร์ จับกุมตัวและถูกแจ้งข้อหาก่อความเดือดร้อนรำคาญต่อผู้อื่นในพื้นที่สาธารณะ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ถูกปรับเป็นเงิน 1,000 บาท และข้อหาขู่เข็ญทำร้ายเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจ ตามมาตรา 392 จำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท ก่อนจะยกมือไหว้ขอโทษสังคม และหลังจากนี้ถูกสั่งห้ามเช็ดกระจกรถแยกแครายตลอดไป แต่ยังอนุญาตให้ขายพวงมาลัยได้
ล่าสุดวันที่ 31 มี.ค.65 เวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปติดตามความคืบหน้ากรณีดังกล่าว โดยพ.ต.ต.รวิพงศ์ เลิศพันธ์ สว.จร.สภ.รัตนาธิเบศร์ กล่าวว่า กรณีที่นายณัฐพล ปิยะนันทกุล อายุ 38 ปี อาชีพนักแสดงอิสระ และเจ้าของคลินิกเสริมความงาม ขับรถจากถนนนครอินทร์ มุ่งหน้าแคราย เมื่อถึงแยกไฟแดงมีเด็กเดินมาเช็ดกระจกรถ แต่นายณัฐพล พยายามโบกมือว่าไม่เช็ด ๆ เด็กเช็ดกระจกรถไม่ฟังจนเช็ดเสร็จและเดินมาเคาะกระจกเพื่อที่จะขอเงิน ซึ่งนายณัฐพล กำลังติดสายโทรศัพท์อยู่ และกำลังก้มหาเงินให้ แต่เหมือนหยิบช้า ทำให้เด็กเช็ดกระจกไม่พอใจด่าทอและบีบฟองน้ำที่มีน้ำยาแปะไว้ที่กระจกรถแล้วเดินหนีไป
ทั้งนี้ งานจราจรไม่ได้นิ่งเฉยและตรวจอยู่เสมอ ตั้งแต่ตนรับตำแหน่งเมื่อปลายปี ก็ได้รับแจ้งอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ถึงขั้นขู่ทำร้าย จึงได้ว่ากล่าวตักเตือนกันไป แต่เหตุการณ์ดังกล่าว อยากฝากถึงผู้ใช้รถใช้ถนนว่าไม่ควรลงจากรถ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะลงพื้นที่กวดขันอย่างเข้มงวด ตอนนี้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้ว ก็จะแจ้งข้อหาขู่ทำให้เกิดความกลัว แต่ผู้ก่อเหตุยังไม่ได้ชักอาวุธออกมา เพียงแค่ล้วงในกระเป๋าและยังไม่ทราบว่ามีอาวุธอะไร
นายอนุชิต ผู้ก่อเหตุ ให้การรับสารภาพอ้างว่า หลังจากตนไปเช็ดกระจกให้เขา แต่เขาทำท่าทางไม่พอใจ ตนจึงอยากจะถามว่า ทำไมไม่บอกตนดี ๆ ตนก็จะได้ไม่เช็ดกระจกให้ แต่ตนเช็ดไปแล้วโดนด่ากลับ แล้วเขาก็จอดติดไฟแดง ก่อนจะลงมาเหมือนหาเรื่องตน ส่วนเรื่องตนที่จะไปทำร้ายเขา ตนไม่ได้ทำร้าย ที่เห็นในคลิปคือเขาจอดรถติดไฟแดงไม่ยอมไปไหน ประมาณ 4-5 ไฟแดง ตนจึงขี่รถจักรยานยนต์ตามไป เพราะตอนนั้นรถติดมาก ทั้งนี้ ตนขายพวงมาลัยตั้งแต่เวลา 10.00 - 15.00 น. ไม่เคยมีปัญหากับใครมาก่อน
อย่างไรก็ตาม ตนขอโทษที่แสดงพฤติกรรมดังกล่าว แต่ตนไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายร่างกายใคร เหตุการณ์ในวันนั้นถ้าลูกค้าไม่ให้ตนเช็ดกระจก ก็บอกกับตนดี ๆ ตนก็จะได้ไปหารถคันอื่น ภาพที่ปรากฏว่าตนกำลังล้วงกระเป๋าเสื้อนั้น ตนไม่ได้ชักอาวุธ เพราะในกระเป๋ามีแต่เงินและโทรศัพท์มือถือ
"วันนี้ผมก็ยอมรับผิด และจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาดำเนินคดีกับผมแล้ว พร้อมห้ามไม่ให้เช็ดกระจกอีกต่อไป ผมรู้สึกว่าเดือดร้อน เนื่องจากรายได้หลักจะเป็นการเช็ดกระจก โดยเฉลี่ยตกวันละ 300-400 บาท ซึ่งตอนนี้ก็คงต้องขายแต่พวงมาลัย รายก็ได้จะลดลงกว่าเดิม เพราะพวงมาลัยขายได้สูงสุดเพียง 160 บาทเท่านั้น" นายอนุชิต กล่าวตัดพ้อให้ฟัง
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังแยกแคราย พบว่าการจราจรหนาแน่น ไม่พบคนขายพวงมาลัย หรือคนเช็ดกระจกแล้ว พบเพียงพ่อค้าขายถั่ว 1 คน และชายสูงอายุ 1 คนกำลังเดินขอเงินตามรถที่จอดติดไฟแดง ทีมข่าวพยายามเข้าไปสอบถาม แต่ชายสูงอายุได้แต่ส่ายหน้าและโบกมือไม่ได้พูดอะไร คาดว่าเป็นผู้พิการทางการได้ยิน
นางสาวจูน ทองคำ อายุ 36 ปี แม่ค้า เล่าให้ฟังว่า ตนเห็นนายมด ผู้ก่อเหตุ มานานหลายปีแล้ว ก่อนหน้านี้จะเดินขายพวงมาลัย แล้วก็ปรับมาเช็ดกระจกรถ และมักจะแวะมาซื้อน้ำที่ร้านของตนวันละหลายครั้ง ก่อนหน้านี้นายมด เคยมาพูดคุยให้ฟังว่า รายได้ค่อนข้างดี แต่ในวันที่เกิดเหตุตนไม่เห็นเหตุการณ์
ขณะที่พ่อค้าขายถั่ว บริเวณแยกแคราย เปิดเผยว่า ตนมีรายได้วันละ 700-800 บาท ซึ่งตั้งแต่ปี 54 ที่ตนขายของแยกไฟแดง ก็เห็นนายมดแล้ว ก่อนหน้านี้เขาเคยมีปัญหากับลูกค้าบ้าง ตนกับเขาไม่ค่อยสุงสิงกันอยู่แล้ว และตนก็ไม่เคยโมโหลูกค้า เมื่อเกิดเรื่องขึ้นตนก็กังวลว่าจะถูกห้ามไม่ให้ขายของแยกไฟแดง