ย้อนอดีต ตุ๊กตา สายบู๊! กระทืบเพื่อความยุติธรรม พร้อมเพื่อนซี้ เปิ้ล ชไมพร เปิดใจตกอับ จนต้องไปอยู่บ้านเช่าจริงมั้ย?
เป็นการเปิดใจครั้งแรกของ 2 คู่ซี้ในวงการบันเทิงอย่าง “ตุ๊กตา อุบลวรรณ บุญรอด” และ “เปิ้ล ชไมพร สิทธิวรนันท์“ ที่คบกันมากว่า 30 ปี มาเม้าท์มอยความสัมพันธ์ในวงการ และเปิดใจย้อนวัยในวันวานของแต่ละคน รวมไปถึงอัปเดต อาการล่าสุดของพ่อ ”ตุ๊กตา“ และข่าวลือตกอับของ ”เปิ้ล“ จนต้องไปอยู่บ้านเช่า ผ่านรายการ คุยแซ่บโชว์
ครั้งแรกที่เจอกันต่างมองกันและกันยังไง ?
ตุ๊กตา : พี่เปิ้ลเจอครั้งแรก เขาเป็นคนอ่อนโยน ใจดี น่ารัก ผู้หญิงคนนี้ใจดีจัง แม้เป็นพี่นะ แต่ก็ยกมือไหว้ทุกคน เขาจะเรียกพี่หมด ส่วนเราเป็นสายบู๊ กระทืบหมด กระทืบผู้ชาย ก็กระทืบมาแล้ว ทอมก็กระทืบมาแล้ว สาเหตุเพราะถ้าเราเห็นอะไรไม่ถูกต้อง ในตอนวัยรุ่นนะ บางทีกฎหมายมันช้า มันหลายอย่าง บางทีความยุติธรรมกว่ามันจะมา มันต้องใช้เวลา ถ้าเราไม่ผิด เราโดนโกง เราถูกหลอก เราก็ต้องทำ มีอะไรพร้อมมีเรื่อง ไม่ด่า เดินไปกระทืบ เคลียร์แล้วจบ ไม่พูดอะไร แล้วไปจ่ายปรับจบ ไม่เคยโดนกระทืบกลับ แต่ธัญญ่าน่ากลัวกว่า (หัวเราะ)
เปิ้ล : สนิทกันเพราะรถเราเสีย เราต้องถ่ายละครด้วยกัน อาศัยรถไปมา เพราะต้องถ่ายที่ต่างจังหวัด และเขาเป็นคนพูดตรงๆ ง่ายๆ เข้าใจภาษาของเรา เพราะเราพูดไม่รู้เรื่อง (หัวเราะ) เราชอบพูดคนเดียว แต่ตุ๊กเขาเป็นคนอารมณ์ร้อนในตอนนั้น แต่ตอนนี้เราแรงกว่า (หัวเราะ)
ตุ๊กตา : แต่ตอนนี้เราใจเย็น มี 2 สาเหตุ 1 มาจากคุณธัญญ่ากับคุณเปิ้ล ชไมพร เขาจะปลอบเราในเวลาเราร้อน ส่วนคุณญ่า ชวนเราเข้าธรรมะ แนะนำให้เราสวดมนต์ ส่วนเปิ้ลใจร้อนแบบโก๊ะๆ (ยิ้ม) และเป็นคนชอบเดินสะดุด วันละ 20-30 รอบ
เปิ้ล : ตอนเด็กๆ เราเป็นโปลิโอ ก็เดินลำบาก หม่าม๊าก็พาไปกายภาพจนเรากลับมาเดินได้ มันทำให้เหมือนเดินสะดุดตลอด ตอนนั้นที่รักษา คือเราหยอดยาไม่ครบ มันก็มีอาการ แม่พาไปกายภาพ อาทิตย์ละครั้งที่ต้องไปกายภาพ แต่พอกลับมาบ้าน กายภาพเอง เอาจักรยานสามล้อ แม่จับผูกขา และก็จับลากไป หรือว่าหมอไหนดี ก็พาไปนวด และตอนนี้ก็เดินปกติ แต่ก็ต้องคอยระวัง เราออกกำลังกายด้วย
ตุ๊กตาต้องคอยสออะไร เห็นว่ามีดุด้วย ?
ตุ๊กตา : เราก็ช่วยแนะนำแต่งตัว แต่งหน้า เราก็จะดุว่าให้เขาทาปาก กรีดตา เราสอนให้เขาเขียนคิ้ว ติดขนตาเป็น (ยิ้ม)
ดูแลมา 30 ปี เคยทะเลาะกันไหม?
