ร่างทรงเสด็จเตี่ยหน้าซีด สาวบุกตำหนักทวงเงิน แฉถูกยุให้เลิกผัวสูญเงินหมื่นทำดวงตก (คลิป)

5 เม.ย. 65

กรณีเพจเฟชบุ๊ก "แม่ทัพลิง" ลงเรื่องราวว่า "ใครมีข้อมูลไอ้อ้วนชื่อ "ปลาวาฬ" นี้บ้าง ตอนนี้อาศัยหลอกลวงอยู่ จ.ชุมพร ค่าไอติม ค่าทุเรียน ค่าเครื่องเสียง ค่าปูม้า บิดเขาหมด และอื่น ๆ อีกเพียบ ขอบริจาคเข้ากระเป๋าตัวเอง แล้วที่สำคัญแอบอ้างเป็นร่างทรง เสด็จเตี่ย พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ อีกด้วย ได้ข่าวว่าผู้เสียหายเพียบ

117896

วันที่ 5 เม.ย. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายัง อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร นางสาวขจีกานต์ ฤทธิรุณ อายุ 27 ปี ผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 18 มี.ค. 65 ที่ผ่านมา ตัวเองได้ไปทำบุญที่วัดแห่งหนึ่งในชุมพร ตอนนั้นตัวเองก็เห็นมีร่างทรงผู้ชายคนหนึ่ง คือนายสุรศักดิ์ อายุ 28 ปี ทำการทรงอยู่ในวัด อ้างว่าเป็นร่างทรงของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หรือ หมอพร

152953

โดยร่างทรงแนะนำให้ตัวเองเปลี่ยนป้ายทะเบียนรถยนต์ พูดขึ้นมาว่า "เขารอมานานแล้ว รอที่จะเจอตัวเองมานานแล้ว" โดยเขาอ้างว่า ตัวเองคือลูกของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ จากนั้นบอว่า "ให้ลูกช่วยงานพ่อได้ไหม พรุ่งนี้จะมีพิธีบรวงสรวง ไม่มีใครช่วยค่าดอกไม้" จากนั้นทีมงานของร่างทรงคนดังกล่าวแอดเฟชบุ๊กมาคุยรายละเอียดการทำบุญกับตัวเอง และขอค่าใช้จ่ายดอกไม้ในการบวงสรวง 35,000 บาท ตัวเองจึงบอกว่าไม่มีเงินขนาดนั้น และเขาก็ได้ขอให้ตัวเองช่วยค่าดอกไม้จำนวน 10,000 บาท ด้วยความศรัทธาต่อพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ตัวเองจึงได้โอนเงินไปให้ทีมงานของร่างทรงดังกล่าว

ซึ่งหลังจากโอนเงินจำนวน 10,000 บาท ให้กับทีมงานของร่างทรงแล้วนั้น ตัวเองก็มาเอะใจ เพราะบัญชีปลายทางที่ตัวเองโอนเงินไปนั้น เป็นบัญชีทีมงานของร่างทรง ไม่ได้เป็นบัญชีของทางวัดแต่อย่างใด ต่อมาวันที่ 19 มี.ค. ตัวเองได้ไปที่วัดดังกล่าวอีกครั้ง และไปเจอกับร่างทรงดังกล่าวอีก กระทั่งร่างทรงรายนั้นบอกว่า เงิน 10,000 บาทไม่พอ ขออีก 7 ใบเทา หรือ 7,000 บาทอีกได้ไหม ตัวเองจึงคิดในใจว่า ถ้าชายรายนี้เขาเป็นร่างทรงของพระเจ้าบรมวงศ์เธอจริง ๆ เขาคงไม่ทรงแล้วมาขอเงินคนแบบนี้ เขาไม่ทำให้ลูกหลานเขาเดือดร้อนหรอก

