หลานคลั่งยาขอเงินย่าไม่ได้ กระทะฟาดจอบทุบดับ ช็อกลากศพประจานกางร่มเฝ้า (คลิป)

เมื่อวันที่ 8 เม.ย.65 เวลา 13.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กระตีบ และกู้ภัยมูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม ได้รับเเจ้งเหตุ หลานชายติดยาคลั่งใช้ไม้ทุบตีผู้เป็นย่าจนเสียชีวิต จึงรุดไปตรวจสอบที่เหตุภายในครัวหลังบ้านเลขที่ 140 หมู่ 5 ตำบลห้วยม่วง อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบร่างนางพยอม สุขสมกิจ อายุ 80 ปี สวมเสื้อเชิ้ตลายตารางสีน้ำเงิน เเละผ้าถุง ไม่สวมรองเท้า นอนหงายเสียชีวิตอยู่บริเวณหน้าบ้าน มีบาดแผลเเตกที่ศีรษะ เบื้องต้นทราบว่าผู้ก่อเหตุ คือ นายสุรศักดิ์ สอนดอนไพร หรือ เปา อายุ 27 ปี หลานชายซึ่งติดยาเสพติด ใช้อาวุธไม้ซึ่งเป็นด้ามของจอบตีเข้าที่ศีรษะนางพยอมจนเสียชีวิต ในช่วงที่เจ้าหน้าที่เข้าไปถึง นายสุรศักดิ์ ยืนอยู่บริเวณหน้าบ้านในลักษณะเมายา ก่อนที่จะถูกควบคุมตัวมาที่ สภ.กระตีบ ส่วนศพของนางพยอม จะส่งไปชันสูตร ที่รพ.ศิริราช ต่อไป

ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางลงพื้นที่เกิดเหตุ พบเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ไม่มีรั้วรอบขอบชิด เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานกำลังเก็บหลักฐานอยู่ในครัว จากการสำรวจพบร่องคราบเลือดขนาดใหญ่บริเวณหน้าตู้กับข้าว เเละมีกระทะเเตกตกอยู่ที่พื้นด้ามจับหลุด ส่วนบริเวณพื้นดินหน้าบ้านห่างออกไปประมาณ 10 เมตร พบกองคราบเลือดซึ่งเป็นจุดที่ผู้ตายนอนเสียชีวิต

ทีมข่าวได้สอบถาม นางสาวอรจิรา จันทร์ดี อายุ 21 ปี น้องสะใภ้ของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาครอบครัวเพิ่งจะทำบุญครบรอบ 100 วันให้กับลูกเขยของผู้เสียชีวิต มีญาติหลายคนมาร่วมงานทำบุญ และยังเห็นว่าผู้ก่อเหตุไม่มีพฤติกรรมคล้ายเมายา และเขาก็ยังเข้าไปกราบเท้าย่า กระทั่งช่วงเวลาประมาณ 12.40 น. ตนนอนอยู่ในห้องนอนกับลูกชายวัย 3 ขวบ ส่วนผู้ตายและคนก่อเหตุอยู่ที่บ้านอีกหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นบ้านสังกะสี 2 ชั้น อยู่ห่างไปประมาณ 100 เมตร

จากนั้น ตนก็ได้ยินเสียงผู้ตาย และผู้ก่อเหตุทะเลาะกันเสียงดัง คาดว่าผู้ก่อเหตุจะขอเงินจากย่าเพื่อนำไปหาซื้อยาเสพติด เเต่ย่าไม่ให้ ผู้ก่อเหตุจึงลงมือทำร้ายร่างกายจนย่าต้องหนีมาหลบที่ครัวหลังบ้าน แต่ผู้ก่อเหตุก็ถือไม้ตามมา ตนยอมรับว่าไม่ได้ออกมาดูเหตุการณ์ เพราะต้องเลี้ยงลูกเล็ก เเต่ก็ได้ยินเสียงย่าร้องออกมาเสียงดัง 3 ครั้ง จากนั้นก็ได้ยินเสียงคนก่อเหตุ ตะโกนว่า “มึงจะทำกูเหรอ มึงจะทำกูใช่ไหม” และได้ยินเสียงผู้ก่อเหตุตีไม่หยุด ต่อมาก็มีเสียงขว้างปากระทะด้วย

