กรณีมีการแชร์คลิป "แซน วิศาพัช" คนบนเรือของแตงโม ปาร์ตี้ในเรือลำใหญ่อย่างสนุกสนาน ล่องไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา และมีการถ่ายภาพ บริเวณใกล้กับสะพานพระราม 8
โดยอินสตาแกรมที่ลงคลิปภาพดังกล่าว ระบุว่าเป็นน้องสาวของแซนเอง ซึ่งได้ตอบคำถามโซเชียลมีเดียที่เข้าไปคอมเมนต์ว่า "บอกพี่แซนพูดความจริงหน่อยว่า พูดแล้วไม่เชื่อพูดซ้ำก็เหนื่อยนะคะ" จากนั้นก็มีคนเข้าไปวิพากษ์วิจารณ์ที่แซนไปเที่ยวก่อนจะเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเพียงวันเดียว
ด้านน้องสาวแซน ระบุว่า มันเป็นชีวิตเราค่ะ ปลงล่ะค่ะ ชาวเน็ตรายดังกล่าวจึงได้ตอบกลับไปว่า เข้าใจจิตใจคนแหละ ล่าสุดมีทัวร์มาถล่มไอจีของน้องสาวแซนรัว ๆ
โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 65 อินสตาแกรมระบุว่า น้องสาวของแซนก็ออกมาไลฟ์รู้จักกันเพราะพ่อแม่และเป็นญาติของแฟน พร้อมเขียนข้อความหลังมีดราม่าว่า "ต้องขอโทษที่ลงสตอรี่แบบนั้นไปนะคะ สรุปให้ว่า : เราเล่นกับพี่เฉยๆ ไม่ได้จะกวนอะไรใครเลย แค่เห็นหน้าพี่ในไอจีเยอะเลยถ่ายลงแซวนาง แต่มันผิดสถานการณ์ ผิดเวลา เข้าใจที่คนมาด่าเรื่องสตอรี่นั้นนะคะ เพราะว่าทุกคนก็ไม่ได้มารู้จุดประสงค์ที่เราลงและไม่ได้รู้ว่าเรากับพี่เขาเป็นพี่น้องกัน แต่ที่พิมพ์อะไรไม่ดีๆไป เพราะเขาด่าเราผิดประเด็น เราเลยด่ากลับ ต้องขอโทษด้วยนะคะที่พิมพ์ไม่ดีใส่ ขอบคุณทุกคนที่เข้าใจและให้กำลังใจด้วยนะคะ ปล.เราไม่ได้เหวี่ยงนะคะ อันนี้คือหน้า&เสียงปกติเราค่ะ"
ด้าน "แต๊งค์ พงศกร" เพื่อนสนิทของแตงโม กล่าวถึงความรู้สึกหลังตำรวจออกหมายจับ 5 คนว่า ถึงแม้ว่าคดีจะเข้มข้นขึ้น แต่ก็ยังไม่ถึงจุดที่เราต้องการ จุดที่ต้องการคืออยากเห็นคนผิดโดนลงโทษ ถึงแม้ว่าจะมีการตั้งข้อหาก็จริง แต่ตำรวจเขาก็จะทำสำนวนส่งฟ้องอีก หลังจากนั้นก็มีขั้นตอนการต่อสู้ในศาล ซึ่งเขาก็สามารถให้การปฏิเสธได้ การต่อสู้ก็ต้องใช้ระยะเวลาอีกยาวนาน
การตั้งข้อหาของทั้ง 5 คนบนเรือค่อนข้างอ่อนมาก หากมีการไปสู้ในชั้นศาล แม้มีการพิพากษาให้จำคุก เขาก็สามารถประกันตัวออกมาสู้ต่อได้ ซึ่งกว่าจะจบ อีกนานเป็น 10 ปี กว่าจะถึงเวลานั้นก็ไม่รู้ว่าประชาชนคนไทยจะได้รับรู้ความจริงมากน้อยแค่ไหน ตอนนี้ก็รอลุ้นตำรวจจะสรุปสำนวนคดีว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร อยากเห็นความเอาจริงเอาจังในการนำคนผิดมาลงโทษ