ตุ๊กตา : ไม่เคยเลย ไม่เคยงอนกัน ไม่เคยเข้าใจผิดอะไรกันเลย ไม่มีอะไรบาดหมาง เป็นเพื่อนคนแรกในชีวิตที่เป็นดาราด้วยกัน ไม่เคยต้องเคลียร์อะไร ก็ยังถามว่าพี่เปิ้ล เราจะทะเลาะกันตอนไหนดี (ยิ้ม)
เปิ้ล : แต่เราก็รับรู้ได้ว่าบางช่วงตุ๊กเขาก็จะเครียด อย่างไม่ได้คุยกันนาน แต่เหมือนเรานอนๆ ก็นึกถึงเขาว่าตุ๊กมีเรื่องอะไรหรือเปล่า 2-3 วันสลัดความคิดนี้ไม่ออก เราก็เลยโทรหาว่าเป็นไง สรุปว่าเขาก็มีความกังวลใจ
ตุ๊กตา : เหมือนเขามีเซ้นส์ แต่เรามีปัญหา เราก็ไม่เคยโทรหาเขา ไม่อยากให้เครียด แต่นางก็โทรมาเหมือนผีหลอก เหมือนรู้ว่าเรากำลังเครียด ตลอด 30 ปี นางโทรมา จนเราคิดว่านางน่ากลัว นางส่งใครตามมาหรือเปล่า
เปิ้ล : เราเคยบอกว่าถ้ามีปัญหาอะไร ให้โทรมา โทรศัพท์เราเปิด 24 ชม.
อย่างเรื่องล่าสุด คุณพ่อ ป่วยของตุ๊กตา
ตุ๊กตา : อาการดีขึ้น ตั้งแต่เมษา อาการเป็นไตวายเฉียบพลัน ติดเชื้อในกระแสเลือด ติดเชื้อในกระเพราะปัสสาวะ เลือดเป็นกรด ต้องใช้คำว่าแทบจะเอาชีวิตไม่รอด ครั้งล่าสุดที่เกิด คือพ่อไม่กินข้าวเลย 10 วันติดต่อ จนไตวายเฉียบพลัน เราพยายามดูแล แต่แม่เชิญพระมาสวด บอกให้ปล่อยพ่อไปเถอะเพราะพ่อหัวใจหยุดเต้นมาแล้ว หัวใจสโตก ล่าสุดเฉียดตาย พ่อกำลังจะไป แม่บอกให้ปล่อยไปเถอะ เราก็บแกแม่ว่าถ้าต้องปั้ม จะไม่ปั้ม แต่ถ้าไปรักษาครั้งนี้ ความหวังจะริบรี่ แต่ถ้ามีหวังก็จะทำ แม่ถอดใจ แต่ไม่มีลูกคนไหนจะเห็นพ่อจากไปต่อหน้าต่อตา แม่เขาเป็นห่วงค่าใช้จ่าย แต่เราก็สู้
ซึ่งตอนนี้ก็เป็นหลักล้าน ถามว่าเหนื่อยไหม เหนื่อยนะ บอกไม่เหนื่อยคือหลอกตัวเอง แต่พอเห็นหน้าพ่อแม่ เราก็มีความสุข เรามีชีวิตอยู่เพื่อพ่อกับแม่ เราคิดว่าเกิดมาจากกรรม บางคนอาจจะไม่เชื่อ แต่นี้เป็นกรรมที่ดีที่ได้ดูแลพ่อแม่ ถ้าวันไหนที่ท่านต้องจากไป เราจะรู้สึกดีที่เราได้ดูแลท่านดีที่สุด ส่วนคุณแม่เราก็ต้องพาแม่ไปรักษาตา ฉีดยาเข็มละ 3 หมื่น ตุ๊กตาโชคดีที่เวลาเราโพสต์คลิป และมีคนเข้ามาให้กำลังใจ เป็นกำลังใจดีๆ จากโซเซียล เราโพสต์ไม่ได้ต้องการอวดใคร แต่พอหลังบ้านมีคนมาถามวิธีดูแลคุณพ่อ รู้สึกเราได้บุญ เป็นพลัง มีกำลังใจ ทุกคนอยากถูกรางวัลที่หนึ่ง แต่เรารู้สึกได้แฟนดี ไม่รังเกียจพ่อเรา เขาดูแลพ่อให้เวลาเราไปทำงาน (ร้องไห้)“
ตุ๊กตา : วันแรกที่เขาพูดได้ หลังจากพูดไม่ได้มานาน พูดว่าหิวข้าว (ร้องไห้) เขาไม่ยอมกินอะไรเลย ตั้งแต่ป่วยมา พอเขาพูดมา เรายังคิดว่าจริงเหรอ ก่อนหน้านี้เราก็คิดว่าพ่อมีภาวะลืทกลืน จากสโตกไหม กำลังฝึกกายภาพ ไม่ให้เป็นผู้ป่วยติดเตียง
และข่าวของ เปิ้ล ชไมพร ชีวิตตกอับ อยู่ห้องเช่า?
