กลับมาเมืองไทยครั้งนี้บอกเลยว่าปังไม่หยุดฉุดไม่อยู่ ล่าสุดนางเอกฮอลลีวูดสัญชาติไทย "ปู ไปรยา" รับทรัพย์ฉ่ำๆ คว้าพรีเซนเตอร์ คิว ลาแฮร์ ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม ฟาดค่าตัว8หลัก งานสุดท้ายก่อนบินกลับไปรับงานโกอินเตอร์ต่อที่ แอลเอ สหรัฐอเมริกา
งานนี้ "สาวปู" พร้อมอัปเดตทุกเรื่องราวที่ตอนนี้หันหน้าเป็นสายมูเตลู เดินสายขอพรตลอดเวลา กลางงานอีเว้นท์ Russakarn Open House Party จังหวัดนครสวรรค์ ปิดท้ายด้วยเรื่องหัวใจหลังมีช็อตประวัติศาสตร์โผล่เซอร์ไพรส์แฟนเก่า "โจอี้ บอย" เต้นเพลงรักเจ็บจี๊ด "ถึงร้ายก็รัก" ที่อดีตแฟนหนุ่มเคยแต่งเพลงให้ วันเกิดที่ผ่านมาเดินสายมู รำถวายที่พระธาตุพนม?
"ใช่ปกติก็ไม่มีโอกาสได้รำเลยเป็นครั้งแรก แล้วคราวนี้เดือนธันวาคมเราก็มีโอกาสได้ไปนครพนม แล้วท่านรองเจ้าอาวาสให้เราลองสวดบท ก็นั่งสวดข้างพระธาตบด ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งได้ แล้วท่านก็เลยชวนมาอีกทีตอนวันเกิดก็ชวนคุณพ่อและน้องชาย แล้วก็ทีมพี่ป้อมวินิจทีมงานที่อยู่ด้วยกัน ก็เลยอยากทำอะไรที่มันแสดงความเป็นไทยด้วย เราก็เลยมีโอกาสรำ แต่ไม่ได้บนอะไรอันนี้แค่อยากรำถวายเท่านั้นเอง"
ซ้อมรำนานไหมคะ?
ยากนะ แต่ก็ไปซ้อมเมื่อวันก่อนก็สนุกดี เป็นการรำครั้งแรกที่ไม่เคยทำมาก่อนรู้สึกชอบมาก แต่ตามความเชื่อส่วนตัวนะคือตอนแรกอากาศร้อนมากแต่พอทำเสร็จอากาศเย็นลมพัฒน์มาแรงมากคล้ายอาทิตย์ทรงกรด ช่วงนั้นเราก็รีบอธิฐานทันที
เข้าสู่วงการสายมูฯนี้ได้ยังไง?
ปูผ่านอะไรมาเยอะก็เลยต้องหาอะไรยึดเหนียวทางจิตใจ แต่ก็ต้องทำอย่างมีสตินะ เราก็มีปฏิบัตินั่งสมาธิแล้วก็ถือศีลมาแล้วบ้าง ทำทานแล้วก็ทำความดีอย่ามาก่อนแล้วก็ไม่ค่อยได้ทำเพราะทำแล้วก็รู้สึกว่าเจอแต่สิ่งดีดีเข้ามาในชีวิตก็เลยทำต่อไป
อะไรที่เรามูและมันได้ผลแล้วบ้าง?
ก็คือการนั่งสมาธิสวดมนต์ เราคิดว่าการที่เรามีสติกับการนั่งหายใจ และรู้เท่าถึงความรู้สึกตัวเองนั่นแหละคือชีวิตเปลี่ยน แล้วก็สวดมนต์เราก็ต้องเข้าใจบทสวดด้วยว่าเราสวดเพราะอะไร อย่างโควิดที่ผ่านมางานหายเราก็ไม่รู้จะทำอะไรก็เลยนั่งสวดมนต์ดีกว่า สวดตามความรู้สึกเข้าใจความหมายและสวดไปเรื่อยเรื่อย 21 จบ ถ้าได้ 108 จบก็ดี แต่ต้องสวดเพื่อเข้าถึงสมาธินะ
ปกติขอพรเรื่องอะไรบ้าง?
ททก็ขอให้เราได้งาน แต่ก็ควรจะเริ่มขอเรื่องผู้ชายได้แล้วมั้งเพราะทำแต่งงาน แต่จริงๆขอเรื่องงานขอให้ชีวิตดีขึ้น แต่ปูเชื่อเวลาจิตเรามีสมาธิและปราถนาสิ่งใด และเราคิดดีคิดบวกเราก็จะได้ในสิ่งนั้น ขอใจเราพาดึงดูดไปที่สิ่งนั้นเอง
อย่างตัวเรามีอะไรยึดเหนี่ยวจิตใจบ้าง?
ถ้ามาบ้านปู่ก็คิดว่าตำหนักค่ะ เพราะทำงานมาหลายปีแล้วเวลาเราถูกก็ไม่รู้จะไปที่ไหนก็จะนั่งอยู่แต่ในห้องพระนี่แหละ ซึ่งก็เข้าวงการนี้มา 7-8 ปีแล้ว
กลับไทยมารอบนี้รู้สึกยังไงบ้าง?
มีความสุขค่ะ ได้เจอครอบครัว ได้เจอพี่พี่นักข่าว สัมผัสถึงการปล่อยวางและมีความสุข อย่างปีที่แล้วกลับไทยแบบเงียบมากไม่กล้าเจอสื่อ แต่พอออกมาก็รู้สึกว่าได้เป็น ปู ไปรยา อย่างตอนนี้มีความสุขมากนะ กลับไปทำงานก็คงจะมีกำลังใจ
และจะกลับมาทำงานที่เมืองไทยต่อไหม?
ไม่แล้ว เพราะว่าพูดถึงเมืองไทยมันก็มีความทุกข์ในแบบของมันอยู่นะ อยู่ที่โน่นน้อยคนน้อยปัญหาก็อยู่ที่นั่นดีกว่า
ตอนนี้ปล่อยวางทุกเรื่อง?
ใครจะมีปัญหามีอะไรก็ไม่ได้สนใจแล้ว พอเรารอดจากปัญหาก็รู้สึกว่าครอบครัวสำคัญสุดก็ปล่อยวางไป อะไรที่ผิดเราก็น้อมรับผิดไปอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง ถ้าตามทุกอย่างในโซเชียลเราจะขาดความเป็นตัวของตัวเองเลย 5 เดือนแล้วที่ปูไม่ได้ลงรูปในโซเชียลเลย อาจจะลงหน้าตัวเองตอนสวยเผื่อมีหนุ่มมาส่อง
ล่าสุดเราได้ไปเจอกับพี่โจอี้?
เป็นครั้งแรกที่เจอกันในรอบ 10 ปี และเค้าไม่เคยร้องเพลงร้ายก็รักให้ฟัง ก็คือเขาขึ้นมาร้องให้ฟังบนเวทีตอนนั้นเสียงเค้าสั่นเลย ฝากถึงคนอื่นอย่าจับจิ้นคู่เราเลย ถ้ามันไปรอดมันไปรอตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ตอนนี้เป็นเพื่อนกันดีกว่า มีความสุขค่ะ ในใจเราก็รักพี่โจ้นะในฐานะเพื่อนคนนึง
แล้วตอนนั้นพี่โจ้ก็ได้สอนอะไรเราเยอะเกี่ยวกับเรื่องวงการบันเทิง หลายอย่างที่เกี่ยวกับการตอบคำถามของปูในวันนี้ส่วนหนึ่งก็คือพี่โจ้นะ และตอนนั้นเค้าก็แนะนำให้เรารู้จักกับผู้ใหญ่หลายคนมาก ยังไงเขาก็เป็นคนสำคัญในใจเราอยู่แล้ว แต่คนเราไม่ได้คุยกัน 10 ปีมันสตาร์ทเครื่องไม่ติดอยู่แล้วถูกไหม
ทำไมตอนนี้ถึงยังโสดอยู่?
ก็ทำแต่งงานไง 10 ปีที่แล้วก็ผ่านอะไรมาเยอะ ก็มีคนมาจีบบ้างแต่พอเราผ่านสองรอบใหญ่แล้ว มันเหมือนว่าครั้งนี้ถ้าจะเปิดตัวหรือคบจริงๆ มันต้องใช่แล้วนะ ถ้าไม่ใช่มันก็เหมือนเสียเวลา ก็เลยคุยกันไปก่อน หมอดูก็ทักว่าจะมีแต่อาจจะเข้ามาทีหลัง ซึ่งตอนนี้ก็มีคนคุยแต่ว่าหลังจากนี้จะไม่คุยกับดาราหรือคนในวงการบันเทิง ก็อาจจะเป็นคนนอกวงการ ตอนนี้คือเปิดรับทุกสัญชาติค่ะไม่ติดว่าจะต้องเป็นคนไทย