จากนั้น ตัวเองจึงสืบหาความจริงสอบถามข้อมูลกับคนรู้จักของนายสุรศักดิ์ กระทั่งบุคคลดังกล่าวให้ตัวเองเอาเชื่อของร่างทรงไปค้นดูในกูเกิลดู ก็พบว่าเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 64 นายสุรศักดิ์เคยมีประวัติหลอกขายทุเรียนมาก่อน จากนั้นตัวเองจึงทักไปถามทีมงานของร่างทรงว่าทำไมต้องให้โอนเงินทำบุญเข้าบัญชีของทีมงาน ทำไมไม่โอนเข้าบัญชีวัด และตัวเองก็บอกให้ทีมงานของร่างทรง โอนเงินจำนวน 10,000 บาทให้ตัวเองคืน แต่เขาก็บอกว่าไม่โอนคืน เพราะเขาได้ซื้อดอกไม้ในการทำบุญแล้ว

ตัวเองทราบภายหลังว่านอกจากตัวเองแล้วร่างทรงรายดังกล่าวยังเอาชื่อของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ไปอ้างให้ชาวบ้านในจังหวัดชุมพรอีกหลายคนโอนเงินให้อีกด้วย สำหรับตอนที่เข้าทรงก็มีการเรียกขอเหล้ามาดื่ม เรียกขอเงินกับชาวบ้าน พูดคำหยาบคาย ตัวเองก็เห็นว่าไม่น่าจะใช่นิสัยของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ คิดว่ากระทำให้เสื่อมเสียต่อชาวจังหวัดชุมพรอีกด้วย

675978

นางสาวอุทุมพร พวงบุปผา ผู้ที่เคยร่วมพิธีกับร่างทรง เล่าว่า เมื่อวันที่ 18 มี.ค. 65 ตัวเองได้ไปทำบุญที่วัดพร้อมกับนางสาวขจีกานต์ หลังจากร่างทรงดูดวงให้กับนางสาวขจีกานต์เสร็จแล้ว เขาก็เรียกให้ตัวเองเข้าไปหา แล้วพูดขึ้นมาว่า "รู้ไหมว่ามีสิ่งไม่ดีอยู่ที่บ้านอยู่" จากนั้นตัวเองจึงถามเขาว่าสิ่งที่ไม่ดีคืออะไร ร่างทรงคนดังกล่าวก็บอกว่า "ก็ผัวไง" แล้วร่างทรงดังกล่าวก็พูดต่อว่าสามีตัวเองเป็นสิ่งไม่ดี เป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตตัวเองก้าวไปข้างหน้าไม่ได้ ทั้งเรื่องการเงินและการงานจะติดขัดหมด แล้วก็แนะนำให้ตัวเองไปเลิกกับสามี แล้วชีวิตตัวเองจะดีขึ้น ตอนนั้นก็มีคนที่นั่งข้าง ๆ ร่างทรงพูดขึ้นมาว่า "เลิกแล้วก็มาหาผมนะ" แล้วร่างทรงดังกล่าวก็พูดขึ้นมาว่า "อย่างคุณไม่ได้หรอก ต้องอย่างผมถึงจะได้"

ตัวเองจึงถามร่างทรงต่อว่าจะให้ตัวเองไปบอกสามีให้สามีออกจากบ้านได้อย่างไร ตัวเองทำไม่ได้ จากนั้นร่างทรงดังกล่าวก็บอกว่ามีอีกวิธี คือให้ตัวเองเอาเงิน 4 ใบเทาหรือ 4,000 บาท ไปให้เขาแล้วชีวิตจะดีขึ้น แต่ตอนนั้นตัวเองไม่มีเงินสด แล้วแบตเตอรี่โทรศัพท์ก็หมด จึงไม่ได้โอนเงินให้กับร่างทรง ยอมรับว่าตอนนั้นก็ทำเอาตัวเองตกใจมากว่าทำไมร่างทรงของพระเจ้าบรมวงศ์เธอถึงพูดจาแบบนี้