เปิ้ล : เราก็ตกใจเหมือนกัน ชีวิตปกติ ไม่ได้ลำบาก อยู่กับคุณแม่ พี่ชาย ครอบครัว บางทีรูปที่เขาลงไป เราก็แค่ถ่ายกับแม่บ้านเท่านั้นเอง
ตุ๊กตา : ตุ๊กตาเป็นคนถ่ายรูปนั้นเอง พี่เปิ้ลลืมโทรศัพท์ไว้ในห้องน้ำ แม่บ้านเก็บไว้ให้ เราก็ถ่ายรูปไว้ เพื่อโพสต์ขอบคุณ แต่คนก็ไปตีความว่าลำบาก หรือรูปที่เหมือนสร้างบ้าน ตุ๊กตาทำรายการ ก็ไปสร้างบ้านให้คน ต้องไปก่อสร้าง สร้างบ้านให้เขา แล้วคนก็เอาภาพนี้มาลง ว่าชีวิตพี่เปิ้ล ชไมพรลำบากมากเลย
เปิ้ล : ตอนแรกก็เครียด ปรึกษาตุ๊กว่ายังไงดี แต่เราก็เป็นห่วงความรู้สึกแม่ กลัวเขาเครียด 3-6 เดือนก็เอามาลงอีก กับข่าวเดิมๆ ตกอับ ไม่มีงาน เราก็ถ่ายละครตลอด เราอยู่กับแม่ เราเกาะแม่แน่นมาก ไม่ปล่อยแม่เลย
พี่ตุ๊กตาเดือดแทนเลย ?
ตุ๊กตา : เดือดแทน ไปตอบเม้นท์แทน มันไม่ใช่ความจริง พี่เปิ้ลเขามีชีวิตที่อยู่ดีมีสุข มีการ มีงานทำ ไม่ได้มีชีวิตที่แย่เหมือนที่คุณไปพิมพ์ ทำให้คนเข้าใจว่าชีวิตดาราคนนี้แย่มาก
เห็นว่า เปิ้ล ชไมพร มีสามีแล้ว?
เปิ้ล : เป็นสามีที่รักมาก (ยิ้ม) เขาเป็นสามีของทุกๆ คน พี่กงยู (ยิ้ม) เรียกว่าคลั่งมาก ตามทุกโซเซียล
พี่เปิ้ลเคยให้สัมภาษณ์ว่าชาตินึ้จะขอขึ้นคานตลอดชีวิต ยังใช้คำนี้อยู่มั้ย ?
เปิ้ล : ยังใช้คำนี้อยู่ค่ะ อาจจะมีลงๆขึ้นๆบ้างแล้วแต่(หัวเราะ) ก็มีความสุขดี ณ ตอนนี้ อยู่กับครอบครัว
เคยบอกความในใจกันมั้ยว่ารู้สึกยังไงบ้าง ?
เปิ้ล : อยากบอกตุ๊กว่าเป็นห่วงเขาในทุกอย่างๆ ทุกๆเรื่อง ขอบคุณที่เพื่อนคนนี้ไม่เคยทิ้งเพื่อนคนนี้เลย ไม่ว่าจะมีความสุข ความทุกข์ หรือว่าในข่วงไหนแย่ๆ เขาก็จะคอยช่วยเหลือเรา สุขภาพเขาดูแลอยู่แล้วแต่อยากจะบอกเขาว่าให้ดูแลเรื่องความเครียด สมองเขารัน 24 ชม. เวลานอนสมองเขายังรันเลย เราเป็นห่วงเขา เพราะเขาเป็นเสาหลักของทุกๆคนในบ้าน รักมาก เขาไม่ใช่แค่เพื่อน เขาเป็นหนึ่งในครอบครัวเรา
ตุ๊กตา : จะไม่ค่อยได้บอกเขา จะไม่ได้มีโมเม้นท์หวานๆ จะบอกพี่เปิ้ลว่าขอบคุณที่ไม่เคยทิ้งกันเลย คนเข้ามาในชีวิตตุ๊กเยอะ เวลาที่ตุ๊กมีผลประโยชน์กับใคร คนๆนั้นก็จะดีกับตุ๊กแต่พอเวลาที่ตุ๊กหมดอำนาจ หมดผลประโยชน์ คนเหล่านั้นก็จะหายไป แต่ว่าพี่เปิ้ลต่อให้ตุ๊กจะมีหรือไม่มี หรือจะลำบากแค่ไหน เขาจะอยู่ข้างๆเราตลอด ขอบคุณเขาที่ไม่เคยทิ้ง เขาจะถามตลอด มีเงินใข้มั้ย ตังค์พอมั้ย พี่มีเงินเก็บนะ เอาตังค์พี่ไปซิ เขาอยู่ในทุกช่วงเวลาที่ต่อให้คนอื่นมองไม่เห็นคุณค่าของเรา แต่พี่เปิ้ลเห็นคุณค่าของเราเสมอ