การที่กระติกมารับข้อกล่าวหา “ให้การเท็จ” ส่วนตัวมองว่าเขาก็อาจจะมีเทคนิคพลิกแพลง แต่เราก็ไม่อยากให้สังคมนิ่งนอนใจ เพราะเขาอาจจะแจ้งข้อหามาเพื่อกลบกระแสสังคมก็ได้ สิ่งที่เราอยากรู้คือความจริงเป็นยัง ไม่ใช่แค่การมาตั้งข้อหา
และในประเด็นที่ นายสิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส.กทม. นำกระติกเข้ามาให้ปากคำ ตนของแบ่งเป็น 2 ด้าน ทั้งแปลกใจและไม่แปลกใจ ในด้านที่ไม่แปลกใจคือ อดีต ส.ส.สิระ เขาก็เป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว เขามีวิธีการใช้ชีวิตให้ตัวเองอยู่ในกระแสข่าวอยู่แล้ว ส่วนด้านที่แปลกใจก็คือ อดีต ส.ส.สริระ มารู้จักกับกระติกได้อย่างไร แต่พอคิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าเขารู้จักทุกคนแหละถ้าอยากจะรู้จัก ท่านก็ไปพูดพาดพิงถึงคนโน้นคนนี้ตามติดทุกกระแส ตนไม่รู้ว่าท่านทำงานอะไร แต่รู้แค่ว่าท่านไม่ได้มีหน้าที่ในการทำงานในสภาแล้ว
ส่วนประเด็นที่แซนถูกหมายจับประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แล้วทราบมาว่าเขาให้การปฏิเสธ ส่วนตัวก็มองว่าเป็นสิทธิ์ที่เขาสามารถปฏิเสธได้ สุดท้ายก็ให้ตำรวจไปพิสูจน์ แต่เขาพูดเองในไลฟ์ว่าแตงโมจับขาและปล่อยมือให้หลุดไป ซึ่งเขาจะปฏิเสธทำไม รู้สึกว่ามันย้อนแย้งกับตัวเอง ที่เขาไปปาร์ตี้บนเรือ ตนไม่สน นิสัยคนเราถูกที่บ้านสั่งสอนมายังไง โตมาก็เป็นอย่างนั้น เราก็ไปด่าไปสั่งสอนก็ไม่ได้ เอาเป็นว่าให้เขาถูกลงโทษทางคดีก็แล้วกัน ถ้าเป็นตนเองคงมีสามัญสำนึก คงจะไม่ไปหรอก แต่ภาพของแซน เขาอาจจะมาบอกก็ได้ว่าเป็นภาพเก่า แต่สุดท้ายเขาก็ผิดอยู่ดี
ส่วนที่สังคมสงสัยประเด็นการใช้เส้นสายอำนวยความสะดวกไม่ต้องเป่าแอลกอฮอล์ ไม่ต้องเก็บหลักฐานสารเสพติด เอาเรือไปจอด เอาของไปซ่อน มีการทำลายหลักฐานทุกอย่าง มีการปรึกษาทนายทั้งมีเรื่องของกุนซืออีก ก็ไม่รู้ว่าตำรวจคิดอย่างไรกับการทำงานของเขาเอง ผู้ใหญ่ที่มีอำนาจควรมาดูการทำงานของตำรวจว่ามีการใช้เส้นสายช่วยไหม ตรวจทั้งโรงพักเลยว่ามีใครรับเงินจากใครไหม เพราะคนสงสัยกันทั้งประเทศ อยากให้มีการตรวจสอบเส้นทางทางการเงินเกี่ยวกับธุรกิจรถของพวกเขาด้วยว่ามีความใสสะอาดหรือเปล่า หรือธุรกิจไปเกี่ยวพันกับคนใหญ่คนโตหรือเปล่า ใครตรวจสอบได้ทำให้หน่อย ตนทำไม่เป็น