291550

ด้านนายกฤษณะ ชุมพล รุ่นพี่ของร่างทรง ให้สัมภาษณ์ว่า ตัวเองรู้จักกับนายสุรศักดิ์มาตั้งแต่สมัยเรียน เนื่องจากเขาเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียน ที่ตัวเองออกมาโพสต์เฟซบุ๊กถึงนายสุรศักดิ์ เพราะตัวเองอยากให้ประชาชนรู้จักพฤติกรรมของนายสุรศักดิ์ ที่เขาหากินโดยแฝงกับการทำบุญ และแอบอ้างว่าเป็นร่างทรงของกรมหลวงชุมพร เป็นสิ่งที่ชาวจังหวัดชุมพรนับถือ ซึ่งตัวเองก็รับไม่ได้เป็นอย่างมาก

โดยที่ชาวบ้านหลงเชื่อและทำบุญกับนายสุรศักดิ์ เพราะเขามีการเชิญศิลปินดารา ถั่วแระ เชิญยิ้ม เชิญข้าราชการตำรวจมาร่วมงานอีกด้วย โดยนายสุรศักดิ์ก็ไม่ได้เข้าทรงให้ประชาชนร่วมทำบุญเฉพาะในจังหวัดชุมพร แต่ไปเข้าทรงทั้งจังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดนครศรีธรรมราชอีกด้วย

545378

ด้านนายสุรศักดิ์ ร่างทรง เปิดใจว่า ตัวเองขอยืนยันว่าไม่ได้ไปหลอกเงินทำบุญกับชาวบ้าน เงินจากการทำบุญดังกล่าว ตัวเองได้ยอดทั้งหมด 94,700 บาท ใช้จ่ายไปทั้งหมด 282,000 บาท เท่ากับว่าตัวเองและทีมงานต้องออกเงินเพิ่มอีก 187,300 บาท และยืนยันว่าเงินทุกบาทก็เอาทำบุญทั้งหมด ไม่ได้เอาเข้ากระเป๋าตัวเองแต่อย่างใด

ที่ต้องให้ชาวบ้านที่มาทำบุญโอนเงินเข้าบัญชีทีมงานของตัวเอง แต่ไม่ใช่บัญชีของทางวัดนั้น เพราะว่าทางวัดไม่ต้องการจะมายุ่งกับเงินค่าใช้จ่ายส่วนนี้แต่แรกอยู่แล้ว จึงเป็นหน้าที่ของทีมงานตัวเอง ที่ต้องทำบุญถวายวัด ส่วนที่ตัวเองเป็นร่างทรงกรมหลวงชุมพรนั้น เพราะต้องการรักษาชาวบ้านที่เขามาพึ่งพาบารมี ส่วนที่ร่างทรงมีการขอเหล้ามาดื่มในพิธีนั้น ตัวเองขอชี้แจงว่า เป็นการขอดื่มน้ำจันทร์ ซึ่งจะมีในพิธีเล้าทรงแกติอยู่แล้ว ส่วนที่ตัวเองมีการทรงแล้ว เรียกขอเงินทำบุญจากชาวบ้าน และบอกให้ชาวบ้านไปเลิกกับผัวนั้น ตัวเองขอชี้แจงว่าตอนเข้าทรงตัวเองไม่รู้สึกตัวใด ๆ

ส่วนเรื่องคดีโกงทุเรียนเมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา ตัวเองยอมรับว่าเคยทำผิดในเรื่องนั้น แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องในอดีต ไม่อยากให้เอามาปนกัน ตัวเองเป็นร่างทรงมากว่า 10 ปี แต่ไม่มีตำหนัก ส่วนคุณถั่วแระ ศิลปินตลกที่เห็นปรากฏในพิธีนั้น ตัวเองเห็นว่าเขาก็มีศรัทธากรมกลวงชุมพรเหมือนกันกับตัวเอง จึงชวนเขามาร่วมพิธี ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าคุณถั่วแระได้ช่วยเงินทำบุญกับตัวเองหลักแสนบาทนั้น ตัวเองชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง

633444

หลังจากนั้น นางสาวขจีกานต์ ผู้เสียหาย, นายกฤษณะ และนางสาวอุทุมพร ก็ได้เดินทางมาเจอกับร่างทรง พร้อมบอกให้ร่างทรงคนดังกล่าว หยุดเข้าทรงกรมหลวงชุมพร รวมทั้งมีการพูดคุยถึงเรื่องที่นายสรุศักดิ์เข้าทรงแล้วขอเงินกับชาวบ้าน ไปบอกให้ชาวบ้านเลิกกับผัว ซึ่งนายสรุศักดิ์ก็ยืนยันว่าตอนเข้าทรงสิ่งที่ทำไปนั้นไม่รู้ตัว และตกลงว่าหลังจากนี้จะเลิกเข้าทรงกรมหลวงชุมพรแล้ว

518071

ด้าน "ตุ้มเม้ง เถิดเทิง" เล่าว่า ตนรู้จักกับหมอปลาวาฬ ใชชื่อเฟิร์ส โดยเขาได้ทักเรามาในแชตเฟซบุ๊ก เชิญตนเองในฐานะดาราศิลปินมาร่วมงาน พร้อมบอกให้เราหาดารามาอีกคน เราจึงชวนถั่วแระ เป็นการว่าจ้างได้เงินเป็นค่าเดินทางจำนวนหลักหมื่น เงินส่วนนี้ก็ไม่ได้รับเงินทันที เพราะปกติต้องมีการตกลงมัดจำก่อน แต่ครั้งนี้ไม่ได้มีการมัดจำ และไม่ได้เงินทั้งหมดหน้างาน ตนก็ไม่อยากจะทักท้วงเรื่องเงินตอนนั้น จึงคอยทวงคอยทักภายหลัง ซึ่งก็นานกว่าจะได้ ส่วนตัวไม่ได้สนิทกับหมอปลาวาฬแต่เขาบอกว่าเขารู้จักตนมานาน เมื่อเขาจัดงานแบบนี้เลยอยากให้ตนและอาถั่วแระไปร่วมงานด้วย เป็นการร่วมงานครั้งแรก

912162

จากที่ตนได้ร่วมงานและเห็นการทำพิธีกรรม ตนเองและอาถั่วแระก็ไม่เชื่อ เพราะในการทำพิธีกรรม เขาก็มีทรงมาประทับร่าง มีการเทบรั่นดีใส่แก้วให้ตนดื่ม พร้อมพูดว่า “เอ็งกินเข้าไปจะเมาจนเอาตัวไม่รอด” หลังตนเองดื่มเข้าไปก็ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น จนได้ทักท้วงว่า “ไม่เห็นเมาเลย สงสัยผมคอแข็ง” คำพูดที่ทำให้คนเชื่อถือ เขาจะชอบทักคนว่ากำลังมีความทุกข์ ซึ่งคนเรามีความทุกข์หนีร้อนไปพึ่งเย็น เมื่อโดนทักก็ต้องไปแก้กรรมตามชะตาของแต่ละคนที่เขาบอก

ลูกศิษย์ของเขาในวันงานก็มีไม่เยอะ ซึ่งนอกจากเขาจะชวนเราและอาถั่วแระแล้ว ได้เชิญนักร้องทางใต้ที่มีชื่อเสียงอีก 2 คนคือ “เจี๊ยบ-เบญจพร” และ “อ๊อฟ-ดอกฟ้า อาร์สยาม” ซึ่งในความคิดของตนเองและอาถั่วแระคิดว่า เขาน่าจะเชิญคนที่มีชื่อเสียงมาร่วมถ่ายรูปด้วยเพราะอยากให้เกิดความน่าเชื่อถือ

จากที่มีการออกมาแฉพฤติกรรมของหมอปลาวาฬในการหลอกลวงคน ตนก็ทราบเรื่องนี้เพราะก็มีคนส่งรายชื่อบุคคลอันตรายมา หนึ่งในนั้นก็เป็นชื่อเขา ตนอยากจะบอกว่าตนไม่ได้รู้เห็นเป็นใจ และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข่องกับเรื่องที่เกิดขึ้น ตนเป็นแค่คนที่ถูกว่าจ้างไปร่วมงาน ตนไม่อยู่ในแก๊งของเขา และไม่ได้รับรู้เรื่องราวใด ๆ

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม