เต้เปิดผลคราบเลือดปริศนาไม่ฟันธงเลือดปลา ชนบทชี้คลิปกระติกไม่สำคัญเท่าโบ (คลิป)

วันที่ 1 เม.ย. 65 นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือ ส.ส.เต้ เปิดเผยผลการตรวจคราบเลือดที่บริเวณประตูระบายน้ำ ที่มีชาวบ้านอ้างว่าเป็นเลือดปลาดุก โดยมีภาพเอกสาร ข้อความระบุว่า "#ผลตรวจเลือดออกแล้ว# คำตอบ 1 เป็นเลือด คำตอบ 2 ไม่สามารถตอบได้ว่าเป็นเลือดปลาหรือเลือดมนุษย์"

สำหรับผลการตรวจวิเคราะห์คราบเลือด บริษัท ดีเอ็นเอ คอนซิลห์ จำกัด ได้ทำการตรวจหาคราบเลือดต้องสงสัย (Alleged blood stain) โดยวิธีมาตรฐาน คือ Presumptive test: น้ำยา Kastle-Meyer test (KM) ซึ่งใช้สำหรับการตรวจหาคราบเลือดเบื้องต้น โดยใช้ค่า Cut-off ที่ 30 วินาที

ผลการตรวจหาคราบเลือดต้องลงสัยบนตัวอย่างกระดาษชำระ (รหัสตัวอย่าง DC-2204-007) ด้วยน้ำยา KM ให้ผล เป็นบวกภายใน 2 วินาที (Color. change) จากผลตังกล่าว ทางบริษัท ดีเอ็นเอ คอนซิลห์ พิจารณาความเป็นไปได้สองกรณี คือ

ผลการตรวจหาคราบเลือดต้องสงสัยในตัวอย่าง โดยวิธีมาตรฐาน สนับสนุนสมมติฐานที่ 1 มากกว่าสมมุติฐานที่ 2 หรือกล่าวได้ว่า มีความเป็นไปใด้ที่คราบต้องสงสัยเป็นคราบเลือดมากกว่าความเป็นไปได้ที่จะไม่ใช่คราบเลือด ทั้งนี้ การจะสรุปว่าไช่หรือไม่ใช่คราบเลือด จะต้องมีการพิจารณาเหตุการณ์และสภาพแวดล้อมร่วมด้วย (Case circumstances) เนื่องจากการเก็บตัวอย่าง ระยะเวลาหลังเกิดเหตุ และการใช้สารเคมี อาจจะส่งผลกระทบต่อวิธีการมาตรฐานโด้

ผลการตรวจวิเคราะห์คราบเลือด บริษัท ดีเอ็นเอ คอนซัลท์ จำกัด ได้ทำการตรวจคราบเลือดต้องสงสัย (Alesed blood stai) ว่าเป็นคราบเลือดมนุษย์หรือไม่ โดยวิธีมาตรฐานคือ Confimmatory test: เทคนิด Real-time PCR ด้วยน้ำยา PSU-Quant Kit ซึ่งใช้สำหรับตรวจวัดปริมาณดีเอ็นเอของมนุษย์

ผลการตรวจคราบเลือดต้องสงลัยบนผ้าเช็ดทำความสะอาดแบบเปียก (รหัสตัวอย่าง DC.2204.007) ด้วยน้ำยา PSU-Quant kt ไม่สามารถเพิ่มปริมาณดีเอ็นเอของมนุษย์ได้ จากผลดังกล่าว ทางบริษัท ดีเอ็นเอ คอนซัลท์ พิจารณาความเป็นไปใด้สองกรณี คือ

สมมุติฐาน 1: คราบเลือดต้องสงสัยดังกล่าว เป็นเลือดมนุษย์

สมมุติฐาน 2: คราบเลือดต้องสงสัยดังกล่าว ไมใช่เลือดมนุษย์

ผลการตรวจคราบเลือตต้องสงสัย จะต้องมีการพิจารณาเหตุการณ์และสภาพแวตล้อมร่วมด้วย เนื่องจากการเก็บตัวอย่าง ระยะเวลาหลังเกิดเหตุ และการใช้สารเคมี อาจจะส่งผลกระทบต่อการคงอยู่ของดีเอ็นเอได้ จากการพิจารณาองค์รวม เนื่องจากพบการเจริญเดิบโตของเชื้อรา และคราบถูกซับอยู่บนผ้าเช็ดทำความสะอาดแบบเปียก ซึ่งทั้งสองอย่างสามารถทำลายดีเอ็นเอได้ จึงไม่อาจสรุปได้ว่าเป็นเลือดมนุษย์ แต่มีดีเอ็นที่เสื่อมสภาพ หรือไม่ใช่เลือดมนุษย์

ส่วนกรณีทนายกฤษณะ อดีตทนายแม่ในคดีแตงโม ออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงหลักฐานกล้องหน้ารถ โบ ทีเค มีการคุยกับกระติก และมีการเล่าเหตุการณ์บนเรือให้ฟัง คลิปดังกล่าวได้มาจากนายราชา ไฮเดอร์ หรือ แจ็ค ที่เจ้าตัวอ้างว่าคุยกับตำรวจผู้ใหญ่ และได้หลักฐานมานั้น

ด้านท่านอดีตผู้พิพากษา โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวผ่านทางเฟซบุ๊ก "กฎหมายชนบท" ระบุว่า ...ด้วยความเคารพ ... ...การชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานของศาล... ...หากมีการสนทนาระหว่างกระติกกับโบจริง และพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำของกระติกและโบไว้แล้วในชั้นสอบสวน มีข้อสังเกตุดังนี้

1. เป็นการสนทนากันหลังเกิดเหตุสด ๆ ร้อน ๆ ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้มีโอกาสปั้นเรื่องเสริมแต่งใด ๆ ทั้งสิ้น
2. โบจะกลายเป็น"ประจักษ์พยาน"ในส่วนที่มีการพูดคุยระหว่างโบกับกระติก ไม่ใช่พยานบอกเล่า.
3. จึงไม่จำเป็นต้องมีคลิปเสียงการสนทนาของบุคคลทั้งสองแต่อย่างไร
4. เมื่อกระติกยังไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องหา การให้การกับพนักงานสอบสวนหากไม่ได้ให้การไปตามความเป็นจริง กระติกก็มีสิทธิถูกตั้งข้อหาให้การเท็จในภายหลังได้.
4. ส่วนการสนทนาของกระติกและโบจะสอดคล้องหรือขัดแย้งกันอย่างไรนั้น หากมีการนำตัวกระติกและโบไปขึ้นเบิกความต่อหน้าศาล ศาลก็จะใช้
4.1 "หลักแห่งความเป็นจริง"
4.2 "หลักแห่งความสมเหตุสมผล"
4.3 "หลักแห่งความขัดแย้ง
4.4 "หลักแห่งความเป็นไปได้"
...ว่าใครพูดความจริงกันแน่
ครับ... ( ฟ้ามีตาครับน้องแตงโม )

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บังแจ็คโชว์คลิปลับกระติกคุยคดีแตงโม โวส่งให้บิ๊กตำรวจ ผู้กำกับขำ ๆ ชี้แจงสุดพีก (คลิป)

ซึ่งประเด็นคลิปเสียงนั้น นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของเเตงโม ระบุว่า ได้มีการพูดคุยกับตำรวจแล้ว ไม่ได้มีคลิปเสียงที่สำคัญกับคดี อีกทั้งคลิปที่ได้ฟังมาก็ไม่มีเสียงสนทนากัน ที่บอกได้ชัดเจนถึงเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์แตงโมตกเรือ