“เจ๊อ้อย” เปิดใจครั้งแรก ยันไม่ได้ให้เงิน 71 ล้านบาทโดยเสน่หา รับ ใจสลาย ลั่นจะไม่ยอมความหรือเจรจา แต่จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
วันที่ 1 พ.ย.67 ที่ อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นางจตุพร อุบลเลิศ หรือ เจ๊อ้อย เศรษฐินีชาวไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีประเด็นเรื่องเงิน 71 ล้านบาทกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม หลังให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ตั้งแต่ 10 โมงเช้า ได้เปิดโอกาสให้สื่อฯ ที่มาเฝ้ารอสัมภาษณ์ นานกว่า 11 ชั่วโมง ว่า ตนมีความรู้สึกสบายใจมากขึ้น หลังจากเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย ยืนยันว่าไม่ได้เสน่หา จึงไม่จำเป็นต้องให้เงินจำนวน 71 ล้านบาทกับทนายตั้มแต่อย่างใด และยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จะไม่มีการเจรจาใดๆทั้งสิ้น เพราะเวลาล่วงเลยมาแล้ว
ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับการให้ปากคำในวันนี้ขอไม่เปิดเผย เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบต่อรูปคดี แต่ยอมรับว่าการให้ปากคำยังไม่เสร็จสิ้น ซึ่งต้องมาอีกโดยให้พนักงานสอบสวนเป็นผู้นัดหมาย
ด้านนายสมชาติ พินิจอักษร ทนายความ เปิดเผยว่า การให้ปากคำในวันนี้เนื้อหาไม่แตกต่างจากเมื่อวาน (31ต.ค.67) แต่มีการเพิ่มเติมลงลึกในรายละเอียดมากขึ้น ซึ่งการให้ปากคำในตลอด 2 วันที่ผ่านมา ถือว่าคืบหน้าไปแล้ว 60% นอกจากนี้วันนี้ยังได้นำพยานหลักฐานซึ่งเป็นเอกสารมาให้พนักงานสอบสวนด้วย
ส่วนปมแตกหักระหว่างเจ๊อ้อยและทนายตั้มนั้น มีปัญหาบาดหมางระหกระแหงแต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดว่าเป็นเรื่องใด ซึ่งเจ๊อ้อยยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด นั่นหมายถึงให้ศาลฯ เป็นผู้พิพากษา
ส่วนกรณีที่ทนายตั้มออกมายืนยันว่าจะไม่มีทางคืนเงิน 71 ล้านบาท พร้อมต่อสู้ในชั้นศาลฯ ก็เป็นแนวทางการต่อสู้ของเขา แต่ทางเรามีพยานหลักฐานและมีแนวทางการต่อสู้คดีเหมือนกัน ไม่ใช่เสน่หาอย่างแน่นอน
ส่วนกรณีรถเบนซ์สีดำ ก่อนหน้านี้เจ๊อ้อยเป็นเจ้าของรถ แต่มีการหยิบยืมไปใช้บ้างเป็นครั้งคราว ส่วนกระแสข่าวคนใช้รถตัวจริงไม่ใช่คู่กรณี แต่มีการนำไปให้ชาวต่างชาติ หรือกลุ่มจีนเทาเป็นผู้ใช้รถนั้น ยอมรับว่าตนได้ข้อมูลเหมือนกับสื่อมวลชน ซึ่งเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง
ส่วนกรณีที่มีคนพบว่าคู่กรณีมีการไปยื่นขอหนังสือเดินทางเพื่อไปยุโรปนั้น ตนยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว แต่ยืนยันว่าต่อให้หลบหนีไปต่างประเทศก็ไม่ทำให้หนักใจเพราะเชื่อมั่นในการทำงานของตำรวจ