เมื่อผ่านครูหนึ่ง ผู้ก่อเหตุได้ทิ้งอาวุธไว้ในครัว เเละลากย่ามาที่หน้าบ้าน กระทั่งมีชาวบ้านมาเห็นเหตุการณ์ ตนไม่กล้าออกมาจนมีคนออกมามุงดูจึงได้ออกมา เเละรีบโทรศัพท์เเจ้งตำรวจ ในตอนนั้นคนก่อเหตุก็ยืนอยู่เเละบอกอีกว่า “เเค่นี้ไม่ตายหรอก หนามตำเท้าย่า เเค่จะมาช่วยดึงออก” เท่าที่ตนสังเกตสภาพย่ามีเลือดออกศีรษะจำนวนมาก เเขนบวมช้ำ จากการสอบถามชาวบ้านที่เข้าช่วยเหลือ จึงรู้ว่าช่วงที่เข้ามาห้ามย่ายังไม่เสียชีวิต

นางสาวอรจิรา กล่าวให้ฟังอีกว่า เมื่อตนไปดูที่เกิดเหตุที่ครัวหลังบ้าน ก็เห็นว่าไม้มีลักษณะคล้ายด้ามจอบหักเป็น 2 ท่อน มีกระทะเเตกด้ามหลุดหล่นอยู่ที่พื้นครัว เเละมีร่องรอยเลือดสาดกระจายเต็มพื้น โดยปกตินายสุรศักดิ์ มักจะเสพยาเป็นประจำ เคยทำร้ายร่างกายย่าหลายครั้ง เวลาไม่มีเงินก็มาขอไปซื้อยา หรือขอจากพ่อ เเละทำร้ายพ่อตัวเองด้วย แต่ช่วงหลัง ๆ พ่อไม่อยู่บ้านก็ต้องขอจากย่า เวลาไม่ได้เงินก็ดุด่าย่าและใช้ไม้ทำร้ายร่างกายย่า จนย่าต้องเข้าโรงพยาบาลหลายครั้ง เเม้จะเคยเเจ้งตำรวจ เเต่ย่าก็ไม่เคยเอาความเพราะว่ารักหลานมาก ๆ เลี้ยงมาตั้งเเต่เล็ก ๆ เนื่องจากพ่อเเม่เขาเเยกทางกัน ย่าเคยพานายสุรศักดิ์ไปบำบัดหลายครั้ง เเต่ออกมาก็เป็นเหมือนเดิม

"พฤติกรรมของเขา นอกจากจะทำร้ายร่างกายย่าเเล้ว ยังชอบระรานญาติคนอื่น ๆ ที่อยู่บ้านใกล้กันด้วย เช่น ยืมรถญาติ เเต่ไม่ได้ก็เอาไม้ไปทุบรถ บางครั้งเราก็กลัวจนอยู่ที่บ้านไม่ได้ ต้องไปอยู่ที่อื่นก็มี บางครั้งก็ขู่เด็ก ๆ ในบ้านไม่ให้มองหน้า จนไม่มีใครกล้าที่จะยุ่งด้วย รู้สึกเสียใจมาก ๆ ที่ย่าเสียชีวิต เพราะน้ำมือหลานเเท้ ๆ จึงอยากจะให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการให้ถึงที่สุด" ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ กล่าว 

อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.สมพร จรเอียด รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.กระตีบ ให้ข้อมูลว่า ในเบื้องต้นยังไม่ได้มีการเเจ้งข้อกล่าวหาใด ๆ เนื่องจากยังไม่สามารถสอบปากคำผู้ก่อเหตุได้ เพราะยังอยู่อาการมึนเมายาเสพติด ขณะนี้ผู้ก่อเหตุถูกควบคุมตัวไว้ในห้องขังของโรงพัก จึงทำได้เพียงสอบปากคำญาติเเละพยานในที่เกิดเหตุเท่านั้น ส่วนในวันพรุ่งนี้ (9 เม.ย.65) จะได้มีการนำตัวผู้ต้องหาออกมาสอบปากคำพร้อมกับทนาย เเละจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาส่งศาลฝากขังต่อไป